ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เวลามองแบบนี้แล้วรู้สึกดีจริงๆ ค่ะ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากทำงานบ้าน เอาเสื้อผ้าที่ใส่มาทั้งอาทิตย์ยัดใส่เครื่อง 3 ครั้งพร้อมตาก...แล้ว ตอนเย็นหม่าม๊ามีแผนจะพายายกับหลานตัวน้อยไปเที่ยวขี่จักรยานเล่นที่สวนรถไฟ โดยรอเวลาให้ข้าวปั้นตื่นจากการนอนกลางวันซะก่อน ซึ่งข้าวปั้นก็ตื่นนอนตอนบ่าย 3 กว่าๆ ล้อหมุนจากบ้านก็ประมาณ บ่าย 3.45 น.ขับรถไม่นานก็ถึงที่หมาย วันนี้ แบกจักรยานของเจ้าตัวเล็กมาด้วยค่า... ส่วนคุณยายไปเช่าเอาสนนราคาก็ 20 บาท ก่อนเข้าสวนก็แวะซื้อของทานเล็กน้อย ไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกมากนัก นอกจากของทอด ปิ้ง ย่าง + ข้าวเหนียว กะเข้าไปป้อนข้าวเจ้าข้าวปั้นกันข้างในซะเลย...
เริ่มตั้งท่าขี่ก็หน้าเบ้แล้วคร่า.... จะรอดมะนี่
พอไปถึงก็ให้เจ้าตัวเล็กเริ่มขี่จักรยาน...ข้าวปั้นค่อนข้างจะตื่นตาตื่นใจเพราะมีเพื่อนๆ รุ่นพี่และรุ่นราวคราวเดียวกันขี่จักรยานผ่านไปมาคึกคักเชียว ส่วนยายก็ขี่นำไปบ้างหยุดบ้าง ด้วยความห่วงหลาน ก็หยุดรอซะเป็นส่วนใหญ่ สวนสาธารณะที่นี่ เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ และร่มรื่นมากค่ะ เรียกว่าถ้าให้จัดอันดับสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ แล้วหล่ะ ก็หม่าม๊าให้ที่ 1 เลยยย สวนลุมยังสู้ไม่ได้... เพราะที่นี่มีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกมากมาย ที่หม่าม๊าเห็น ก็มีสนามเด็กเล่นกว้างขวาง สระว่ายน้ำ กิจกรรมวาดภาพ พายเรือ หรือจะนั่งปิกนิคข้างบึงก็มีบึงใหญ่ๆ อยู่หลายจุดให้เลือกเชียวค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัวที่รักสุขภาพ และธรรมชาติ แต่ไม่มีเวลา แนะนำค่ะ ไปใช้เวลาทำกิจกรรมเสริมสร้างความแข็งแรง และเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้กับครอบครัว...
คุณยายขี่จักรยานสีหวานฉ่ำโบ๊ะ... หม่าม๊าเลือกให้เอง โหะ โหะ
และในวันนี้เอง หม่าม๊าก็ได้รู้ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยได้มีโอกาสเห็นมาก่อน ระหว่างที่พาข้าวปั้นไปเล่นที่สนามเด็กเล่นนั้น วันนี้ หม่าม๊าสังเกตุว่ามีคนมากมายกว่าที่เคย เรียกว่า มีเด็กๆ เล่นกันเจี๊ยวจ๊าวเยอะแยะไปหมด ข้าวปั้นเลือกปีนขึ้นไปเล่นอยู่บนกระดานลื่นซึ่งหม่าม๊านำเสนอให้ จริงๆ ดูข้าวปั้นจะสนใจกระดานลื่นอีกอันที่ดูสูงชันกว่ากันเยอะ แต่หม่าม๊าว่า มันไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ อย่างหนู เลยนำเสนอกระดานลื่นอีกอันที่อยู่ข้างๆ กันหม่าม๊าเฝ้าดูหนูอยู่ไม่ห่างไปมากนัก เผื่อถ้าเกิดพลัดตกหกล้มก็จะได้วิ่งเข้าไปช่วยได้ทัน จากการเฝ้าสังเกตุการอยู่ในที่สาธารณะของข้าวปั้นแล้ว หม่าม๊าถึงได้รู้ว่า เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือแม้แต่จะรุ่นพี่ขึ้นมานิด ข้าวปั้นเป็นเด็กค่อนข้างจะเรียบร้อย เวลาข้าวปั้นอยากจะเล่นอะไรที่มีคนเล่นอยู่แล้ว ข้าวปั้นจะยืนรอ รอ แล้วก็รอโดยไม่มีการรุกราน ขับไล่คนที่เล่นอยู่ก่อนเลย... เมื่อคนที่เล่นอยู่ก่อนผละไปข้าวปั้นก็จะเข้าไปเล่น แต่.... แต่เมื่อข้าวปั้นถูกรุกรานโดยผู้เข้ามาใหม่ คือมาแย่งเล่นแล้วผลักข้าวปั้นกระเด็นไป ข้าวปั้นก็จะไม่เอาเรื่องและเลือกที่จะเดินจากไป....ซึ่งถ้าเป็นนิสัยหม่าม๊า หม่าม๊าคงไม่เลือกเดินจากไปเฉยๆ แน่นอน...
ขี่ไปขี่มา ไหงอยากจะขี่สวนเลนซะงั้น
และเมื่อข้าวปั้นถูกรุกราน โดยเด็กรุ่นพี่ หรือเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ข้าวปั้นเลือกที่จะไม่สู้เลย ขณะที่เล่นกันอยู่บนกระดานลื่นมีน้องคนนึงรุ่นราวคราวเดียวกัน ง้างมือจะตบหน้าข้าวปั้น หม่าม๊าไม่ลังเลที่จะแผดเสียงออกไป "ตบไม่ได้นะ ไม่ตบนะคะ" น้ำเสียง + หน้าตาหม่าม๊า ทำให้เด็กคนนั้นหยุดชะงักได้ทันที แล้วเลือกที่จะเดินหนีไปแทน.. ไม่นานน้องน้อยคนนั้นก็มาชวนข้าวปั้นเล่นมากกว่าจะมาตบตี ซึ่งหม่าม๊าก็ว่ามันก็น่ารักดี
หนทางข้างหน้าสุดสดใส ขี่เข้าไปลูก....ฮุย เล ฮุย
แต่เด็กรายที่สองที่เข้ามารุกรานข้าวปั้น หม่าม๊าทนไม่ได้จริงๆ หม่าม๊าดูแล้ว น่าจะอายุ 3 ขวบกว่าๆ ตัวตันๆ ใหญ่ๆ ผิวคล้ำๆ หม่าม๊าขอเรียกน้องถึก ขึ้นมาถึงบนกระดานเลื่อนปุ๊บก็ผลักข้าวปั้นกระเด็นเลย เหตุเพราะยืนขวางทางอยู่ ข้าวปั้นลงไปคลานในอุโมงค์ น้องถึกก็คลานไปรุกรานในอุโมงค์ เพราะข้าวปั้นคลานช้า เสียดายที่หม่าม๊ามองไม่เห็น กลับมาบ้านถึงรู้ว่าข้าวปั้นโดนข่วนที่ปลายคางอยู่ 3 จุด ไม่พอยังตามมาแสดงอาการกักขฬะใส่ข้าวปั้นอยู่เรื่อยๆ หม่าม๊าชักจะเริ่มหมดความอดทน จึงเลือกที่จะทำทีพูดคุยกับข้าวปั้นด้วยเสียงดังฟังชัดว่า (จริงๆ ส่งสัญญาณบอกพ่อและแม่ของเด็ก) "ข้าวปั้น หม่าม๊าไม่เคยสอนให้ข้าวปั้นทำใครก่อน แต่ถ้าใครทำข้าวปั้นก่อน ให้ซัดโครมไปเลย หรือไม่ถ้าเจ็บให้ตะโกนเรียกหม่าม๊า เด๋วหม่าม๊าจัดให้.."
แล้วทำไมพิเรนมาขึ้นทางนี้หนอ...หลานฉัน
สิ้นเสียงหม่าม๊า ไม่ทันไรแม่ของน้องถึกก็ปรากฎกายขึ้น แล้วก็มาคอยดูแลลูกใกล้ๆ คงด้วยรู้สึกองค์ว่า เค้าควรอยู่ดูแลไอ้น้องถึกนี่ซะหน่อย ถามจริงๆ เถอะ ถ้าหม่าม๊าไม่พูดคนเป็นแม่จะไม่รู้เลยหรือไง ว่าควรดูแลลูกตัวเองนิดนึง คนเราอยู่ร่วมกันในที่สาธารณะ หม่าม๊าเข้าใจเรื่องการกระทบกระทั่งกันมันเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งเด็กๆ ด้วยแล้ว แต่... ผู้ใหญ่ก็ควรอยู่ดูแลใกล้ชิดนิดนึง ถ้ารู้ว่านิสัยลูกตัวเองเป็นยังไง นอกจากจะเป็นการดูแลอย่าให้เค้าได้เจ็บ มันก็ควรดูแลอย่าให้เค้ามาทำลูกคนอื่นเจ็บด้วย มันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะทำมิใช่หรือ... ลูกใครใครก็รัก..
อุโมงค์นี้แล...ที่โดนตุ๊บตั๊บๆ
พอเจอะเหตุการณ์แบบนี้ หม่าม๊าแอบเก็บมากังวลในเรื่องอุปนิสัยของข้าวปั้น หม่าม๊าไม่แน่ใจว่า การที่ข้าวปั้นไม่โต้ตอบเลยเวลาถูกรังแกมันจะดีหรือเปล่า!??! สำหรับหม่าม๊า การที่ข้าวปั้นรู้จักรอคิว ไม่แย่งของเล่นของคนอื่น รู้จักแบ่งปัน มันก็ดีอยู่หรอก แต่เวลาข้าวปั้นถูกรังแกหรือถูกกระทำแล้วไม่โต้ตอบอันนี้ หม่าม๊าเป็นกังวล..เพราะหม่าม๊าคงไม่ได้ตามไปปกป้องข้าวปั้นได้ตลอดเวลา... หรือจริงๆ การไม่สู้คน การหลีกเลี่ยงมันเป็นการดีอยู่แล้วจริงหรือ?!?! เพราะบางที ข้าวปั้นก็อาจจะได้แผลหรือเจ็บตัวไปแล้ว... จึงจะสามารถผละออกมาจากการถูกโจมตีนั้นได้.. หม่าม๊าควรสอนข้าวปั้นให้โต้ตอบดีไม๊น๊อ.....??
เดินผ่านทางนี้ไป ข้าวปั้นด้อมๆ มองๆ อยากจะระบายสี คราวหน้านะจ๊ะลูก แม่สัญญา..
Free TextEditor
Create Date : 23 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:37:20 น. |
|
8 comments
|
Counter : 413 Pageviews. |
|
|
ภาพสวยมากเลยค้าบ