มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
ผีเสื้อที่บินข้ามบึง...สู่...ขอบของแสง ปีกแห่งเงา / อุรุดา โควินท์

 

 

ผีเสื้อที่บินข้ามบึง /อุรุดา โควินท์ 
สำนักพิมพ์ ณ ดา
 พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2556
จำนวนหน้า 288 หน้า ราคา 225 บาท


โปรยปกหลัง...

“ฉันคิดถึงสามีขึ้นมาจับใจ
ราวกับว่าเขาไม่ได้จากไปไหน
ยังอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลกนี้
ฉันรักเขาเหลือเกิน แท้ที่จริงแล้ว
ฉันไม่ได้สูญเสียเขาไป
เขาอยู่กับฉันในห้องนี้
และจะไปอยู่กับฉันที่เชียงราย
คิดแล้วฉันก็น้ำตาไหล
สองสามเดือนที่ผ่านมา
ฉันมัวทำอะไร
ฉันวางหัวใจผิดที่ผิดทาง
ต้องขยับปีกกี่ครั้ง
ผีเสื้อจึงจะบินข้ามบึง”

เล่าเรื่องย่อๆเอง....

'ผีเสื้อที่บินข้ามบึง' เป็นเรื่องราวของพะแพง หญิงสาววัย 35 ปี ที่สูญเสียสามีไป ชีวิตที่เคยมีคนคอยเติมเต็มกันและกัน กลับกลายเป็นอ้างว้างและโดดเดี่ยว พะแพงต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว แต่การบินด้วยปีกของตัวเองนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเธอเปรียบเสมือนผีเสื้อที่บอบบางตัวหนึ่ง ชีวิตใหม่ที่ต้องเริ่มต้น รักครั้งใหม่ที่พะแพงคิดว่ามันควรเป็น จะใช่หนทางที่ถูกต้องไหม ผีเสื้อที่เสียกระทั่งวิถีการบิน แม้แต่แค่บึงเล็กๆ...ก็อาจไม่ง่ายนักที่จะบินข้ามผ่านไปได้......

ความรู้สึกหลังอ่าน...

ครั้งแรกที่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ค่อนข้างคาดหวังกับความดราม่าพอควรค่ะ เพราะอ่านจากโปรยปกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงที่สูญเสียสามี (และเราก็มีสามี สงสัยจะต้องเศร้าสุดๆแน่ๆ คิดแบบนี้ค่ะ แฮ่ๆๆๆๆ) แต่เมื่ออ่านจบ ค่อนข้างพลิกล็อคค่ะ เพราะเรื่องนี้สำหรับเราเป็นดราม่าระดับเบาๆค่ะ เรียกว่าใครไม่ชอบดราม่าที่หนักหน่วง เรื่องนี้อ่านได้แน่นอน

ในหนังสือเป็นการเล่าเรื่องชีวิตของ 'พะแพง' ผ่านไดอารี่ของเธอ การเล่านั้นจะใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 ค่ะ เป็นช่วงชีวิตของพะแพงตั้งแต่สูญเสียสามีไป ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เริ่มจากการย้ายที่อยู่จาก 'คีรีวงศ์' เพราะเมื่อสามีจากไป ที่นั่นก็ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป พะแพงต้องเริ่มหางานทำ เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นแม่บ้าน นอกจากที่ต้องค้นหาตัวตนพร้อมๆกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่  และเธอเริ่มเรียนรู้ในรักครั้งใหม่.....

ที่บอกว่าเป็นดราม่าระดับเบาๆเนื่องจากไดอารีกล่าวถึงตัวเธอหลังจากที่สามีเสียไป โดยที่ไม่ได้เกริ่นเล่าเกี่ยวกับสามีของพะแพงมากนัก ไม่มีโมเม้นท์ให้รู้ว่าทั้งสองรักกันหรือมีช่วงเวลาที่ดีต่อกันอย่างไร ทำให้เมื่ออ่านแล้วจะรับรู้ถึงความเศร้าได้แค่ถ้อยคำที่บอกผ่านไดอารี แต่นึกภาพไม่ออก ทำให้อ่านแล้วไม่กินใจมากเลยเป็นแค่ดราม่าระดับเบาๆ

เมื่ออ่านจบ เรื่องนี้มีจุดที่ชอบคือรู้สึกว่ามันเรียลสุด เหมือนเราได้อ่านบันทึกไดอารี่ที่มีอยู่จริง การบรรยายคำพูด ความนึกคิด หรือแม้กระทั่งการกระทำของพะแพง ก็อย่างกับไม่ใช่เรื่องแต่ง อาจเป็นเพราะมันมีความที่เสมือนจริงมากกกกกก และการเล่าก็ใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 เวลาอ่านก็เลยเหมือนกับเราเข้าไปอยู่ในโลกของเธอ โลกของผู้หญิงบอบบางที่ไม่แตกต่างจากผีเสื้อ ในช่วงต้นๆจะรู้สึกเศร้าใจไปกับความรู้สึกเศร้าจากความสูญเสีย พะแพงเป็นคนชอบแต่งตัวค่ะ เนื่องจากมีฉากบรรยายเกี่ยวกับเสื้อผ้าการแต่งตัวค่อนข้างเยอะ ในความรู้สึกเราการแต่งตัวก็ไม่แตกต่างจากเปลือกที่ห่อหุ้มตัวตนที่เศร้าโศกและอ่อนแอ เมื่ออ่านผ่านไป ในเรื่องก็แทบจะไม่ได้พูดถึงความเศร้าโศกเกี่ยวกับสามีที่เสียไปเท่าไร (เราคิดเองพะแพงอาจไม่อยากเขียนในไดอารี่เพราะจะทำให้เศร้ามากขึ้น) แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเริ่มทำงาน การพบเจอชายหนุ่มที่มาชอบเธอ  หรือแม้แต่ความรักครั้งใหม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่ทำตามอารมณ์เป็นส่วนใหญ่โดยขาดการไตร่ตรอง เรื่องราวช่วงหลังๆจะไม่ได้เอ่ยถึงความโศกเศร้ามากนัก แต่ลึกๆส่วนตัวคิดว่าใช่ว่าพะแพงจะไม่คิดถึงสามีเลย เพราะมีจุดเชื่อมระหว่างพะแพงกับสามีที่เสียไป....ผีเสื้อสีดำ...ที่เสมือนว่าเป็นเขา...โบยบินตามพะแพงไปทุกที่

เรื่องราวจากที่อ่านพะแพงค่อนข้างอ่อนแอ และที่เธอสามารถยืนหยัดขึ้นได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของเพื่อนๆพี่ๆเกือบทั้งนั้น ยกเว้นตอนป่วยที่รู้สึกว่าเธอเข้มแข็งจริงๆ ความรู้สึกคือพะแพงเป็นผีเสื้อที่โชคดี ที่แม้จะขยับปีกไม่ค่อยไหว แต่ก็มีเพื่อนที่ดีซึ่งไม่ต่างจากลมแรงๆที่พัดหอบผีเสื้อจนสามารถบินข้ามบึงไปได้ Smiley  และคงเพราะเป็นการเล่าแบบเขียนไดอารี่จึงทำให้ไม่ค่อยมีบทย้อนบรรยายให้คนอ่านทราบว่า เพื่อนที่แสนดีนั้นเป็นเพื่อนรักกันขนาดไหน อย่างเช่นพี่วาดที่คอยช่วยเหลือพะแพงอย่างน่าทึ่ง เวลาอ่านก็เลยทำให้ไม่ได้อินมากทั้งๆที่คิดว่าควรจะอินกับมิตรภาพมากกว่านี้ 

เนื้อเรื่องอีกส่วนหนึ่ง เน้นไปที่ความรักครั้งใหม่ของพะแพง จุดนี้ชอบในความเรียลมาก ชอบในความไม่สมบูรณ์แบบของพะแพง แต่ก็มีจุดที่เราเองไม่ค่อยเข้าใจ เนื่องจากผู้เขียนใส่ความติสท์ให้กับพะแพงอย่างเต็มที่ โลกของพะแพงนี่ต่างจากโลกของเราอย่างสิ้นเชิง (แปลว่าเราไม่ติสท์เลยสักนิด) ทำให้บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจมุมมองและการกระทำของเธอ โดยเฉพาะความหวั่นไหวในความรักครั้งใหม่ นี่เป็นเหตุผลที่อ่านแล้วรู้สึกสงสารพะแพงเล็กๆค่ะ สงสารที่เธอใช้อารมณ์เหนือเหตุผล เป็นผีเสื้อที่แทบเสียวิถีการบิน ส่วนตัวเราคิดว่าสิ่งที่เธอทำไปเพราะอยากเติมในส่วนที่พร่องของความรักที่ขาดหาย 

เรื่องนี้เขียนได้ดีเสมือนจริงจนทำให้คิดว่ามีพะแพงอยู่ในโลกนี้จริงๆ แต่ในจุดที่พะแพงมีคนคอยช่วยเหลือมากเกินไป ทำให้การที่จะหาข้อคิดอันแยบยลที่ได้จากการต่อสู้ชีวิตของพะแพงจึงมีไม่มากนักเรื่องนี้เป็นดราม่าที่ไม่หนักมาก ในเรื่องยังมีหนุ่มๆที่เข้ามาเกี่ยวพันกับพะแพงทั้ง พี่ช้างหรือคุณคชา หมอก้อง หรือนก แต่ไม่ขอเล่าละกันเพราะคิดว่าเนื้อรื่องไม่ได้ยาวมาก อ่านเองจะได้ลุ้นมากกว่าค่ะ เรื่องนี้มีภาคต่อคือเรื่องขอบของแสง ปีกแห่งเงา ต้องขอบคุณที่มีภาคต่อค่ะ เพราะภาคแรกจบลงตรงที่พะแพงเป็นผีเสื้อที่บินข้ามบึงมาแล้ว แต่เราก็อยากรู้และเอาใจช่วยผีเสื้อตัวนั้นต่อไป นับว่าเป็นนิยายอีกแนวที่น่าอ่านค่ะ ยังไงลองหาอ่านกันดูนะคะ น่าจะชอบกัน ^^

ขอบของแสง ปีกแห่งเงา / อุรุดา โควินท์
สำนักพิมพ์ ณ ดา
 พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2557
จำนวนหน้า 264 หน้า ราคา 195 บาท

โปรยปกหลัง...

…สวนกว้างใหญ่มาก สำหรับพะแพงมันคือป่า

กันพาพะแพงเดินลงไปข้างล่าง พอพ้นจากดงไมยราบ เธอก็เห็นหาดทราย และคลองกว้าง
พะแพงวิ่งลงคลอง เล่นน้ำทั้งที่สวมกางเกงยีนกับเสื้อยืด
แดดยามบ่ายแก่และน้ำเย็นชื่นใจทำให้เธอลืมเวลา อยู่ในคลอจนตะวันคล้อยลงหลังยอดไม้

เธอเดินกลับมาบนหาด กันส่งผ้าขาวม้ากับเป้ของเธอให้ เขาชี้พุ่มไม้
เป็นครั้งแรกที่พะแพงเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางแจ้ง เธอรู้ตัวเบาราวจะปลิวไปกับสายลม
พอพะแพงขึ้นไปบนเขา กันก็ส่งกาแฟร้อนให้
“ชอบไหม” เขาถาม พะแพงพยักหน้า
เขาไม่ได้ยิ้ม แต่ในดวงตาปรากฏแสงแห่งยามเช้า
แม้ว่านั้นคือยามอัสดง...

ความรู้สึกหลังอ่าน...

เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ 'ผีเสื้อที่บินข้ามบึง' ต้องขอบคุณนักเขียนอย่างมากที่เขียนภาคต่อเรื่องนี้ไว้ เพราะมันคือความสมบูรณ์ที่มาเติมเต็มผีเสื้อที่บินข้ามบึงอย่างแท้จริง เล่มนี้ลักษณะการเล่าเรื่องจะไม่ได้เล่าแบบไดอารี่แล้วนะคะ โดยจะแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นสองช่วง เริ่มต้นด้วย ปีกแห่งเงา เป็นการเล่าเรื่องการพบกันของพะแพงกับสามี และ ขอบของแสง  ซึ่งเป็นช่วงชีวิตของพะแพงต่อจากผีเสื้อที่บินข้ามบึง

เราอ่านเล่มนี้ต่อจากผีเสื้อที่บินข้ามบึงทันที ในความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าเล่มนี้สำนวนภาษาเปลี่ยนไป มันมีความละมุนและคมคายในประโยคผสมผสานแบบลงตัวมาก ทั้งเนื้อเรื่องที่แสดงให้เห็นมุมมองการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแม่ของพะแพงซึ่งเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมา มุมมองความรักจึงไม่ฉาบฉวย หากแต่เน้นความจริงและความไม่ประมาทเป็นที่ตั้ง  หรือตัวพะแพงเองซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหลือเฟือ พร้อมจะพุ่งชนกับทุกๆสิ่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นขวากหนาม อุปสรรค แม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่าความรัก พะแพงเป็นคนเด็ดขาดกับความรักมาก อ่านเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจในความเป็นพะแพงมากขึ้น เข้าใจว่าเหตุใดเธอจึงเป็นผีเสื้อที่แทบเสียวิถีการบินในเล่มก่อ่น นอกจากนั้นยังมีนกและพี่ช้างที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องก่อนก็ล้วนแต่มุมมองการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไป
ปีกแห่งเงา เป็นเรื่องราวความรักของ 'พะแพง' กับสามี 'กัน' อ่านแล้วคล้ายๆกับแฟลชแบ็คไปในอดีต ความรักของกันกับพะแพงทำให้เราซาบซึ้งแบบน้ำตาตกในอก คือตอนอ่านไปใจเราจะรู้ว่าตอนจบเป็นเช่นไร มันเศร้ามากๆ  คิดเลยว่าทั้งคู่เกิดมาเพื่อกัน เรารับรู้ถึงความสุขของพะแพงได้ แม้ไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีคำว่ารัก แต่ท้ายสุด..การกระทำจะเป็นการบ่งบอกในทุกสิ่ง แม้พะแพงจะต้องเสียสละความสุขบางอย่าง แต่ความสุขที่ได้รับกลับมาก็มีค่าไม่ด้อยไปกว่ากัน อ่านแล้วรู้สึกหลงรักกัน หลงรักวิถีชีวิตเรียบง่าย สามีพะแพงเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง เป็นคนมีอุดมการณ์และใส่คุณค่าให้กับงานทุกงาน ชอบมากที่กันตั้งใจเขียนบันทึกเกี่ยวกับหมู่บ้านที่อยู่เพราะเชื่อว่าวิถีชีวิตเหล่านี้จะสูญหายไปในอนาคต แต่จะคงหลงเหลืออยู่ในงานเขียนของเขา แต่คนที่น่าทึ่งกว่าคงเป็นพะแพงค่ะ เธอเข้าใจ เสียสละและดูแลกันอย่างที่ผู้หญิงที่รักผู้ชายคนหนึ่งพึงจะทำได้ มันสะเทือนใจมากเมื่ออ่านตอนกันเข้ารพ. ชีวิตบางทีมันเปราะบางเกินกว่าที่คาดคิด เมื่ออ่านบทนี้จบ ต้องยอมรับว่าดูถูกพะแพงในเล่มก่อนมากไป คือคนที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ แค่จะลุกขึ้นมามีชีวิตต่อก็ยากแล้ว
ด้านขอบของแสง เนื้อเรื่องจะต่อจากผีเสื้อที่บินข้ามบึง เกี่ยวกับการเริ่มต้นการงานของพะแพง เธอทำกิจการผ้าบาติกและช่วยน้องสาวดูแลร้านอาหารไปด้วย  ในขณะเดียวกันหนุ่มสองคนเดิมที่เคยมีบทบาทในผีเสื้อที่บินข้ามบึง พี่ช้างและนก ก็ยังคงมามีบทบาทในเรื่องนี้ ตรงนี้เป็นตอนต่อที่ช่วยทำให้เรื่องสมบูรณ์ ทำให้เรามองเห็นเส้นขอบฟ้าของพะแพงได้ชัดเจน อ่านไปก็ลุ้นมากว่าพะแพงจะเลือกใคร แต่ถ้าใครเข้าใจจิตใจของพะแพงได้อย่างแท้จริง ก็คงเดาได้ถูกค่ะ
 
*** อ่านจบ 2 เล่ม ต้องบอกว่าชอบมากกกกกค่ะ เป็นการเล่าเรื่องราวการต่อสู้ทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้หญิงคนหนึ่ง สำนวนการเขียนและวิธีการการเล่าเรื่องก็ทำให้เราจดจ่อ อ่านแล้วไม่อยากวางเลยค่ะโดยเฉพาะเรื่องขอบของแสง ปีกแห่งเงา แนะนำควรอ่านต่อกันเพื่ออรรถรสที่สมบูรณ์ แนะนำนะคะ 
...เราไม่อาจกำหนดชีวิตเราได้ทั้งหมด
เราอาจคิดว่า พาตัวเองไปใกล้ความปรารถนา
แต่ความจริงก็คือ ครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องของ ' โชคชะตา'...

ขอบของแสง ปีกแห่งเงา



Create Date : 20 มกราคม 2558
Last Update : 20 มกราคม 2558 23:00:45 น.
Counter : 5567 Pageviews.

12 comments
  
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เล่มนี้น่าสนใจเหมือนกันครับ ผมอ่ายงานเขียนของอุรุดา โควินท์เป็นประจำในนิตยสารไรท์เตอร์และสกุลไทยครับ ผมชอบงานเขียนของเธอครับ ในบ้างครั้งสำนวนดูบอบบางเปผ็นผู้หญิงมาก แต่ในบ้างครั้งสำนวนของเธอก็เข้มแข็งราวกับจะสร้างกำลังใจให้แก่ผู้เธอเอง ทำให้ข้อเขียนของเธอดูมีมิติมากขึ้นครับ

แต่สำหรับนวนิยายและเรื่องยาวของอุรุดา โควินท์ผมยังไม่เคยอ่านเลยครับ เอาไว้จะไปแอบมองเล่มนี้ที่หน้าหนังสือครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:0:06:35 น.
  
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เล่มนี้น่าสนใจเหมือนกันครับ ผมอ่ายงานเขียนของอุรุดา โควินท์เป็นประจำในนิตยสารไรท์เตอร์และสกุลไทยครับ ผมชอบงานเขียนของเธอครับ ในบ้างครั้งสำนวนดูบอบบางเปผ็นผู้หญิงมาก แต่ในบ้างครั้งสำนวนของเธอก็เข้มแข็งราวกับจะสร้างกำลังใจให้แก่ผู้เธอเอง ทำให้ข้อเขียนของเธอดูมีมิติมากขึ้นครับ

แต่สำหรับนวนิยายและเรื่องยาวของอุรุดา โควินท์ผมยังไม่เคยอ่านเลยครับ เอาไว้จะไปแอบมองเล่มนี้ที่หน้าหนังสือครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:0:06:42 น.
  
เราก็ชอบเล่มสองนะคะ สำนวนละมุนดีค่ะ
โดย: ฟ้าเวียงพิงค์ วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:12:03:51 น.
  
แวะมาทักทายยามดึกครับผม ชอบชื่อหนังสือครับโดนใจจัง
โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:22:47:27 น.
  
แวะมาทักทายสบายดี นะคะ
โดย: kanyong1 วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:17:57:19 น.
  
เคยอ่านงานของคนเขียนไปเรื่องนึง จัดว่าชอบค่ะ สื่อไปถึงลักษณะวิธีคิดของคนเขียนได้ดีทีเดียว สองเรื่องนี้ก็คิดว่าจะติดตามหามาอ่านให้ได้ในสักวันค่ะ
โดย: kunaom วันที่: 23 มกราคม 2558 เวลา:13:55:50 น.
  
อยากอ่านผีเสื้อที่บินข้ามบึงมากเลยค่ะ ตอนนั้นที่ลงเป็นตอนๆ ในแม็กกาซีนได้อ่านบ้างไม่ได้อ่านบ้าง ตอนแรกนึกว่าจะรวมเล่มกับเพื่อนดี แต่ก็ไม่มี เลยยังไม่ได้ซื้ออ่านมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
โดย: ชบาหลอด วันที่: 24 มกราคม 2558 เวลา:16:26:07 น.
  
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย เยี่ยมชมหนังสือด้วยคนค่ะ
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 27 มกราคม 2558 เวลา:13:59:30 น.
  
แปะ ให้ค่า
โดย: ชบาหลอด วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:20:45:20 น.
  
สวัสดียามเช้าครับ

แปะหัวใจให้ด้วยเช่นกันนะครับ

หนังสือของพี่อุรุดาผมเคยอ่านเล่มก่อนๆอยู่บ้าง
เล่มนี้ยังไม่ได้อ่านครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:6:17:33 น.
  
แวะมาทักทายครับ แปะ ให้นะครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:7:50:50 น.
  
แวะเวียนมาทักทายพร้อมแปะใจให้หนึ่งดวงจ้า
โดย: แม่ไก่ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:11:41:45 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sab Zab'
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]