ไอ๊ ถามวัต สุทธิพงศ์
 
มกราคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 มกราคม 2560
 
 
เรื่องของไอ๊ EPISODE 41

19 มกราคม 2560
โดย ถามวัต สุทธิพงศ์

เมื่อวานนี้ (วันพุธ ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560) มีเหตุการณ์เป็นจำนวนมากที่ไอ๊อยากนำมาเขียนถึง
ทั้งเหตุการณ์ที่ไอ๊ได้มีโอกาสพบน้องแซ็กค์ยืนร้องเพลงอยู่บริเวณตีนบันไดสกายวอล์ค อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งดินแดง โดยบังเอิญ
เหตุการณ์ที่ไอ๊ได้มีโอกาสไปพบพี่นิวเพื่อวางแผนกิจกรรมอบรมบางอย่าง
เหตุการณ์ที่ไอ๊ได้มีโอกาสพบมวลมหาประชาชนคนตาบอดซึ่งมารวมตัวกันที่สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย โดยไม่คาดฝัน
เหตุการณ์ที่ไอ๊ได้มีโอกาสไปพบพี่แจ๋นเพื่อร้องเพลงร่วมกับเปียโน
รวมถึงเหตุการณ์ที่ไอ๊ได้มีโอกาสพบกลุ่มศิลปินตาบอดเล่นดนตรีและร้องเพลงเปิดหมวก
ทั้งหลายเหล่านี้ ไอ๊จะค่อย ๆ ทยอยเล่าสู่คุณผู้อ่าน เป็นระยะ ๆ ทีละประเด็น ๆ ไปนะครับ

อาชีพของคนตาบอด ใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกเขาประกอบอาชีพกันไม่กี่อย่าง
ถ้าไม่ขายล็อตเตอรี่
ไม่นวดแผนโบราณ
ไม่เป็น OPERATOR
และถ้าไม่ร้องเพลงหากิน (ไม่ว่าจะร้องเพลงแบบไหน ที่ไหนก็ตามที)
พวกเขาจะทำมาหากินอะไรกันล่ะ???
ในเมื่อข้อจำกัดของพวกเขาคือการมองเห็น ที่ผู้คนทั่วไปพยายามสร้างเงื่อนไข กีดกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปยุ่มย่ามในระบบตลาดแรงงาน
“กีดกัน” น่ะเหรอ...
“ขอโทษด้วยนะ บริษัทของเราไม่ได้มีคอมพิวเตอร์สำหรับคนตาบอด”
“ซอฟต์แวร์ที่เราใช้ ไม่สามารถเพิ่มโปรแกรมอื่นได้”
...คนตาบอดโดยมากจึงทำได้เพียงขายหวย นวด และร้องเพลง เพียงไม่กี่คนที่จะได้รับสิทธิ์ไปอยู่ในบริษัทเอกชน หรือหน่วยงานราชการ ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพของคนตาบอดคนนั้น
แม้ว่า...หน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจะไม่พ้น OPERATOR แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำจริงไหม

น้องแซ็กค์เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ไอ๊เล็งเห็นถึงศักยภาพซึ่งคนอื่นมองไม่เห็น
แน่นอนว่าน้องเขาไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอ
...เนื้อเพลงบางส่วนจากเพลง เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)...
แต่น้องแซ็กค์มีความสามารถเกี่ยวกับการผสมเสียง เครื่องเสียง หรืองานอะไรก็ตามที่ต้องใช้เสียง ซึ่งงานเหล่านี้ก็ไม่เคยตกมาถึงมือคนตาบอดอย่างน้องเขาสักที น้องแซ็กค์จึงทำได้เพียงเล่นดนตรีร้องเพลงเปิดหมวกไปวัน ๆ

เมื่อวานที่ไอ๊พบน้องแซ็กค์ ในเวลาเที่ยงตรง แดดลงศีรษะ เขายืนร้องเพลงกับ BACKING TRACK ที่มีเพียงไมโครโฟนกับลำโพง
คำถามคงเกิดขึ้นภายในใจของคุณผู้อ่าน ซึ่งในชั้นแรกไอ๊ก็คิดเหมือนเช่นที่คุณผู้อ่านกำลังสงสัย
ทำไมน้องเขาไม่เอาเครื่องดนตรีสักอย่างมาเล่นด้วย
การร้องเพลงกับเครื่องดนตรีสด น่าจะให้ความรู้สึกอ่อนไหวในการรับฟังมากกว่า BACKING TRACK อีกทั้งยังมีความดึงดูดใจที่จะตั้งใจฟังมากกว่าความรู้สึกเวทนา
แต่เมื่อไอ๊คิดกลับไปกลับมา ทั้งในฐานะของคนเล่นดนตรี และในฐานะของคนฟัง ซึ่งไอ๊คิดว่า ทั้งน้องแซ็กค์ และศิลปินตาบอดคนอื่นก็คงคิดไม่ต่างจากไอ๊สักเท่าไหร่คือ
ในฐานะของคนเล่นดนตรี ไม่มีใครอยากแบกขนเครื่องดนตรีที่มีน้ำหนักมาก จำนวนมาก มาแสดงสด เพราะมันเท่ากับว่านักดนตรีคนกลุ่มนั้นจะต้องสูญเสียค่าพาหนะ เช่น แท็กซี่ เป็นอาทิ ซึ่งในแต่ละวันพวกเขาไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้าเลยว่า พวกเขาจะมีกำไร เสมอตัว หรือขาดทุน
“ขาดทุน” ทั้งจากผู้คนที่ต่างก็เร่งรีบในภารกิจของตน จนไม่มีเวลาฟังเสียงนกเสียงกาใด ๆ ตลอดจนฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ คิดดูนะว่าฝนยังตกในฤดูหนาวได้ มันเลยทำให้พวกเขาต้องสูญเสียไปกับค่าโสหุ้ยที่ไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้องแซ็กค์จะไม่ได้เล่นดนตรีสด ๆ ให้พี่ไอ๊ฟังในเวลานั้น
แต่ไอ๊ก็หยอดเงินให้กับน้องไป และยืนฟังเพลงที่น้องร้องจนจบเพลง
ที่ไอ๊ฟังเพลงของน้องแซ็กค์ ไม่ได้เกิดมีความรู้สึกเวทนาสงสาน แต่ไอ๊ฟังเพลงที่น้องร้องเพราะอยากจะฟัง มีเวลาฟัง อีกทั้งอยากสนับสนุนคนที่ใช้ความสามารถแลกเงิน แม้เพียงมายืนร้องกับ BACKING TRACK ก็ตาม

ใครคนหนึ่งบอกกับไอ๊ว่า ถึงพวกเขาไม่ได้ใช้ความสามารถแลกเงิน เพียงแค่มายืนขอเงิน การให้เงินแก่พวกเขาไม่ถือเป็นการสนับสนุนให้พวกเขามายืนขอทาน เพราะพวกเขาอาจขาดความสามารถเพียงพอที่จะทำอย่างอื่น คืออยากให้เงินกับคนที่ร้องเพลงไม่เพราะกันหรืออย่างไร ถ้าร้องเพลงไม่เพราะ ร้องเพลงไม่เป็น สู้มายืนขอเฉย ๆ ไปเลยดีกว่า ซึ่งมันก็เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งเท่านั้น

คุณผู้อ่านคงทราบดีนะครับ ไอ๊มีธงอย่างไร???

แดดร่มลมตกแล้ว เข้าสู่ยามค่ำ ภายหลังจากที่ไอ๊ไปทำธุระประดามีเป็นที่เรียบร้อย มันก็ถึงเวลากลับบ้าน
ไอ๊เข้าไปใช้บริการร้านสะดวกซื้อรายใหญ่แห่งหนึ่ง ใต้สถานีรถไฟลอยฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ดังเช่นปกติ
แต่ที่พิเศษกว่าวันปกติก็คือ ไอ๊มีโอกาสฟังดนตรีสดจากกลุ่มศิลปินตาบอด บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น ซึ่งไอ๊ปรารถนาจะฟังมาตั้งแต่เที่ยง
ยิ่งไปกว่านั้น กับกลุ่มศิลปินตาบอดกลุ่มนี้ ไอ๊เฝ้ารอติดตามรับฟังมานานหนักหนา ถึงขนาดดักรอหลายเวลา ก็ยังไม่เคยมีโอกาสสบช่อง

พวกเขามีเพียงกีต้า (ไม่แน่ใจว่ากี่ตัว) และเสียงร้องที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ
ไอ๊ไม่เคยรู้ชื่อวงดนตรีของพวกเขา รู้เพียงแต่ว่า พวกเขาจะมาตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็นเป็นต้นไป
หัวหน้าวงเป็นคนตาบอดที่มีงานประจำ เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ด้วยเงินเดือนที่ไม่สูงมาก ทำให้เขาต้องหาอาชีพเสริม อีกทั้งเขายังมีนิสัยรักเพื่อนฝูงพี่น้อง เขาจึงรวบรวมน้อง ๆ ที่ยังตกงานมาเล่นดนตรีเปิดหมวก เพราะอย่างน้อย เขาจะไม่ใช่คนที่เอาตัวรอดเพียงคนเดียว

ไอ๊ยืนฟังเพลงที่พวกเขาเล่นกีต้าไปร้องเพลงไปด้วยความรู้สึกเพลิดเพลิน บรรยากาศเช่นนี้มันทำให้ไอ๊ยังไม่อยากกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย
เพลงช้า ๆ เนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง และมีสายลมพัดมาบาง ๆ พร้อมกับเสียงร้องที่สื่อตามความหมายในเพลง แม้จะมีเสียงรถยนต์แทรกบ้าง...อะไรบ้าง แต่ความรู้สึกหม่นชาในหัวใจก็ไม่ได้จางคลายหายไปเลย

พี่พีร์ม หัวหน้าวงดนตรีเจ้านี้ที่ไอ๊ยืนฟัง ดี๊ดีหน้าดู คัดสรรนักดนตรี นักร้อง ระดับยอดพระกาฬ สร้างความสำราญแก่คนฟังอย่างไอ๊เสียจริง
ขอให้วงของพี่ขายดิบขายดีนะครับ

ปล. อันที่จริง ไอ๊แอบฟังดนตรีวงนี้มาตั้งแต่เกือบสามปีก่อนโดยบังเอิญ ตอนนั้นไอ๊บังเอิญติดรถไปกับพี่ชายท่านหนึ่ง เขากำลังร่วมงานอะไรสักอย่างกับพี่พีร์มและวงดนตรีอันนั้น
และเพียงไม่นาน ไอ๊ก็มาได้ยินเสียงเพลงของวงพี่พีร์มอีกครั้ง ในยามที่ไอ๊ใช้บริการรถไฟลอยฟ้าสถานีอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ไอ๊ก็ไม่เคยเข้าไปยืนฟังเพลงอย่างใกล้ชิดจากวงดนตรีของพี่พีร์ม อย่างเช่นวันนี้


Create Date : 31 มกราคม 2560
Last Update : 31 มกราคม 2560 1:30:15 น. 0 comments
Counter : 262 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

อาณาจักรแห่งเรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เราเป็นนักแสวงหา...
เรายังคงค้นหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อหามาแล้ว...
เราจะนำมาเล่า
New Comments
[Add อาณาจักรแห่งเรา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com