ฝันที่เป็นจริง...โอนแล้วจ้า

หลังจากตรวจบ้านมา 3 รอบ
- รอบแรก ตรวจเพื่อแจ้งข้อบกพร่องให้แก้ไข
- รอบ 2 ตรวจความเรียบร้อยตามรายการที่เคยแจ้งให้แก้ไข และแจ้งข้อบกพร่องเพิ่มเติม
- รอบ 3 ตรวจเช็คความเรียบร้อยทั้งหมดก่อนโอน (โครงการยืนยันว่า แม้จะโอนแล้วก็ยังสามารถแจ้งให้แก้ขจุดบกพร่องต่างๆ ได้ (ถ้ามี) อันนี้ไม่รุจะจริงมั้ย ต้องรอดูกันไป)

และแล้วก็ได้เวลาโอนแล้วค๊า...!!!!!! (วันศุกร์ ที่ 25 กันยายน 2552)

วันนี้ลางาน (อีกแล้ว) ตื่นแต่เช้าจัดการพาเจ้าตัวเล็กไปส่งไว้ที่เนิสตามปกติ ตอนแรกว่าจะพาไปด้วยกัน ก็แค่คิดภาพก็สนุกแระ จึงตกลงกะคุณสาระมีว่า อย่าเลย...จะดีกว่า

ส่งลูกเสร็จ กินข้าวก่อนบึ่งรถไปเซ็นสัญญาเงินกู้กับธนาคารนครหลวงไทย สาขาบางใหญ่ นัดไว้ 9 โมง ไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่ก็ออกมารับ และพาเข้าประตูด้านหลัง (โอ้โฮแฮะ คิดว่าต้องไปปล้นอย่างเดียว ถึงจะได้เข้าทางด้านหลังธนาคาร) เจอผู้จัดการสาขาที่นี่ (พี่จิ๋ว) ตอนแรกคิดว่าอาจารย์ฝ่ายปกครอง (อิอิ แอบเมาท์) แต่จิงๆ พี่แกน่ารักมาก ระหว่างให้คุณสาระมีเซ็นๆๆๆ เราก็เมาท์กะพี่จิ๋วไปพลาง (แบบว่าเราเองเซ็นแค่ 2 แก็ก ในฐานะภรรยายินยอมให้สามีเป็นหนี้ ไม่ได้กู้ร่วม เลยมีเวลาเมาท์) อีกอย่างก็ให้ธนาคาร fax สัญญาไปให้อ่านล่วงหน้าแล้วด้วย จึงเซ็นไปเมาท์ไปได้ สบายๆ กว่าจะเสร็จก็เกือบ 10 โมงแระ

สิ่งที่จะได้จากการเซ็นสัญญาเงินกู้กะแบงค์
==>>
- หนี้ (ก้อนโต) อันนี้มันแน่อยู่แล้ว
- หนังสือสัญญาคู่ฉบับ 1 ชุด
- สมุดธนาคาร 1 เล่ม (เอาไว้ตัดยอดตอนชำระเงิน) นัดรับอีกทีตอนบ่ายหลังกลับจากกรมที่ดิน
- ATM 1 ใบ
- บัตรเครดิต 1 ใบ (ส่งไปรษณีย์ให้ทีหลัง)
- กรรมธรรม์ประกันชีวิต (ส่งให้ทีหลัง) กรณีทำประกัน
- ส่วนเช็คทั้งหมด ยังไม่ได้ตอนนี้นะคะ จะมี จนท. แบงค์ ไปกรมที่ดินกะเราด้วย เพื่อยืนหมูยื่นแมวกันระหว่างเช็คกะโฉนดบ้าน

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียที่ธนาคาร
==>>
1. ค่าทำนิติกรรมสัญญา 600.-บาท
2. ค่าธรรมเนียมสัญญาจำนอง 600.-บาท
3. ค่าธรรมเนียมซื้อแคชเชียร์เช็ค ใบละ 20.-บาท ออกเช็คเป็น 4 ใบ ก็ 80.-บาท
4. ค่าอากรติดสัญญาเงินกู้ 1,845.-บาท
5. ค่าอากรคู่ฉบับ อีก 5.- บาท
6. เปิดบัญชี 500.-บาท (ถ้ามีบัญชีของธนาคารนั้นอยู่แล้ว คิดว่าไม่ต้องแล้ว)
7. ค่าธรรมเนียม ATM 300.-บาท
8. ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 9,266.-บาท
9. ค่าเบี้ยประกันชีวิต 455.-บาท (กรณีทำประกัน)
รวมคร่าวๆ อยู่ประมาณ 14,000.-บาท ต้องเตรียมไปเองนะคะ ไม่ได้หักจากเงินกู้

จากนั้นก็ออกจากธนาคารพร้อมกับ จนท. แบงค์ (คุณลิขิต) เพื่อไปกรมที่ดิน คุณลิขิตไปพร้อมกับแคชเชียร์เช็คหลายล้านบาทในกระเป๋า เพราะแกมีนัดกับลูกค้าท่านอื่นที่นั่นด้วย

ไปถึงกรมที่ดินบางใหญ่ ตอน 10 โมง มีเจ้าหน้าที่โครงการของโฮมเพลส (คุณครองใจคนงามนามเพราะ) ยืนสวยรออยู่ก่อนแล้ว แต่โอ้ววว....คนเยอะมาก แน่นไปหมด ตายแน่ๆ ไม่รุต้องรออีกนานแค่ไหนนนน (กรุณาร้องเป็นเพลง)

จนท. โครงการให้เซ็นเอกสาร 2-3 แก็ก แล้วก้บอกว่า แค่นั่งรอนะคะ เค้าจะเป็นคนเดินเรื่องให้เองทั้งหมด นั่งทำคุณนายรออย่างเดียว (อันนี้คิดเอง) ระหว่างรอ หิวก็ไปกินข้าว เข้าห้องน้ำ กินกาแฟ กลับมาก็ยังเห็นเจ้าหน้าที่โครงการคนสวย เดินวุ่น เข้าคิวนั้น ออกคิวนี้ ท่าทางจะหลายเรื่อง

จนกระทั่ง 12.15 น. (เร็วกว่าที่คิดไว้) เจ้าหน้าที่โครงการก็เดินมาบอกว่า เรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้น จนท. แบงค์ ก็ปรากฎตัวขึ้น พร้อมถุงกล้วยแขก 5555 หายไปนาน ทีแท้ก้ออย่างนี้นี่เอง แล้วจากนั้นก็เกิดการยื่นหมูยื่นแมว เช็คกะโฉนดบ้านทันที คุณสามีรีบขออนุญาตถ่ายรูปคู่กับโฉนดฉบับจริงสัก 1-2 รูป (เพราะเราจะต้องห่างกันอีกสักพัก) จนท. แบงค์อนุญาต แต่จ้องโฉนดไว้ไม่ให้คลาดสายตา (เพราะให้เช็คไปหมดแล้ว) ส่วนเราได้แค่ลูบคลำประมาณ 3-5 วิ พร้อมกับสัญญากับมันไว้ว่า "จะเอาแกกลับมาโดยเร็วที่สุดนะ" หลังจากโฉนดพยักหน้ารับคำสัญญาของเรา จนท. แบงค์ก็รีบจับมันยัดลงกระเป๋าเอกสาร (ไม่ใช่ถุงกล้วยแขกนะ) อย่างรวดเร็ว พร้อมขอตัวกลับทันที เช่นเดียวกับ จนท. โครงการ ก็บ๊ายบาย

สิ่งที่ได้จากการมากรมที่ดิน
==>>
1. สำเนาโฉนด 1 ชุด
2. หนังสือสัญญาซื้อ-ขาย 1 ฉบับ
3. หนังสือจดจำนอง 1 ฉบับ
4. แผ่นซีดีผังและแปลนบ้าน
5. ใบเสร็จค่าชำระเงินเงินกองทุนหมู่บ้านและค่าใช้จ่ายส่วนกลาง (ใบเสร็จจากโครงการ)
6. ใบเสร็จค่าบ้าน / ค่าโอนมิเตอร์น้ำ ไฟ (ใบเสร็จจากโครงการ)
7. ทะเบียนบ้านฉบับจริง แบบโล่งๆ ไม่มีผู้อยู่อาศัยในบ้าน มีแต่รายละเอียดของบ้าน

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียที่กรมที่ดิน
==>>
- ค่าบ้าน น้ำ ไฟ ส่วนกลาง กองทุน ธนาคารจะออกเช็คมาเพื่อจ่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องเตรียมไป (ก็คือเงินที่เรากู้อะแหละ)
- ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง ส่วนใหญ่จะจ่ายคนละครึ่งกะโครงการ ก็ตกประมาณฝ่ายละ 600.-บาท (สมัยก่อนที่รัฐบาลไม่ลดค่าโอน แพงกว่านี้เยอะค่ะ


ยังไม่จบค่ะ หลังจากเราได้สมุดทะเบียนบ้านแบบโล่งๆ มาแล้ว ก็มาคิดกันว่า เราไม่อยากเสียเวลาลางานหลายวัน ที่ว่าการอำเภอก็อยู่ใกล้ๆ เลยว่าไปทำเรื่องย้ายเข้าให้เรียบร้อยเลยจาดีกว่า

เข้าไปที่ว่าการอำเภอก็ประมาณเที่ยงครึ่ง เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไปทานข้าวพอดี แต่มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายอยู่คนนึง (จำไมได้ว่าชื่ออะไร) ใจดีมาก ช่วยรับเรื่องไว้ก่อน เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการย้ายปลายทาง
- สมุดทะเบียนบ้านเล่มใหม่ (ฉบับจริง)
- สำเนาสัญญาซื้อ-ขาย (ที่เพิ่งได้รับจากกรมที่ดินตะกี้)
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านเดิม

เวลาบ่ายโมงตรง เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็เข้ามาทำงาน และเริ่มทำให้ทันที ไม่ถึง 10 นาที ก็มาแจ้งว่า รอแค่ให้ท่านปลัดฯ เซ็นก็เรียบร้อยแล้ว (ท่านปลัดฯ ไปทานข้าวกลางวัน... ก็ปกติหัวหน้าต้องกินข้าวช้ากว่าลูกน้องอยู่แล้ว แบบว่า...เคี้ยวนาน) จนประมาณบ่ายโมงครึ่งกว่าๆ ท่านปลัดก็เข้ามา ก็เป็นอันเสร็จกระบวนการย้ายเข้า จากนั้นก็ไปยื่นเรื่องทำบัตรประชาชนใหม่ ขั้นตอนก็เหมือนที่อื่นๆ แต่ก็รวดเร็วดีค่ะ เพราะเวลาบ่าย 2 โมงตรงก็เสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอน

ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทที่ที่ว่าการอำเภอ
1. ค่าธรรมเนียมย้ายปลายทาง 20.-บาท / คำร้อง
2. ค่าทำบัตรประชาชนใหม่ ประมาณ 25.-บาท

ออกจากที่ว่าการอำเภอ ก็แวะไปธนาคารอีกครั้งเพื่อรับสมุดธนาคารที่นัดไว้ตอนบ่าย จากนั้นก็เข้าไปที่โครงการฯ ที่ตอนนี้เป็นบ้านใหม่ของเราแล้ว ผ่านป้อมยาม รับบัตรผ่านครั้งสุดท้าย เพราะอีกเด๋วเราก็จะมีสติกเกอร์แปะหน้ารถแล้วจ้า ไปถึงโครงการทำหลายอย่างเลยค่ะ
- ไหว้ศาลพระภูมิ และไหว้เจ้าที่หน้าบ้าน เพระต่อไปเราจะต้องเข้าออกที่นี่บ่อยครั้ง แม้จะยังไมได้มาอยู่จริงๆ ก้ตาม
- ไปสำนักงานขายรับกุญแจ สติกเกอร์ติดรถ และที่ประทับตราบ้านเลขที่
- เข้าบ้านคุยกับผู้รับเหมาที่นัดไว้ก่อนแล้ว เรื่อง ต่อเติมด้านหลัง
- นัดช่างทำบิลล์อินท์ครัวมาวัดพื้นที่และออกแบบครัว (เอาไว้เสร็จแล้วจะถ่ายรูปมาโชว์นะคะ

กว่าจะเสร็จทุกอย่างก็ 4 โมงกว่า ฝนเริ่มตั้งเค้า เราเองก้ต้องรีบกลับไปรับเจ้าตัวเล็ก ที่เนิส ซึ่งป่านนี้คงชะเง้อคอยแย่แล้ว (ปกติ 4 โมงก็จะใส่รองเท้ารอแม่ไปรับกลับบ้านทุกวัน)

แล้วเราก็ไปรับลูกกลับจากเนิส พร้อมของฝากเป็น บ้านหลังใหม่ มีสนามเล็กๆ ใหหนูวิ่งเล่นด้วยจ๊ะ....

Create Date : 26 กันยายน 2552 Last Update : 28 กันยายน 2552 10:04:03 น. Counter : 624 Pageviews.		8 comments
Share Tweet