++..@..My LiTtLe PlAnEt..@..++
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

ITM 640 : Internet and Communication Technologies

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นงานส่วนหนึ่งของวิชา ITM 640 : Internet and Communication Technologies (เทคโนโลยีการสื่อสารและอินเตอร์เน็ต)
แนะนำหลักการและความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและการสื่อสาร
เช่นอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์โมเด็ม อินเตอร์เน็ตแถบกว้าง การสื่อสารในเครือข่ายขนาดเล็ก มาตรฐานอินเตอร์เน็ตต่างๆมาตรฐานอีเธอเน็ต เครือข่ายและเทคโนโลยีการสื่อสารภายในองค์กรขนาดใหญ่ โครงข่ายโทรศัพท์ทั้งชนิดมีสายและไร้สาย และการประยุกต์ใช้ระบบเครือข่ายความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ
- อินเตอร์เน็ต
- เวิร์ดไวต์เว็บ
- Search Engine
- ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต และ การสื่อสารโทรคมนาคม
- สถาปัตยกรรมไคลแอนท์-เซิร์ฟเวอร
- URL และชื่อโดเมน
- เทคโนโลยีแบบหนุน
- เครื่องมือต่างๆ สำหรับการจัดแต่งเว็บ
- โปรโตคอลอินเตอร์เน็ต
- การออกแบบเว็บไซต์และการจัดการลิงค์และเนื้อหา
- ภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ ได้แก่ HTML, XML, DHTML, Java, และ Perl
- เทคโนโลยี DotNet
- เทคโนโลยีเว็บเซอร์วิส
- เทคโนโลยีเชิงวัตถุและ J2EE รวมถึงสภาพแวดล้อมของการพัฒนาระบบ
- มัลติมีเดีย
- ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์และฐานข้อมูลเชิงวัตถุ
- การป้องกันความมั่นคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ไฟร์วอลล์ การเข้ารหัสและถอดรหัส ระบบคริปโตแบบรหัสสาธารณะ และลายเซ็นต์ดิจิตอล
- เกี่ยวกับ Search Engine ได้แก่ วจีภาคของเอกสาร
- การบีบอัดและทำสารบัญ
- สไปเดอร์และคลอเลอร์
- การวัดความสำคัญ
- การให้คะแนน
- การจัดลำดับหน้าเว็บ; การกำหนดคิวรี; ฟิลเตอร์
- การแยกส่วนข้อมูล เกี่ยวกับซอฟต์แวร์เอเจนท์ : บอทและเอเจนท
- โบรกเกอร์และเอเวตาร
- การแทนความรู้, หลักวิธีค้นหา, การวินิจฉัยกฎ, นิวโรเน็ตเวิร์ค;
- ระบบสำหรับการเขียนโปรแกรมเอเจนท์






Free TextEditor

โดยมีอาจารย์ พ.อ.รศ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ เป็นผู้สอน





การศึกษา
- ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมสื่อสารและโทรคมนาคม (Telecommunications)
Ph.D. in Telecommunications
จาก State University System of Florida (Florida Atlantic University), USA.

- ปริญญาโทด้านวิศวกรรมสื่อสารและโทรคมนาคม (ระบบสื่อสารเคลื่อนที่และเซลลูล่า)
MS in EE (Mobile Communication)
จาก The George Washington University, Washington DC, USA.


- ปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า (Computer Communication Network)
MS in EE (Computer Communication Network)
จาก Georgia Institute of Technology, Atlanta, Georgia, USA.


- ปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารโทรคมนาคม (เกียรตินิยมเหรียญทอง)
จาก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
BS in EE (Telecommunications)
นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 26, นักเรียนนายร้อย จปร. รุ่น 37


หลักสูตรที่สําคัญ
- 2543 หลักสูตรอบรม Performing Evaluations Involving Radiated Electromagnetic Interference
from Electromagnetic Interference Laboratory (EMI R&D LAB Corp.), Boca Raton, Florida,USA.


- 2544 หลักสูตรอบรมกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เพื่อดำรงค์ตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง


ตำแหน่งปัจจุบัน


• อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ โรงเรียนนายร้อย พระจุลจอมเกล้า


• ที่ปรึกษาและคณะทำงาน คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ


•  ที่ปรึกษาและคณะทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน


•  ICT Board สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน


•  รองศาสตราจารย์ , Touro University International, USA


•  Adjunct Professor, School of Information Technology, Southern Cross University , Australia


•  Adjunct Professor, Southern New Hampshire University , USA


•  ที่ปรึกษาคณะกรรมการพัฒนาระบบงานด้านเทคโนยีสารสนเทศ กองทัพบก


•  ที่ปรึกษาโครงการ : Aggie Consult Company Limited ด้านระบบ Computer และระบบฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์ (GIS)


•  ที่ปรึกษา ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ อาคารรัจนาการ ถ. สาทร






Free TextEditor

Search Engine คืออะไร ?

ในโลกอินเตอร์เน็ต มีข้อมูลมากมายมหาศาล การที่จะค้นหาข้อมูลจำนวนมากมายอย่างนี้ เราไม่อาจจะคลิกเพื่อค้นหาข้อมูลพบได้ง่ายๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยการค้นหาข้อมูลด้วยเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า Search Engine เข้ามาช่วยเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลมีมากมายที่เป็นทั้งของคนไทยและต่างประเทศ

Search Engineคือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆเอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อนคำ หรือข้อความของหัวข้อนั้นๆลงไปในช่องที่กำหนด คลิกปุ่มค้นหา หรือกดปุ่ม Enter เท่านั้น แค่นี้ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมาย เพื่อให้เราได้เลือกข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด ทั้งนี่บาง Search Engine อาจไม่ได้มีการเก็บข้อมูลใน Server ของตัวเอง แต่อาจจะอาศัยข้อมูลจากเจ้าของ Server นั้นๆ

โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้น จะทำการแสดงผลแบบเรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา Search Engine โดยทั่วไปมี 3 ประเภท โดยมีหลักการทำงานที่ต่างกัน และกาจัดอันดับการค้นหาข้อมูลก็ต่างกัน เพราะมีลักษณะการทำงานที่ต่างกัน ทำให้โดยทั่วๆไปแล้วจะมีการแบ่งออกเป็นหลายๆประเภทด้วยกันดังต่อไปนี้ คือ


ประเภทที่ 1 Crawler Based Search Enginesคือ เครื่องมือการค้นหาบนอินเตอร์เน็ตแบบอาศัยการบันทึก
ข้อมูล และ จัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นจำพวก Search Engine ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากให้ผลการค้นหาแม่นยำที่สุด และการประมวลผลการค้นหาสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีบทบาทในการค้นหาข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบัน โดยมีองค์ประกอบหลักเพียง 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. ฐานข้อมูล โดยส่วนใหญ่แล้ว Crawler Based Search Engine เหล่านี้จะมีฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง ที่มีระบบการประมวลผล และ การจัดอันดับที่เฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างมาก
2. ซอฟแวร์ คือ เครื่องมือหลักสำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งสำหรับ Search Engine ประเภทนี้ เนื่องจากต้องอาศัยโปรแกรมเล็กๆ ทำหน้าที่ในการตรวจหา และทำการจัดเก็บข้อมูล หน้าเพจ หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ในรูปแบบของการทำสำเนาข้อมูล เหมือนกับต้นฉบับทุกอย่าง ซึ่งเราจะรู้จักกันในนาม Spider หรือ Web Crawler หรือ Search Engine Robots


ประเภทที่ 2 Web Directory หรือ Blog Directoryคือ สารบัญเว็บไซต์ที่ให้สามารถค้นหาข่าวสารข้อมูล ด้วยหมวดหมู่ข่าวสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน ในปริมาณมากๆ คล้าย ๆ กับสมุดหน้าเหลือง ซึ่งจะมีการสร้าง ดรรชนี มีการระบุหมวดหมู่ อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ตามหมวดหมู่นั้น ๆ ได้รับการเปรียบเทียบอ้างอิง เพื่อหาข้อเท็จจริงได้ในขณะที่เราค้นหาข้อมูล เพราะว่าจะมีเว็บไซต์มากมาย หรือ Blog มากมายที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กันในหมวดหมู่เดียวกัน ให้เราเลือกที่จะหาข้อมูลได้อย่างตรงประเด็นที่สุด (ลดระยะเวลาได้มากในการค้นหา) ตัวอย่างเช่น
1. ODP หรือ Dmoz ที่หลาย ๆ คนรู้จัก ซึ่งเป็น Web Directory ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Search Engine หลาย ๆ แห่งก็ใช้ข้อมูลจากที่แห่งนี้เกือบทั้งสิ้น เช่น Google, AOL, Yahoo, Netscape และอื่น ๆ อีกมากมาย ODP มีการบันทึกข้อมูลประมาณ 80 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทยเราด้วยครับ (URL ://www.dmoz.org )
2. สารบัญเว็บไทย SANOOK ก็เป็น Web Directory ที่มีชื่อเสียงอีกเช่นกัน และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในเมืองไทย
(URL : //webindex.sanook.com )


ประเภทที่ 3 Meta Search Engineคือ Search Engine ที่ใช้หลักการในการค้นหาโดยอาศัย Meta Tag ในภาษาHTML ซึ่งมีการประกาศชุดคำสั่งต่าง ๆ เป็นรูปแบบของ Tex Editor ด้วยภาษา HTML นั่นเองเช่น ชื่อผู้พัฒนา คำค้นหา เจ้าของเว็บ หรือ บล็อก คำอธิบายเว็บหรือบล็อกอย่างย่อ ผลการค้นหาของ Meta Search Engine นี้มักไม่แม่นยำอย่างที่คิด เนื่องจากบางครั้งผู้ให้บริการหรือ ผู้ออกแบบเว็บสามารถใส่อะไรเข้าไปก็ได้มากมายเพื่อให้เกิดการค้นหาและพบเว็บ หรือ บล็อกของตนเองและอีกประการหนึ่งก็คือ มีการอาศัย Search Engine Index Server หลาย ๆ แห่งมาประมวลผลรวมกัน จึงทำให้ผลการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ไม่เที่ยงตรงเท่าที่ควร

การทำงานของ Search Engine
การทำงานของ Search Engine จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ
Spider หรือ Web Robot จะเป็นตัวที่ทำหน้าที่เข้าสำรวจเว็บไซต์ต่างๆ แล้วดึงข้อมูลเหล่านั้นมาอัพเดทใส่ในรายการฐานข้อมูล ส่วนมาก Spider มักจะเข้าไปอัพเดทข้อมูลเป็นรายเดือน
ฐานข้อมูล (Database) เป็นส่วนที่เก็บรายการเว็บไซต์ ฐานข้อมูลที่ดีควรจะมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะรองรับกับการเติบโตของเว็บไซต์ในปัจจุบัน การออกแบบฐานข้อมูลที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญเพราะถ้าฐานข้อมูลออกแบบมาทำงานช้าก็ทำให้การรอผลนานและจะไม่ได้รับความนิยมไปในที่สุด
โปรแกรม Search Engine มีหน้าที่รับคำหรือข้อความที่ผู้ใช้งานป้อนเข้ามา แล้วเข้าค้นหาตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล จากนั้นก็จะรายงานผลเว็บไซต์ที่ค้นพบให้กับผู้ใช้ การสืบค้นด้วยวิธีนี้นอกจากจะต้องมีระบบการสืบค้นข้อมูลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพแล้ว การกลั่นกรองผลที่ได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญของการสืบค้นข้อมูล


การค้นหาข้อมูลมีด้วยกัน 2 วิธีด้วยกัน คือ

1. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory
วิธีการค้นหาข้อมูลแบบ Index นี้ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วย วิธีของ Search Engine เพราะจะสามารถคัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆ ออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งาน สามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะดูได้เลยใน Web Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกมากเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับขนาดของฐานข้อมูลใน Index ว่าในแต่ละประเภท จัดรวบรวมเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด เมื่อได้ข้อมูลตรงกับความต้องการแล้ว สามารถ Click ลงไปยัง Link
เพื่อขอเชื่อมต่อทางเว็บไซต์ก็จะนำเอาผลของข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงผลทันที
2. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine
วิธีการอีกอย่างที่นิยมใช้การค้นหาข้อมูลคือการใช้ Search Engine ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้หลักการทำงานของ Search Engine จะแตกต่างจากการใช้ Index จะมีลักษณะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาล ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบน Internet ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมาเป็นลำดับขั้นของความสำคัญ การใช้งานจะเหมือนการสืบค้นฐานข้อมูลอื่นๆ คือ ต้องพิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่ต้องการค้นหานั้นๆ เข้าไปจากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Web Site ต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมา




Google เป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก ในอดีตเป็นบริษัทที่ดำเนินการด้านฐานข้มูลเพื่อให้บริการแก่เว็บไซต์ค้นหาอื่นๆ ปัจจุบันได้เปิดเว็บไซต์ค้นหาเอง ด้วยฐานข้มูลมากกว่าสามพันล้านเว็บไซต์และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ คือ เป็นเว็บไซต์ค้นหาที่สนับสนุนภาษาต่างๆ มากกว่า 80 ภาษาทั่วโลก และมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้บริการในส่วนต่างๆ ของโลกมากถึง 36 ประเทศ

บริการค้นหาของ Google แยกฐานข้อมูลออกเป็น 4 หมวด (ในแต่ละหมวดมีการค้นหาแบบพิเศษเพิ่มเติมด้วย) คือ
1.เว็บ : เป็นการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก
2.รูปภาพ : เป็นการค้นหารูปภาพหลากหลายฟอร์แมตจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก
3.กลุ่มข่าว : เป็นการค้นหาเรื่องราวที่น่าสนใจจากกลุ่มข่าวต่างๆ
4.สารบบเว็บ : การค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่แยกออกเป็นหมวดหมู่


การค้นหาแบบเจาะลึก
การค้นหาแบบเจาะลึกเกี่ยวกับเว็บ สามารถระบุรายละเอียดต่างๆ ได้ เพื่อให้สามารถจำกัดวงในการค้นหาให้แคบเข้า เช่น การกำหนดคำหลักที่ต้องการ คำที่คล้ายคลึงและคำที่ไม่ต้องการให้ปรากฏอยู่ด้วย กำหนดเฉพาะภาษา ชนิดของไฟล์ (เอกสารเว็บ(html) เอกสารเวิร์ด (word)) ช่วงระยะเวลาที่เอกสารนั้นสร้างขึ้น จากโดเมนเว็บไซต์ชื่ออะไร เป็นต้น

การค้นหาภาพระดับสูงการค้นหาภาพเพื่อให้สามารถค้นหาได้รวดเร็วควรใช้การค้นหาระดับสูง เพราะสามารถระบุชื่อหรือบางส่วนของชื่อ ชนิดรูปภาพเป็นไฟล์ฟอร์แมตใด (JPG, GIF, PNG) ชนิดของสี (Black/White, Grayscale, Color) ชื่อของโดเมนที่คาดว่าน่าจะมีภาพนั้นๆ

การค้นหาจากกลุ่มข่าวเว็บไซต์ที่เป็นกลุ่มข่าวนั้นโดยปกติจะมีการแบ่งแยกเป็นหมวดหมู่ที่น่าสนใจอยู่แล้ว เราสามารถคลิกที่ชื่อกลุ่มข่าวที่เราสนใจได้ทันที แต่บางทีเราอาจจะไม่แน่ใจว่าเรื่องที่เราสนใจนั้นอยู่ในกลุ่มข่าวใด เราก็สามารถใช้การค้นหาแบบพิเศษเข้าช่วยได้เช่นกัน

การกำหนดเงื่อนไขของการค้นหาใน Google
ในเว็บไซต์ของ Google มีความสามารถในการตั้งค่าหรือเงื่อนไขในการค้นหาได้ ด้วยการเข้าไปกำหนดที่หน้าตัวเลือกภาษา เหมาะกับท่านที่ต้องใช้เว็บไซต์ในการค้นหาเฉพาะภาษาหนึ่ง ภาษาใดโดยเฉพาะ หรือที่เกี่ยวกับภูมิภาคต่างๆ ของโลกเป็นประจำ จะช่วยในการค้นหาทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ทำไมต้องโปรโมทเว็บใน Google Yahoo MSN และ Sanook
เพราะ Google Yahoo และ MSN คือ Search Engine ที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุดติดอันดับต้นๆ ของโลกตามลำดับมีหลายภาษารวมทั้งภาษา ไทย ค้นหาได้รวดเร็ว ส่วน Sanook นั้นเป็น Search Engine ของคนไทยที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ดังนั้นจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ของคุณจึงมีจำนวนมาก คุณจึงจำเป็นจะต้องทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในหน้าแรกๆ เพราะน้อยคนที่จะเปิดเข้าไปดูหน้าหลังๆ

รายชื่อเสิร์ชเอนจินเรียงลำดับตามความนิยม
1. กูเกิล (Google) 49.2%
2. ยาฮู(Yahoo!) 23.8%
3. เอ็มเอสเอ็น (MSN ) 9.6%
4. เอโอแอล (AOL) 6.3%
5. อาส์ก (Ask) 2.6%
6. อื่นๆ 8.5%




ส่วนแบ่งการตลาดของ Search Engine ในประเทศไทย
Google 87.34%
Sanook.com 10.09%
Yahoo.com 1.41%
Msn.com 0.78%
Sasarn.com 0.01%


จากข้อมูลเห็นได้ว่า Sanook นั้นได้รับความนิยมในประเทศไทยมากทีเดียว
Sanook.com เว็บไซต์ค้นหาของไทยอีกราย
เป็นเว็บไซต์ยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นไทย ซึ่งมีบริการหลากหลาย หนึ่งในบริการเหล่านั้นคือ บริการค้นหาเว็บและจัดหมวดหมู่เว็บไซต์ไทย ซึ่งมีหลากหลายกลุ่ม ค้นหาได้ง่ายและฉับไวเช่นเดียวกัน ด้วยฐานข้อมูลเว็บไซต์ภาษาไทยของตนเอง มีบริการแนะนำเว็บไซต์ที่น่าสนใจใหม่ๆ บรรดาเว็บมาสเตอร์ชาวไทยหรือเจ้าของเว็บไซต์ภาษาไทยสามารถเข้าไปเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ไทยได้ด้วยตนเองอีกด้วย


ย้อนรอยประวัติความเป็นมาของ Google
ช่วงปี 1995-1997 ปี แห่งการเริ่มต้น
เป็นช่วงปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน Google เมื่อ 2 ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ตั้งแต่แรกคือ 2 หนุ่มวัยรุ่น Larry Page และ Sergey Brin ทั้งคู่ได้รู้จักกันที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สาขา Computer science เมื่อปี 1995 ขณะนั้น Larry อายุ 24 ปี และ Sergey อายุ 23 ปี ด้วยบุคลิกที่กล้าคิดกล้าแสดงออกในบรรดาเรื่องต่าง ๆ ที่ตัวเองสนใจของทั้งคู่ ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเรื่องของการสร้างเทคโนโลยีระบบจักรกลที่สามารถดึงสืบค้นข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ ซึ่งยังเป็นหัวข้อที่สำคัญและสามารถพัฒนาต่อได้อีกมากมายในด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการขนถ่ายข้อมูล
เดือนมกราคมปี 1996 Larry Page และ Sergey Brin ได้เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีจักรกลค้นหาหรือว่า search engines ที่สมัยนั้น ถูกเรียกว่า BackRub ซึ่งหมายถึงความสามารถอันพิเศษที่สามารถสามารถจะเข้าไปวิเคราะห์ “back links” ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ โดยในช่วงแรก ๆ นั้น การทำงานของทั้งคู่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะยังขาดปัจจัยด้านทุนทรัพย์เหมือนกับเด็กนักศึกษาทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฎว่าเทคโนโลยี BackRub กลับเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวขวัญตื่นตาตื่นใจไปทั่วมหาวิทยาลัยกับระบบจักรกลค้นหาที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น


ปี 1998 สัญญาณของความสำเร็จ
ทั้ง 2 หนุ่มได้พยายามสานต่อรากเหง้าของเทคโนโลยีที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาให้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โดยใช้หกพักของ Larry มาเป็นห้อง Data center ห้องแล็บแรกของ Google ซึ่งในช่วงแรกทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจที่จะจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ออกไปสู่ท้องตลาด ขณะนั้นเว็บไซต์ของ Yahoo! เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ของพวกเขา แต่เหมือนฟ้าดลใจ เพราะตอนนั้น Yahoo! ไม่สนใจระบบ Search engine และมองว่ากลุ่มลูกค้าของยาฮูไม่จำเป็นต้องใช้จักรกลค้นหาแบบนี้ และแนะนำให้ Larry และ Sergey ตั้งบริษัทขึ้นมารองรับเองจะดีกว่า
เมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ ก็เลยทำให้ทั้ง 2 คนตัดสินใจที่จะเริ่มต้นสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมา สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือ หาเงินทุนสำหรับใช้เป็นงบประมาณใจการย้ายออฟฟิศออกไปจากหอพักนักศึกษาแห่งนี้ และหาทางจ่ายเงินค่าฮาร์ดดิสก์ที่พวกเขาลงทุนที่จะมาช่วยโครงการนี้ให้สำเร็จ
คนแรกที่มองเห็นศักยภาพของ Search engine ก็คือ Andy Bechtolsheim ผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Microsystems เมื่อ 2 หนุ่มได้นำโปรแกรมตัวอย่างเข้าไปนำเสนอ และได้มีการพูดคุยกันทุกเช้า


ปี 1999 เงินทุนก้อนใหญ่มาแล้ว
วันที่ 7 มิถุนายน 1999 Google ก็ได้ประกาศว่าได้มีผู้ร่วมทุนขนาดใหญ่เข้ามาอีก 2 รายคือ Mike Moritz แห่งกลุ่มบริษัทเงินทุน Sequoia และ John Doerr ของบริษัท Kleiner Perkins มานั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของบริษัทพร้อมกับเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเข้ามาอีกถึง 25 ล้านดอลลาร์ และโปรแกรม Search Engines ก็ได้ถูก AOL/Netscape นำไปใช้สำหรับเป็นเครื่องมือด้านในเว็บไซต์ ซึ่งมียอดใช้งานสูงถึง 3 ล้านครั้งต่อวันเลยทีเดียว

เริ่มปรากฏ
ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แล้ววันหนึ่ง Andy ได้พูดประโยคที่กลายเป็นตำนานของ Google นั่นก็คือ “แทนที่จะมาพูดกันแต่เรื่องของรายละเอียดของโปรแกรม เอาเป็นว่าผมเขียนเช็คให้กับคุณเลยดีกว่า” แล้วเช็คเงินจำนวน 1 แสนดอลลาร์ก็ทำให้ Google Inc. ถูกก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการนับแต่การพูดคุยกันในวันนั้น เมื่อร่วมกับเงินทุนจากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและคนที่มองเป็นอนาคตของ Google สุดท้ายเงินลงทุนเบื้องต้นในการสร้างอาณาจักรของ Google ก็เลยลงเอยของการเริ่มต้นที่ 1 ล้านดอลลาร์
เดือนกันยายน ปีเดียวกันนี้ที่ Menlo Park แคลิฟอร์เนียก็กลายเป็นที่พำนักใหม่ของ Google Inc. และได้ Craig Silverstein มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี หลังจากนั้นเว็บไซต์ Google.com ก็เริ่มออกสู่สายตาของนักท่องเว็บไซต์ทั่วโลก มีคนเข้ามาใช้บริการค้นหาเว็บไซต์ในช่วงแรกที่ยังเป็นเบต้าเวอร์ชันสูงถึงวันละกว่าหมื่นครั้ง พอถึงเดือนธันวาคม หนังสือ PC Magazine ได้จัดเว็บไซต์ของ Google ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Top 100 Web Sites และ Search Engines ประจำปี 1998 มาถึงตอนนี้ชื่อของ Google ก็ไม่ได้เป็นชื่อโนเนมอีกต่อไป แต่กลายเป็นแบรนด์เนมระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว


ปี 2000 ปีแห่งการสยายปีกของ Google
เป็นปีที่อาณาจักรของ Google เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมอย่าง Google Directory และบริการค้นหาข้อมูลผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย รวมถึงความสามารถในการให้บริการภาษาต่าง ๆ สำหรับใช้ค้นหาลิงก์เว็บไซต์ได้ถึง 10 ภาษาทั่วโลก
วันที่ 26 เดือนมิถุนายน Google และ Yahoo! ได้ประกาศการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันโดยทั้ง 2 บริษัทจะมีการและเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน เพื่อรองรับบริการที่เข้ามาสูงถึง 18 ล้านครั้งต่อวัน และตอนนี้เว็บไซต์ NetEase ของประเทศจีน และ Biglobe ของญี่ปุ่น ต่างก็ใช้ระบบค้นหาของ Google เข้ามาใช้ในเว็บไซต์ของตนเป็นครั้งแรก
บริการใหม่ ๆ ของ Google ในช่วงปีนี้ ได้แก่ AdWords บริการคีย์เวิร์ดค้นหาเกี่ยวกับการโฆษณาสำหรับธุรกิจองค์กรขนาดเล็ก และพอมาถึงช่วงปลายปี 2000 Google Toolbar ก็ได้เผยโฉมออกมาสู่ท้องตลาดเว็บไซต์ ซึ่งช่วยทำให้บริการค้นหาของ Google สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ โดยที่ ยูสเซอร์ที่ใช้งานไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของ Google อีกต่อไป
สิ้นปี 2000 Google สามารถทำยอดสถิติคนใช้บริการค้นหา Search Engines ได้สูงถึงวันละ 100 ล้านคน การใช้งานของโปรแกรมนี้แพร่หลายไปกลุ่มคนทุกระดับที่มีการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักวิจัยค้นคว้า รวมถึงบริการค้นหาแบบไร้สายนั้นก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย เพราะอุปกรณ์มือถือนั้นมีการใช้งานกันทั่วโลก และเมื่อโทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ การมีเครื่องมือสำหรับใช้ค้นหาเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน


ปี 2001 การแตกไลน์ด้านการบริการครั้งสำคัญ
ในเดือนกุมภาพันธ์ Google ได้เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจดอทคอมอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อได้เข้าไปถือหุ้นซื้อบริษัท Deja.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านระบบฐานข้อมูลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ โดยการนำระบบฐานข้อมูลเหล่านี้ให้กลายมาเป็นฟอร์แมตที่สามารถใช้ Search Engines เข้าไปค้นหาได้ ด้วยความสำเร็จที่ก้าวเข้ามาถึงจุดนี้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปลายปี 2001 Google ก็เริ่มประกาศให้ชาวโลกได้ทราบว่าตอนนี้ธุรกิจออนไลน์ของตนกำลังทำรายได้และผลกำไรให้อย่างเป็นล่ำเป็นสันแล้ว
ชื่อเสียงของ Google เริ่มขจรขจายไปทั่วโลก เมื่อเดือนตุลาคม Google ได้ตกลงเซ็นสัญญาร่วมกับ Lycos Korea ในการนำจักรกลค้นหาของ Google ไปใช้บริการในด้านกลุ่มข่าวหรือว่า Usenet Archive ใน New Group สำหรับกลุ่มยูสเซอร์ที่อยู่ในฝั่งเอเชีย และ Google ก็สามารถรองรับภาษา ทั่วโลกได้ถึง 26 ภาษาแล้ว รวมถึงภาษาอาราบิกและภาษาตุรกี
ในเดือนธันวาคม Google ได้ขยายความสามารถในการให้บริการไปอีกขั้นหนึ่ง นอกเหนือไปจากระบบการค้นหาข้อมูลส่วนทีเป็นตัวหนังสือ โดยบริการใหม่ที่ชื่อว่า “Google Image Search” ซึ่งเป็นบริการค้นหาภาพแบบออนไลน์โดยใช้ระบบดัชนีค้นหา รวมไปถึงบริการซื้อขายของออนไลน์Google สามารถเข้าไปค้นหาอีเมล์ออเดอร์แคตาล็อกได้มากกว่า 1,100 รายการ อย่างง่ายดาย เทียบกับระบบเดิมที่ต้องใช้โทรศัพท์หรือว่าแฟกซ์ออเดอร์เป็นหลัก
เดือนธันวาคมนี้เหมือนจะเป็นเดือนแห่ง Google โดยแท้ เพราะว่าระบบค้นหาของ Google นั้นมีฐานข้อมูลที่สามารถค้นหาเอกสารที่เป็น Web Documents ได้สูงถึง 3 พันล้านรายการ เป็นการพังทลายกำแพงกั้นเทคโนโลยีด้านข้อมูลแบบเติม ๆ และทำให้โลกของระบบข้อมูลข่าวสารนั้นถูกย่อลงมาเหลือเพียงแค่ปลายนิ้วคลิ้กเท่านั้นเอง


ปี 2002 สานต่อเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในระดับโมเลกุล
เดือนกุมภาพันธ์ 2002 Google ได้รับรางวัล “Search Engine Watch Awards” ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้จากการลงความเห็นของเว็บมาสเตอร์จากทั่วโลกที่ให้คะแนน Google ในฐานะบริการยอดเยี่ยมด้านต่าง ๆ เช่น Best Image Search Engine, Best Design, Most Webmaster Friendly Search Engine และบริการ Best Search Feature
นวัตกรรมในช่วงปีนี้ของ Google มีการพัฒนาเครื่องมือช่วยเขียนโปรแกรมเว็บแอพพลิเคชัน (Application Programming Interfaces-APIs) ซึ่งช่วยทำให้องค์กรหรือว่าบริษัทต่าง ๆ สามารถค้นหาเอกสารที่เก็บและหมุนเวียนอยู่ภายในบริษัทได้นับเป็นพันล้านฉบับ และบริการใหม่ Google Compute ที่เพิ่มเข้าไปไว้ใน Google Toolbar โดยเป็นโปรแกรมที่สามารถเข้าไปตรวจค้นได้ว่าช่วงจังหวะเวลาไหนที่คอมพิวเตอร์ของคุณเกิดไม่ยอมทำงานขึ้นมา โปรแกรมจะเข้าไปตรวจสอบและกระตุ้นให้ระบบทำงานตามหลักตรรกะทางคณิตศาสตร์คล้ายกับระบบการออกแบบยาเพื่อให้เข้าสู่ระบบการทำงานของร่างกายนั่นเอง
มีอีกบริการหนึ่งของ Google ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็คือ บริการ AdWords บริการเกี่ยวกับระบบโฆษณาโดยการใช้วิธีวัดแบบ Cost-Per-Click (CPC) เพื่อทำให้โฆษณานั้นสามารถสื่อไปถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายต้องการจะชมสื่อโฆษณาตามที่ตัวเองต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องยัดเยียดโฆษณาแบบเหวี่ยงแหเหมือนเดิมอีกต่อไป เรียกว่าตรงใจทั้งผู้บริโภคและบริษัทที่ต้องการจะขายสินค้าของตนได้มากที่สุด
มาถึงเดือนกันยายนปีเดียวกันนี้ Google ได้เปิดเว็บเซอร์วิส Google News มาให้บริการสำหรับแหล่งข้อมูลข่าวสารทั่วโลก เป็นบริการฟรีที่ยูสเซอร์สามารถสแกนค้นหาหัวข้อข่าวใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา และช่วงส่งท้ายปี 2002 คือในเดือนธันวาคม เราก็ได้เห็นบริการ Froogle บริการค้นหาสินค้าที่มีการจัดออกมาเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมีเว็บไซต์ให้คุณเลือกชอปปิ๊งนับล้านเว็บไซต์เลยที่เดียว


ปี 2003 ปีแห่งการพลิกโฉมใหม่ให้กับวงการโฆษณา
ปี 2003 เป็นก้าวทีสำคัญในการพลิกโฉมให้กับวงการโฆษณาออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กับบริการ Google AdSense บริการที่ช่วยทำให้เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เข้ามาใช้บริการของ Google สามารถสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ของตนเอง ด้วยการเพิ่มมูลค่าหน้าเว็บไซต์ของตนเองเพียงแค่การคลิ้กหน้าโฆษณาบนเว็บไซต์เท่านั้นเอง
พร้อมกันนั้น Google Toolbar เวอร์ชัน 2.0 ก็ได้ออกสู่ท้องตลาดพร้อม ๆ กับ Google Deskbar คราวนี้แถบเครื่องมือ Toolbar ของ Google ได้เพิ่มประสิทธิภาพในด้านของระบบป้องกัน Pop-up โฆษณาของเว็บไซต์ต่าง ๆ (Pop-Up blocker) และระบบ Form Filler ที่ช่วยย่นเวลาในการกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวของคุณในกรณีที่คุณต้องการไปสมัครใช้บริการที่เว็บไซต์อื่น ๆ และต้องมีการกรอกข้อมูลสมัครสมาชิกอยู่เป็นประจำ รวมถึงทูลบาร์ยูทิลิตี้อื่น ๆ ที่เข้ามาเสริม เช่น ระบบเครื่องคำนวณ หรือระบบค้นหาสายการบิน เป็นต้น


ปี 2004 การประกาศศักดาของ Gmail และโปรแกรม Picasa
มาถึงปี 2004 ปีที่ระบบฐานข้อมูลดัชนีค้นหาของ Google มีจำนวนสูงถึง 4.28 พันล้านหน้า เว็บเพจ Google ได้รับตำแหน่ง “Brand of the Year” ประจำปี 2003 รวมถึงสถานีช่องข่าว ABC News ก็ให้เกียรติ Larry กับ Sergey ในฐานะ “Person of the Week”
เดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 17 Google ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตอนนี้ระบบดัชนีฐานข้อมูลของ Google มีอยู่สูงถึง 6 พันล้านรายการ โดยแบ่งออกเป็นดัชนีรายชื่อเว็บไซต์ 4.28 พันล้านชื่อเว็บเพจที่มีภาพเป้นส่วนประกอบอีก 880 ล้านเว็บไซต์ และมีระบบส่งข้อความ Usenet อีก 845 ล้านกลุ่ม กลายเป็นระบบฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการทั้งหมด
บริการใหม่ ๆ ในช่วงต้นปี 2004 นี้ก็มี บริการ Local Search ซึ่งเป็นบริการแผนที่ประจำเมืองหรือรัฐต่าง ๆ ในอเมริกา ยูสเซอร์สามารถคลิ้กเข้าไปค้นหาร้านค้าหรือว่าแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่สำคัญได้และบริการ Personalized search อันนี้ก็เป็นบริการที่ต่อยอดมาจากคนที่เป็นสมาชิกอีเมล์ของ Google ยูสเซอร์สามารถเข้าไปค้นหารายชื่อของดัชนีค้นหาต่าง ๆ ในอดีตที่คุณเคยทำเอาไว้ โดยไม่จำเป็นต้องมาเริ่มค้นหาไหม่อีก เพียงแต่ว่าถ้าจะใช้บริการนี้คุณจะต้องเข้าไปจดทะเบียน Google Account เสียก่อน
วันที่ 1 เมษายน Google ได้ประกาศบริการใหม่ล่าสุดที่ท้าทายยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Yahoo! หรือว่า Microsoft MSN กับบริการ Web-based mail service ที่เรียกว่า Gmail ซึ่งให้บริการพื้นที่เก็บจดหมายให้กับยูสเซอร์กว่า 2.6 กิกะไบต์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่เก็บจดหมายที่มากกว่า Yahoo! สำหรับฟรีอีเมล์ที่ให้พื้นที่ 1 กิกะไบต์เสียอีก
บริการใหม่ที่เกี่ยวกับการค้นหารูปภาพ Picasa ได้ฤกษ์เปิดตัวในวันที่ 13 กรกฎาคม บริการที่ทำให้คุณสามารถบริหารภาพถ่ายดิจิตอลของคุณได้อย่างง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดเก็บภาพให้เป็นหมวดหมู่หรือว่าการแชร์ภาพถ่ายของคุณไปให้กับคนอื่น ๆ
วันที่ 14 ตุลาคม Google ได้นำบริการ Google Desktop Search เวอร์ชันแรกออกสู่ท้องตลาดในฐานะฟรีแวร์ และบริการ Google SMS สำหรับส่ง SMS เข้ากับเครื่องโทรศัพท์มือถือของคุณ โดยไม่ว่าคุณจะอยู่จะไหนในโลกที่มีเครือข่ายสัญญาณของโทรศัพท์มือถือ
ปิดท้ายในเดือนธันวาคม บริการส่งท้ายปีของ Google คือ Google Groups เวอร์ชันล่าสุดซึ่งเป็นบริการ Usenet ที่มีกลุ่มหัวข้อต่าง ๆ ให้เลือกถึง 1 พันล้านเรื่องต่อยอดมาตั้งแต่ปี 2001 เวอร์ชันนี้ ยูสเซอร์สามารถที่จะสร้างและบริหารอีเมล์แบบเป็นกรุ๊ปส่วนตัวของคุณเอง สมาชิกในกลุ่มสามารถเข้ามาพูดคุยถกปัญหาหรือว่าประเด็นกันได้ทุกเรื่อง และบริการ Google Print ซึ่งเป็นบริการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างห้องสมุดของมหาวิทยาลัย Harvard, Stanford, Michigan, Oxford และห้องสมุดสาธารณะของกรุงนิวยอร์ก ที่เปิดโอกาสให้ยูสเซอร์สามารถเข้าไปสแกนดูหน้าตัวอย่างหนังสือที่ได้รับการเก็บสะสมเอาไว้ในห้องสมุดได้ โดยใช้ดัชนีค้นหาของ Google


ปี 2005 กับการมาของ Google Earth
นับได้ว่าเป็นปีของ Google ที่มีบริการใหม่ ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่โปรแกรมเวอร์ชันล่าสุดของ Google Desktop Search และ Google Search for the Enterprise บริการจัดการงานด้านข้อมูลข่าวสาร ระบบรักษาความปลอดภัย และระบบการควบคุมด้าน IT ขององค์กร
ส่วนบริการหลังอื่น ๆ ของ Google ในปี 2005 นี้ก็ยังมี Google Maps, Google Talk, Google Blog Search และที่โด่งดังเป็นข่าวหน้าหนึ่งในบ้านเราก็คือ บริการ Google Earth เทคโนโลยีภาพถ่ายดิจิตอลจากดาวเทียมที่ทำให้คุณสามารถเห็นแผนที่โลกทั้งโลกทั้งจากระยะใกล้และระยะไกลเพียงแค่การคลิกไม่กี่คลิกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั่นเอง


ปี 2006 ปีแห่งการเข้าสู่ระบบวิดีโอออนไลน์
ถือได้ว่าปี 2006 นี้เป็นปีทองของ Google ที่ขยายไลน์ธุรกิจออกไปสู่สังคมคนบันเทิงที่มีฐานผู้ชมเป็นจำนวนมหาศาลคอยรองรับกับบริการ Google Vides Store บริการร้านเช่าวิดีโอแบบออนไลน์ที่คุณสามารถเข้าไปชมคุณภาพวิดีโอ ทั้งระบบเช่าหรือว่าดาวน์โหลดซื้อรายการต่าง ๆ จากรายการกีฬาดัง ๆ ภาพยนตร์ทีวีซีรีส์เรื่องดัง รายการทีวีโชว์ หรือว่ามิวสิควิดีโอแบบเว็บออนไลน์ได้จากเว็บไซต์แห่งนี้
นอกจากนั้น Google ยังเปิดโอกาสให้คุณสามารถเข้าไปดาวน์โหลดสุดยอดของโปรแกรมรวมฮิตของ Google นั่นก็คือ Google Pack เป็นชุดโปรแกรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของบราวเซอร์และทำให้การท่องเว็บของคุณนั้นง่ายขึ้นกว่าเดิมมากมายหลายเท่าเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้เป็นปูมหลังหรือประวัติของ Google โดยสังเขป ซึ่งผมได้รวบรวมเอามาสรุปให้ได้อ่านกันเพราะว่า Google นั่นเริ่มต้นจากห้องแล็บ ซึ่งเป็นห้องพักในมหาวิทยาลัยของ 2 นักศึกษา ที่มีอุดมการณ์และความคิดที่เหมือนกัน มาถึงวันนี้ธุรกิจของ 2 หนุ่มนั้นแตกไลน์ไปแบบกู่ไม่หยุดแล้ว ถ้านับเป็นมูลค่าก็เป็นพันเป็นหมื่นล้านดอลลาร์ ถือได้ว่าเป็นกรณีศึกษาทางด้านไอทีที่เราสามารถนำไปศึกษาและเป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี


เทคนิค 8 ประการที่ควรรู้ในการค้นหาข้อมูล
ในการค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine ส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่ผู้ใช้งานทั่วไปมักจะพบเห็น หรือประสบอยู่เสมอๆ ก็คงจะหนีไปไม่พ้นข้อมูลที่ค้นหาได้มีขนาดมากจนเกินไป ดังนั้นเพื่อ ความสะดวกในการใช้งานคุณจึงน่าที่จะเรียนรู้เทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยลดหรือจำกัดคำที่ค้นหาให้แคบลงและตรงประเด็นกับเรามากที่สุด ดังนี้
1. เลือกรูปแบบการค้นหาให้ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการจะค้นหาข้อมูลที่มีลักษณะทั่วไปไม่ชี้ เฉพาะเจาะจง ก็ควรเลือกบริการสืบค้นข้อมูลแบบ Index อย่างของ yahoo เพราะโอกาสที่จะเจอนั้น เปอร์เซ็นต์สูงกว่าจะมานั่งสุ่มหาโดยใช้วิธีแบบ Search Engine ใช้คำมากกว่า 1 คำที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกันช่วยค้นหา เพราะจะได้ ผลลัพธ์ที่มีขนาดแคบลงและชี้เฉพาะมากขึ้น
2. ใช้บริการของผู้ให้บริการเฉพาะด้าน เช่น การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพยนตร์ก็น่าที่จะเลือกใช้ SearchEngine ที่ให้บริการใกล้เคียงกับเรื่องพวกนี้ เพราะผลลัพธ์ที่ได้น่าจะเป็นที่น่าพอใจกว่า โดยใส่เครื่องหมายคำพูดครอบคลุมกลุ่มคำที่ต้องการ เพื่อบอกกับ Search Engine ว่าต้องการผลการค้นหาที่มีคำในกลุ่มนั้นครบและตรงตามลำดับที่เราพิมพ์ทุกคำเช่น "free shareware" เป็นต้น
3. การขึ้นต้นของตัวอักษรตัวเล็กเท่ากันหมด Search Engine จะเข้าใจว่าเราต้องการให้ค้นหาคำดังกล่าวแบบไม่ต้องสนใจว่าตัวอักษรที่ได้จะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ดังนั้นหากต้องการอยากที่จะให้ค้นหาคำตรงตามแบบที่เขียนไว้ก็ให้ใช้ตัวอักษรใหญ่แทนใช้ตัวเชื่อมทาง Logic หรือตรรกศาสตร์เข้ามาช่วยค้นหา มีอยู่ 3 ตัวด้วยกันคือ AND, OR, NOT
4. AND สั่งให้หาโดยจะต้องมีคำนั้นๆ มาแสดงด้วยเท่านั้น โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องติดกัน เช่น phonelink AND pager เป็นต้น
5. OR สั่งให้หาโดยจะต้องนำคำใดคำหนึ่งที่พิมพ์ลงไปมาแสดง
6. NOT สั่งไม่ให้เลือกคำนั้นๆมาแสดง เช่น food and cheese not butter หมายความว่า ให้ทำการหาเว็บที่เกี่ยวข้องกับfood และ cheese แต่ต้องไม่มี butter เป็นต้น
7. ใช้เครื่องหมายบวกลบคัดเลือกคำ + หน้าคำที่ต้องการจริงๆ - (ลบ) ใช้นำหน้าคำที่ไม่ต้องการ () ช่วยแยกกลุ่มคำ เช่น(Pentium +computer) cpu
8. ใช้ * เป็นตัวร่วม เช่น com* เป็นการบอกให้หาคำที่มีคำว่า com ขึ้นหน้าส่วนด้านท้ายเป็น อะไรไม่สนใจ *tor เป็นการให้หาคำที่ลงท้ายด้วย tor ด้านหน้าจะเป็นอะไรไม่สนใจ


ประโยชน์ที่ได้รับจาก Search Engine

1. ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว
2. สามารถค้นหาแบบเจาะลึกได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3 และอื่นๆ อีกมากมาย
3. สามารถค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทาง ที่มีการจัดทำไว้ เช่น download.com เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลและซอร์ฟแวร์ เป็นต้น
4. มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล
5. รองรับการค้นหา ภาษาไทย


อ้างอิง
-//www.stou.ac.th/Thai/Offices/Oce/Knowledge/5-51(500)/page1-5-51(500).html
-//www.yupparaj.ac.th/CAI/search/search_07-1.html
-//www.it-guides.com/lesson/search_engine_01.html
-//th.wikipedia.org/wiki/เสิร์ชเอนจิน
-//www.csloei.com/node/95
-//www.stou.ac.th/Thai/Offices/Oce/Knowledge/5-51(500)/page1-5-51(500).html




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551
0 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2552 17:01:38 น.
Counter : 1647 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


pookio
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
Friends' blogs
[Add pookio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.