ไอ๊ ถามวัต สุทธิพงศ์
<<
กุมภาพันธ์ 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2560
 
 
เรื่องของไอ๊ EPISODE 46

5 กุมภาพันธ์ 2560
โดย ถามวัต สุทธิพงศ์

ไม่ได้ออกมาเขียนเป็นเรื่องราวจริงจังร่วมสองสัปดาห์ (อ่านว่า “สับ-ดา” นะครับ ใครอ่าน “สับ-ปะ-ดา” คนนั้นเป็นคน “สัปดน” คบไม่ได้) ทำให้แฟน ๆ คงชะเง้อคอรอหน้าคอม...หรือหน้าสมาร์ตโฟนกันเป็นทิวแถว

วันนี้ “หมูมาแล้ว” จะไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง...

ก่อนอื่น... ไอ๊ขออนุญาตประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานที่สิงสถิตงานเขียนเรื่อง “เรื่องของไอ๊” สักนิดว่า
แหล่งพำนักพักพิงประจำคือแฟนเพจนะครับ ซึ่งเป็นสถานที่เล็ก ๆ มีคนอ่าน...ก็แค่...ไม่กี่คน เป็นกลุ่มคนที่สนใจไอ๊จริง ๆ
กับอีกที่คือบล็อกส่วนตัวในเว็บ BLOGGANG.COM ชื่อบล็กว่า “อาณาจักแห่งเรา” ซึ่งก็มีคนอ่าน...ตั้ง...ไม่ถึงร้อย แต่ก็ล้วนแล้วเป็นผู้ที่ชื่นชอบงานเขียนซึ่งกันและกันจริง ๆ
ไอ๊ต้องการบอกเอาไว้ เผื่อว่า ไปพบเจอไอ๊ที่อื่นแล้วอาจมึนงงสงสัย ใช่ไอ๊โพสท์หรือเปล่า
อันที่จริงยังคิดว่า จะไปโพสท์ที่เว็บ L3N.IN.TH ซึ่งไอ๊เป็นสมาชิกดีหรือไม่ คิดไปคิดมา คงไม่ทำนะครับ รกรุงรังแย่เลย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............................................................................................................................................................

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวานนี้ (วันเสาร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560) ไอ๊มีโอกาสถูกเชิญไปสังเกตการณ์กิจกรรมเสวนา หัวข้อ “ความพิการในใจคุณ” โดยโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์-ไร่ขิง จังหวัดนครปฐม
กิจกรรมครั้งนี้เกิดมีขึ้นด้วยจุดประสงค์สองทาง กล่าวคือ เพื่อการทำความรู้จักในความพิการแต่ละประเภทคนพิการ โดยอาศัยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างคนพิการด้วยกัน สู่การนำเสนอต่อทีมโรงพยาบาลฯถึงความต้องการพิเศษ...ความเฉพาะตน เพื่อการนำไปปฏิบัติต่อคนพิการที่เป็นผู้รับบริการในโรงพยาบาลฯสืบไป

กิจกรรมเสวนาครั้งนี้มีความเป็นเฉพาะตัว...ไม่เหมือนชาวบ้านร้านถิ่นซึ่งปฏิบัติคุ้นชินกันมา กล่าวคือ ห้องเสวนาที่นี่ มีท้องฟ้าเป็นเพดาน มีดวงตะวันเป็นหลอดไฟ มีสายลมเอื่อย ๆ เป็นเครื่องปรับอากาศ ทั้งมีเสียงเกรี้ยวกราดจากเครื่องมือช่างที่เข้ามาซ่อมบำรุงอาคารชำรุด ดังนั้นความบริสุทธิ์จากธรรมชาติจึงทำให้เวทีเสวนาที่ทุกคนสามารถเป็นวิทยากรได้มีความครื้นเครง ไม่เกิดมีความรู้สึกบีบคั้นด้วยเวลาและขนาดของสถานที่เลยแม้แต่น้อย

น้องกัน (ที่แปลว่า “ปืน”) เป็นเด็กพิเศษ คือมีความพิการด้านออทิสติก ซึ่งมีโอกาสเรียนร่วมกับเพื่อนนักเรียนร่างกายปกติที่โรงเรียนวัดไร่ขิง เขาได้บอกกับทุกคนในเวทีเสวนาว่า “อยากให้มีกิจกรรมแบบนี้อีก รู้สึกสนุกดี ไม่อยากให้จบเลย” ซึ่งตรงกับความรู้สึกของใคร ๆ หลายคน...ที่ไม่ต่างกัน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............................................................................................................................................................

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นับตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ไอ๊ถูกปลุกให้ลุกขึ้นตื่นนอนด้วยฝีมือพี่นิวที่โทรมาแบบกึ่งบังคับกึ่งปลอบโยนว่า “ตื่นมาร่วมกิจกรรมนะไอ๊ ทุกคนจะรอไอ๊ งานจะยังไม่เริ่มจนกว่าไอ๊จะมา” (เอิ่ม...คือว่า ปกติไอ๊เป็นคนไม่สำคัญนะครับ อยู่ ๆ โทรมาบังคับกันทำไม...คนจะนอน ฮื่ย...)
แต่ไอ๊ก็ลุกขึ้นจากที่นอนอันแสนสุขเพื่อเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริง (ไอ๊มีหน้าที่นี่นะ)
ไวเท่าแสง... ไอ๊รีบชำระล้างร่างกายของผู้ชายคนหนึ่งที่สูงตั้งร้อยแปดสิบเซนติเมตร และหนักตั้งเก้าสิบกว่ากิโลด้วยเวลาห้านาที (ไม่รวมเวลาแต่งตัว)
โชคดีหนักหนาที่เวลานี้ไอ๊หั่นเส้นผมให้สั้นจนเกือบเสมอหนังหัว ทำให้ไม่ต้องบำรุงบำเรอพวกมันให้มากความ
เพียงแค่ราดน้ำจากศีรษะลงปลายเท้า...ขันเดียว แล้วลงสบู่แชมพูจนทั่ว แล้วราดน้ำโครม ๆ ก็เป็นอันเสร็จพิธี ก่อนที่จะแปรงฟันให้ขาวสะอาด (วิ้ง ๆ)
เช็ดหัว เช็ดหน้า เช็ดตัว ด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว จนร่างกายเนื้อตัวแห้งแล้ว ก็คว้าเสื้อผ้าที่ไอ๊เตรียมเองตั้งแต่เมื่อคืนมาสวมใส่ (เห็นญาติผู้หญิงทำให้เห็นเรื่องการเตรียมเสื้อผ้าล่วงหน้าเลยจำมาทำตาม)
จากนั้นก็ลงมากินกับข้าวที่แม่อุ่นให้ร้อนฉ่า... เป็นต้มจืดเลือดหมูปริมาณประมาณสองถุงกับข้าว...ไอ๊ฟาดเพียงคนเดียว อุ่นในท้องเลยครับ (อ้อ...มื้อนี้มีคาโบไฮเดรตเป็นขนมชิฟฟ่อน)
แล้วแม่ก็เร่งยิก ๆ ด้วยเกรงจะไม่ทันรถโดยสารประจำทางสาย 556 ที่จะมาหยุดรถทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ผิดกับไอ๊ที่ทำทุกอย่างลงไปด้วยความรู้สึกสบาย ๆ (ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ถ้าหากไอ๊มีความรู้สึกเร่งร้อนด้วยเวลาที่เร่งเร้า อาการปวดขี้ เหงื่อแตก กระวนกระวายจะจู่โจมไอ๊ทันที ไม่อยากเป็นอย่างนั้นครับ...มันเหนื่อย)
เพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่า SLOW LIFE ที่แท้จริงก็วันนี้ มันคือการทำใจให้ช้า ไม่เร่งเร้า ไม่เอาเงื่อนเวลามาเป็นตัวขับเคลื่อนร่างกาย

แล้วไอ๊ก็โดยสารรถโดยสารประจำทางสาย 556 จากป้ายหยุดรถประจำทางบริเวณถนนราชดำเนินฝั่งโรงแรมรัตนโกสินทร์ เป็นที่เรียบร้อย
รถคันนี้ลมเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศแรงมากจนหนาว (ขนาดไขมันเยอะยังรู้สึกหนาวเลย) แต่ไอ๊ก็มิได้นำพา ไอ๊ควานหาหูฟังกับมือถือมาต่อแล้วเปิดหนังสือเสียงที่โหลดลงเครื่องไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เป็นนิยายผีครับ ชื่อหนังสือว่า “ห้องคลอดมรณะ” แต่งโดย “ภาคินัย”
ไอ๊อ่านไม่รู้กี่รอบ... น่าแปลกนะครับ ทั้งที่รู้ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังอ่านซ้ำอยู่ได้ ไม่รู้เบื่อ
มาถึงสายใต้ (เก่าหรือใหม่จำไม่ได้) ก็มีผู้โดยสารเป็นคนสายตาเลือนรางโดยสารมาด้วย คงไปร่วมงานด้วยกัน ไอ๊ไม่ได้ชวนเขาสนทนาอะไรด้วยหรอกครับ ไอ๊สนใจหนังสือมากกว่า
จนถึงที่หมายนั่นแหละครับ...วัดไร่ขิง ทำให้ไอ๊เอ่ยทักชายคนนั้น เขาชื่อพี่สมภพ ชายวัยเกษียณที่ไอ๊คุ้นเคยมาร่วมสี่ปี คือมีกิจกรรมที่ว่าด้วยคนพิการทางการเห็นทีไร พี่เขาจะต้องมาร่วมเสมอ
“พี่ไม่รู้ว่าไอ๊มาด้วย...ไม่เห็นทัก”
เขาตัดพ้อ ทว่าไอ๊ทำเฉย ตอบเขาเพียงสั้น ๆ ว่า พอดีกำลังติดพันกับหนังสือเสียง จะมีใครรู้ไหมว่า ไอ๊ไม่ได้หยิ่ง...
เรายังคงเดินเท้ากันต่อภายหลังจากลงรถประจำทางเรียบร้อย ราวร้อยเมตร มีผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นชาวบ้านแถวนั้นขี่รถเมล์เครื่องตามเรามาเรื่อย ๆ จนถึงที่หมาย เพื่อบอกทางและสกัดรถยนต์อื่น ๆ ไม่ให้วิ่งมาชน
ไอ๊รู้สึกว่า คนบ้านนอกมีน้ำใจครับ

มาถึงโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์-ไร่ขิง บริเวณสวนข้างโรงพยาบาลฯ งานก็เริ่มทันที
พิธีเปิดเกิดมีขึ้นอย่างเรียบง่าย “พี่ไก่” ผู้อำนวยการประชุม กล่าวต้อนรับและแนะนำผู้สนับสนุนกิจกรรมครั้งนี้อย่างสั้น ๆ ไม่ได้ใช้ถ้อยคำสวยหรูเช่นงานประชุมที่อื่น ๆ มันเลยสร้างความผ่อนคลายและสนิทสนมระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการละลายพฤติกรรมที่แยบคายมาก
จุดสนใจของงานในสายตาของผู้เข้าร่วมกิจกรรมและไอ๊มองว่า กระดานตีนตุ๊กแก...สื่อเพื่อการเข้าถึงมโนทัศน์นี่แหละ คือพระเอกของงาน พวกเราต่างปลุกปล้ำคลำลูบ (เอิ่ม...หมายถึงทดลองเล่นนะครับ) จนเพลิน ขอกราบขอบพระคุณแทบอกที่พี่ต่อแห่ง สสส. เอื้อเฟื้อสื่อเพื่อการเข้าถึงเช่นนี้

ที่นี่ นอกจากคนพิการทางการเห็น ซึ่งรวมเอาคนตาบอดและคนสายตาเลือนรางมาร่วมกิจกรรมแล้ว ยังมีคนพิการประเภทอื่น ๆ มาร่วมกิจกรรมด้วย เป็นต้นว่า คนพิการออทิสติก คนพิการทางการเรียนรู้ คนพิการเคลื่อนไหว
เมื่อพวกเราถูกริบกระดานตีนตุ๊กแกที่กำลังเล่นกันเพลิน พวกเราก็ถูกพาเข้าสู่กิจกรรมการแนะนำตัวเองด้วยตัวเอง (อ่านแล้วงงใช่ไหมล่ะ)
มันเป็นการจับคู่กับคนใกล้ตัวแล้วพูดคุยทำความรู้จักกัน ก่อนจะพาคนในคู่ตัวเองไปทำความรู้จักกับคนอีกคู่หนึ่ง แล้วพาไปแนะนำตัวให้เวทีเสวนาได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ตัวเองได้รู้จักมา (อืม...อ่านแล้วไม่งงนะ)
โดยสิ่งที่เวทีเสวนาอยากรู้จักก็คือ เพื่อนที่ตัวเองไปพูดคุยมาเป็นใครมาจากไหน มีความพิการอย่างไร ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วออกสู่สังคมได้อย่างไร
ไอ๊ได้จับคู่กับเด็กมัธยมครับ มันเป็นการเลือกเพื่อนของไอ๊เอง (ก็โดยมากเป็นคนพิการทางการเห็นนี่ครับ คนพิการเคลื่อนไหวน้อยมาก...มีแค่คนเดียวเองมั้ง ที่น่าสนใจก็เป็นคนพิการทางการเรียนรู้และออทิสติก)

น้องสองเป็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมหก พิการทางการเรียนรู้ คือมีความล่าช้าในการรับรู้เนื้อหาการเรียน แต่น้องมีความสามารถรอบด้าน ทั้งร้องเพลงเพราะ ทำภาพมโนทัสน์ได้ แต่ขี้อายไปหน่อย น้องสองบอกว่า หนูจบมอหกปุ๊บคนต้องหางานทำก่อน ที่บ้านไม่ได้มีฐานะร่ำรวยพอจะให้สองและหนุนแฝดผู้พี่เรียนชั้นอุดมศึกษา

พี่โอ คนพิการทางการเคลื่อนไหว มีความพิการรุนแรงถึงขนาดเป็นอัมพาตตั้งแต่หน้าอกลงเท้า จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความพิการของพี่เขาเกิดมีขึ้นราวยี่สิบปีก่อน ซึ่งในช่วงห้าปีแรกพี่เขาอยู่กับความรู้สึกท้อแท้ แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้ ไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่นในการรอวันตาย พี่เขาจึงเข้าร่วมกับศูนย์การดำรงชีวิตอิสระ จังหวัดนครปฐม เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้ยังพอสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และปัจจุบันนี้พี่เขากลายเป็นแกนนำในการทำให้คนพิการทางการเคลื่อนไหวมีส่วนร่วมต่อสังคมทุกภาคส่วน น่าสนใจไม่น้อยเลย

ภายหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน บังเอิญมีน้องนักเรียนร่างกายปกติที่เข้ามาร่วมกิจกรรม พกกีต้ามาด้วย พวกเราเลยย่อยอาหารโดยการร่วมกันร้องเพลงเคล้าเสียงกีต้าโปร่ง มีตั้งแต่เพลงยุคสองพันยังปัจจุบัน ที่ล้วนแต่เป็นเพลงไทยสากล เพลิน... (อีกแล้ว) จนผู้อำนวยการประชุมต้องออกปากสั่งให้หยุด สมาชิกภายในวงจึงค่อย ๆ แยกย้ายด้วยอาการอิดออด

ตกบ่าย... พวกเราถูกมอบหมายให้ทำภาพมโนทัศน์เกี่ยวกับความพิการในมิติต่าง ๆ กลุ่มไอ๊ได้รับมอบหมายให้ทำเรื่องการศึกษา เพื่อนร่วมกลุ่มยังคงเป็นน้อง ๆ โรงเรียนวัดไร่ขิงแหละครับ เหนียวแน่นสุด ๆ (ไม่รู้ว่าใครติดใจใคร)

ที่สุดพวกเราก็ได้ข้อสรุปจากการระดมสมอง และร่วมกันสร้างเป็นภาพความคิดลงกระดานตีนตุ๊กแก สู่การนำเสนอโดยไอ๊ต่อเวทีเสวนาว่า นักเรียนพิการจะสามารถอยู่ร่วมกับนักเรียนร่างกายปกติได้นับตั้งแต่ชั้นอนุบาล นักเรียนทั้งหมดในชั้นนี้จะยังไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่างทางร่างกายเด่นชัด แต่พอชั้นประถมและมัธยม จะเกิดมีการแบ่งกลุ่มแบ่งพวกชัดเจน นักเรียนพิการก็จะมีนักเรียนร่างกายปกติมาช่วยเหลือน้อยลง พอชั้นอุดมศึกษาก็จะเป็นการต่างคนต่างเรียน ไม่มีใครสนใจใคร ทำให้คนพิการรู้สึกโดดเดี่ยว การเรียนตกต่ำ บางคนไม่ได้เข้าสู่ประตูอุดมศึกษาเพราะขาดทุนทรัพย์แวดล้อมนอกเหนือจากค่าเทอร์มที่รัฐบาลอุดหนุน อีกทั้งยังไม่สามารถประกอบอาชีพที่ดี ๆ เมื่อสำเร็จการศึกษา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการศึกษา พวกเราก็อยากเห็นภาพเพื่อนช่วยเพื่อนให้เรียนให้จบให้ได้
ผลตอบรับค่อนข้างดีครับ เพราะพวกเราอาศัยการอธิบายภาพบนกระดานตีนตุ๊กแก มีคำคม มีการแสดงขอบเขตการอธิบายชัดเจน และเป็นกลุ่มแรกที่ออกไปนำเสนอ เลยได้รับเสียงปรบมือและการให้ความสนใจที่ดี
สิ่งหนึ่งที่ไอ๊อยากบอกกับคนพิการด้วยกัน ก็คือ อย่าได้พยายามจับกลุ่มกับคนพิการประเภทเดียวกันเลยครับ...ได้โปรด เพราะพวกคุณก็จะได้แต่ขอบความคิดในความพิการของพวกคุณ ไม่ได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างไปยังโลกของคนพิการประเภทอื่น ๆ อีกทั้งการนำเสนอผลงาน (โดยเฉพาะคนพิการทางการเห็น) จะได้มีความหลากหลายน่าสนใจ ถ้าหากไปจับกลุ่มกับคนพิการประเภทอื่น

ไอ๊อยากบอกกับใครก็ตามเหลือเกินครับว่า วันทั้งวันนี้สอนอะไรไอ๊หลายอย่าง ตั้งแต่วิธีคิดอย่าง SLOW LIFE วิธีคิดการจัดกิจกรรมโดยยึดผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นศูนย์กลาง การใช้ธรรมชาติจัดสรร การเลือกเรียนรู้กับกลุ่มคนแปลกหน้า และอีกสารพัด...

อ้อ...ไอ๊มีนิทานจะมาเล่าให้ได้อ่านกัน เพื่อเป็นการตบท้าย พร้อมจะอ่านกันไหมครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............................................................................................................................................................

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้...
ยังมีชายคนหนึ่ง ชื่อว่า วิน เขาเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ค่อนข้างใหญ่โต และมีชื่อเสียง
วินมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งชื่อว่า ม้อต อดีต...พวกเขาต่างเคยเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะคนละสาขาวิชา แต่รู้จักรู้ใจกันไม่น้อย
วินมีอุปนิสัยใฝ่กระตือรือร้น ขยันทำงานจนเป็นที่พอใจแก่เจ้านาย ต่างจากม้อตที่เป็นคนทำงานเรื่อยเฉื่อยคล้ายไม่สนใจงาน
เจ้านายรู้สึกผิ่ดหวังในตัวม้อต เขามีความพยายามเรียกม้อตเข้ามาตักเตือน เขาบ่นม้อตสารพัดถึงความไม่เอาไหนแล้วสั่งให้ม้อตไปปรับปรุงตัว
หลายต่อหลายครั้งที่เจ้านายเรียกม้อตเข้ามาคุยด้วย แต่ก็ดูเหมือนไร้ประโยชน์ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวของม้อต

กระทั่งวันหนึ่ง...
เจ้านายรู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นม้อตประจำเก้าอี้ที่เดิม
‘ม้อตไปไหน’
คือสิ่งที่เจ้านายคิดสงสัย
เขาครุ่นคิดจนเดินมาถึงโต๊ะทำงานตนเอง
ซองกระดาษสีน้ำตาลถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา
‘ซองเอกสารอะไรกันนะ’
เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วรอกกระดาษที่มีกาวปิดผนึกอย่างแน่นหนาให้ขาดออกจากกัน แล้วดึงกระดาษเพียงแผ่นเดียวออกมาจากซอง
มันคือจดหมายลาออกของม้อต
เขาไม่แปลกใจต่อเหตุการณ์การลาออกของม้อตซึ่งเป็นพนักงานคนหนึ่งที่ไม่มีความโดดเด่นแต่อย่างใด

เขาเกือบจะลุกไปชงกาแฟดังกิจวัตรที่คุ้นเคย ถ้าไม่พบซองเอกสารอีกอันหนึ่งที่ถูกจดหมายลาออกของม้อตวางซ้อนทับเอาไว้
ภายในซองเอกสารอันใหม่คือจดหมายเชิญให้เขาออกจากงาน ซึ่งปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อ ด้วยสาเหตุที่เขาปล่อยให้พนักงานเขียนใบลาออกมากกว่าสิบคนต่อปี
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงกลับเป็นชื่อของผู้อนุมัติให้เขาออก
ม้อตคือประธานกรรมการบริษัทคนใหม่
เขามารู้ภายหลังว่า ม้อตคือหลานตาของประธานกรรมการบริษัทคนเก่าที่เพิ่งวางมือจากธุรกิจ
เขาติดต่อขอเข้าพบม้อตซึ่งเลขาก็อนุญาตทันทีคล้ายรออยู่แล้ว

“สวัสดีครับคุณไกด์”
ม้อตทักทายอดีตเจ้านายด้วยอาการผ่อนคลาย
“คุณคงจะพบจดหมายทั้งสองฉบับแล้วถึงมาหาผม”
เขาคาดเดา แล้วมันก็ถูกเสียด้วย
ไกด์นั่งหน้าซีด มือสั่น เหงื่อแตกทั้ง ๆ ที่อากาศเย็น ไกด์ยอมรับว่าตนเองรู้สึกกลัวต่อท่าทีผ่อนคลายของม้อต
“คุณอย่ากลัวผมนะ หายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ ทำ...
นั่นแหละ ดีมากครับ”
ไกด์ให้ความร่วมมือ กระทั่งเขารู้สึกดีขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย
“อันที่จริงผมไม่อยากไล่คุณไกด์ออกจากบริษัทของผมเลยนะครับ เพราะคุณไกด์สร้างผลงานที่น่าพอใจแก่บริษัทเป็นจำนวนมาก ทั้งการจัดหาวัตถุดิบที่ได้คุณภาพ ราคายุติธรรม รวมถึงการสร้างเครือข่ายงานแก่ฝ่ายอื่น ๆ อีกด้วย
แต่ข้อเสียคุณมีนิดหน่อย...”
ม้อตทอดระยะการพูดให้ช้าลงตรงประโยคสุดท้าย
สีหน้าของไกด์เมื่อทีแรกซึ่งยังสดใสกลับสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“คุณทำพนักงานบริษัทสูญหาย และบ้างก็ตกไปอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่ง มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
ม้อตถามด้วยท่าทีอ่อนโยน หาได้เกรี้ยวกราดอย่างที่ไกด์นึกกลัวไม่ มันสร้างความแปลกใจแก่ไกด์ไม่น้อย
เจ้านายคนใหม่ให้ความสนใจกับเหตุผลที่เป็นความรู้สึกนึกคิดของลูกน้องซึ่งถือเป็นเรื่องเล็กน้อยขนาดนี้เลยหรือ แต่ไม่น่าเชื่อว่า มันทำให้เขาเปิดปากเล่าแนวคิดการทำงานออกมาจนหมด...

สุดท้าย...
ไกด์ยังคงทำงานให้กับบริษัทที่มีม้อตเป็นประธานกรรมการบริษัทเช่นเดิม โดยที่ม้อตขอโอกาสให้ไกด์พิสูจน์ตนเองภายในหนึ่งปี
ม้อตบอกกับไกด์ว่า...
“ผมอยากเห็นคุณลองแก้ไขในสิ่งที่คุณคิดว่ามันผิดพลาด
อย่างที่คุณบอกผมว่า คุณปฏิบัติต่อลูกน้องโดยมองเห็นแต่เนื้องาน แต่ไม่เคยมองให้เห็นถึงใจของลูกน้อง
คุณจะลองแก้ไขให้ผมเห็นได้ไหมครับ...”

นี่เอง... คือการทำงานที่ยึดความสุขของคนทำงานเป็นสำคัญ ซึ่งมันจะส่งผลให้การปฏิเสธงานจากเพื่อนร่วมงานเกิดมีขึ้นน้อยลง...น้อยลง...จนไม่เกิดมีขึ้น

...แด่พนักงาน เจ้าหน้าที่ และเพื่อนร่วมโลกทุกคนครับ...



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2560 16:43:37 น. 1 comments
Counter : 475 Pageviews.

 
สวัสดีจ้าา มาทักทายจ้า sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน ร้อยไหม adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ Cover Paint สักไรผม 3D Eyebrow ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140 วันที่: 5 พฤษภาคม 2561 เวลา:16:48:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

อาณาจักรแห่งเรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เราเป็นนักแสวงหา...
เรายังคงค้นหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อหามาแล้ว...
เราจะนำมาเล่า
New Comments
[Add อาณาจักรแห่งเรา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com