ชวนอ่านการ์ตูนรางวัล
Seiun Award ครั้งที่35 ในปี 2004
สาขา
best science fiction comic ครับ
เย็นวันหนึ่งขณะเดินทางกลับบ้าน
ทาจิกิ โนริโกะ เด็กสาวมัธยมปลายธรรมดาๆคนหนึ่ง
พบถุงประหลาดที่ระเบิดออก ร่างที่ยังมีลมหายใจของเด็กสาวลอยลิ่วห่างหายออกไป
ระหว่างนั้นเธอสัมผัสถึงเสียงสะท้อนก้องดัง
ผู้มาเตือนได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว! จนกระทั่งร่างของเด็กสาวตกลงบนพื้นหญ้ามอสสีทองนุ่มมือ
จนเธอเองนึกว่ากำลังฝันเข้าไปอยู่ในโลกต่างมิติ
เหมือนนิยายแฟนตาซีอย่างที่พ่อของเธอเขียน......
แต่ทว่าความจริงโหดร้ายกว่านั้น แมลงดอกไม้ตัวเขื่องปรากฏกายเบื้องหน้าของเด็กสาว
สิ่งเดียวที่ต้องทำคือหนีเอาชีวิตรอด และ...
ทันใดนั้นเองบุรุษลึกลับผู้หนึ่งโอบกอดเธอทะยานหนีปลายเขี้ยวของสัตว์ร้าย
คมดาบของเขาฟันคอเจ้าสัตว์ประหลาดขาดกระเด็น
ชายผู้มีร่างสูงโปร่ง ผมดำของเขายาวสยาย เขาคนนี้เหาะได้ ฝีมือต่อสู้ของเขาน่าทึ่ง
อีกทั้งยังจุดไฟด้วยมือเปล่าได้อีก และที่สำคัญเธอรอดชีวิตมาเพราะเขา
ด้วยความอับจนหนทางที่จะกลับไปยังโลกของเธอ
ไม่มีวิธีใดแล้วที่จะดีไปกว่าการติดตามเดินทางร่วมไปกับเขา
อิซัค เคีย ทาช แม้จะสื่อสารกันคนละภาษาก็ตาม
นี่คือโชคชะตาที่นำพาให้เขาและเธอมาพบกัน
อิซัคนั้นมาที่ป่าหมอกขาวเพื่อสังหาร
ผู้มาเตือน ที่ว่ากันว่าจะเป็นผู้ปลุก
อสูรสววรค์ให้ตื่นขึ้น
และนำมาซึ่งภัยพิบัติอันใหญ่หลวง ก่อนที่จะตกอยู่ในเงื้อมมือของนครต่างๆ
ที่ต้องการใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด และถ้าหากเขาคาดการณ์ไม่ผิด
ผู้มาเตือนก็คือ โนริโกะ นี่เอง!
ตลอดการเดินทางของเขาและเธอทำให้พบเจอทั้งมิตรสหายและศัตรูอีกมากมายเช่นกัน
จุดหมายปลายทางของทั้งสองจะเป็นเช่นไร
ในเมื่อความจริงเปิดเผยว่า อสูรสววรค์
ก็คืออิซัค!!!
ร่วมเดินทางไปกับเขาและเธอ ในดินแดนต่างมิติที่เต็มไปด้วยความหวังและกำลังใจใน
จอมคนแดนฝันจอมคนแดนฝัน หรือ
Kanata Kara ผลงานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่งของ
อ.ฮิคาวะ เคียวโกะ ที่เคยสร้างชื่อมาแล้วกับการ์ตูนรักแอ็คชั่นธีม western cowboyอย่าง
สาวน้อยแสนกลจอมคนแดนฝัน เริ่มตีพิมพ์ในนิตยสาร LaLa รายเดือนของค่าย ฮะคุเซ็นฉะ ตั้งแต่ปี 1991
และมาจบที่ปี 2002 โดยประมาณ มีความยาว
14เล่มจบเหตุผลหนึ่งที่จำนวนเล่มกับจำนวนปีไม่สอดคล้องกัน เพราะช่วงหลังจากรวมเล่ม 6
อ.สุขภาพไม่อื้ออำนวย ส่วนหนึ่งอาจเพราะอาการปวดหลังเหมือนที่นักเขียนหลายๆท่านเป็นกัน
มีผลให้ขาดช่วงการลงที่สม่ำเสมอไปบ้าง มีตอนพิเศษคั่นช่วงให้หายคิดถึงกันบ้าง
ซึ่งจะอยู่ในรวมเล่มด้วย
แต่ในที่สุด อ.ก็พยายามเขียนจนเสร็จสมบูรณ์ โดยไม่มีการตัดจบ
ของไทยเราเริ่มตีพิมพ์สมัยปลายยุคไพเรท ในปี 1991
สนพ.สยามอินเตอร์ฯพิมพ์รวมเล่มได้สัก3เล่ม
ผมเองตามอ่านในกิฟท์ แม็กกาซีน ของวิบูลย์กิจ จนกระทั่งหยุดพิมพ์ไป
รู้สึก KK Book พิมพ์ออกมาอีกนิดหน่อย
จากนั้นเกิดใหม่อีกครั้งในรูปแบบลิขสิทธิ์กับ สนพ.วิบูลย์กิจ ในปี 1994
ในรูปแบบปกหุ้ม2ชั้น ราคา25 บาทที่ตอนนั้นเห็นบนแผงปุ๊บมือต้องคว้าปั๊บ
(เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าไงไม่รู้ครับ55)
เชื่อว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีแฟนนักอ่านตามอ่านกันเยอะพอสมควร
บางคนพอเปลี่ยนช่วงลิขสิทธิ์อาจเลิกติดตามไป หรืออาจจะเลิกติดตามช่วงกลางๆเรื่อง
ที่ขาดการออกอย่างต่อเนื่อง
แต่สำหรับแฟนตัวยงที่รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
จะเข้าใจอารมณ์นี้ดีว่าการได้เห็นการ์ตูนที่ตัวเองตามอ่าน ออกวางแผงมาทีละเล่มๆ
กินเวลาห่างกัน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นสองปี...
มันได้ซึมซับความผูกพัน และความกระหายในการอยากอ่าน
ต่างจากการซื้อยกแพ็คเมื่ออกจบแล้ว ว่ามั้ยครับ
ทางด้านเนื้อหาเองจะเห็นการพัฒนาของเนื้อเรื่องตลอดเวลา
เรียกว่า ตัวการ์ตูนมีชีวิตครับ อย่างเช่น เราจะเห็นผมของโนริโกะค่อยๆยาวขึ้น
ตามระยะเวลาที่เธอมาอยู่ในโลกใบนี้ พัฒนาการทางจิตใจของแต่ละตัวละคร
ที่รับรู้ว่าเค้าผูกพันกันจริงๆ
และแนวคิดในการนำเสนอเรื่องที่แฝงให้มุ่งเน้นให้มีจิตใจที่คิดดี
จะสะท้อนแผ่ออกไปเหมือนหินที่ตกกระทบน้ำ
เมื่อคนหนึ่งทำ อีกหลายคนก็จะได้รับต่อๆกันไป และสะท้อนกลับมาที่ตัวเรา
เหมือนเสียงก้องกังวานที่กระทบผิวน้ำ
ทำให้จอมคนแดนฝันไม่ได้เป็นเพียงแค่การ์ตูน Romantic Sci-Fi ธรรมดาๆ
และคิดว่าเพื่อนๆที่อ่านจอมคนแดนฝันจนจบก็จะรู้สึกเช่นเดียวกันนะครับ
ดีงามพระรามเก้าเอาไปเลย 9/10
อีก 1คะแนนตัดตรงที่โนริโกะสีผมเปลี่ยนไม่สม่ำเสมอในรูปสีครับ ^^