การรีวิวหนังสือเป็นทัศนะส่วนบุคคล ........ นักเขียนที่ดี ย่อมไม่เดือดร้อนที่จะเขียนหนังสือให้คนอ่านวิจารณ์

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
24 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ตราบสิ้นสิเน่หา / ณารา



จากปกหลังของหนังสือ

“กัณฐิกา" ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอไปก่อกรรมทำเข็ญสิ่งใดไว้ ตั้งแต่เริ่มเป็นสาว เธอมักจะฝันเห็นวิญญาณชายชุดเทาในสภาพน่าสยดสยองอยู่ทุกคืน

หลังจากจบปริญญาตรีที่เมืองไทย กัณฐิกาตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองชาร์ล็อตวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย และทันทีที่เธอได้มาเยือนถิ่นนี้ ฝันร้ายที่เคยหายไปเมื่อสองปีที่แล้วก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้กระจ่างชัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะเจ้ากรรมนายเวรตนเดิมได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว!!!

เพื่อนนักศึกษาแพทย์ทำให้กัณฐิกาได้มีโอกาสเข้ารับการสะกดจิตเพื่อระลึกอดีตชาติ ได้รับรู้ว่าเมื่อชาติก่อน เธอเคยมีความสัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งลับกับ "ร้อยเอกเบนจามิน" นายทหารฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมืองอเมริกา และเธอนั่นเองที่ทรยศจนเขาต้องเสียชีวิตในสนามรบ
ความแค้นที่เขามีต่อเธอไม่ได้ดับสูญไปกับวิญญาณที่หลุดลอย เขายังติดตามมาในชาตินี้ และขอจองเวรกับเธอทุกภพทุกชาติไป!



**************




จากเจ้าของบล็อก


ตอนแรกตั้งใจจะเขียนถึง เพลงสายลม-หน้าต่างสายลม เพราะเพิ่งไปฟังเสวนามาเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา แต่พอหยิบนิยายเรื่องนี้มาอ่าน อ่านไป ขมวดคิ้วไป คาใจกับบางอย่างใน “คำนำ” ของหนังสือ เลยต้องแซงคิวเอาขึ้นมาเขียนถึงก่อน
ส่วนตัวแล้ว ผสมย เป็นคนที่สนใจประวัติศาสตร์ในแบบทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เจาะลึกอะไรมากเหมือนกับนักศึกษาที่เรียนวิชานี้โดยตรง แต่ถ้าถามว่าชอบไหมวิชานี้ ก็บอกเลยว่าชอบ เพราะตอนสมัยเรียน ป.ตรี วิชาเลือกหลายตัวที่เลือกเรียนก็เป็นวิชาประวัติศาสตร์ และหนึ่งในนั้นก็คือ ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา แต่ก็นั่นแหละ เวลานั้นมันผ่านมานาน จนความรู้ตอนนั้นได้ส่งคืนอาจารย์ไปเกือบหมดแล้ว


ตอนแรกที่เปิดคำนำของนิยาย ผู้เขียนได้เขียนถึงบุคคลที่น่าสนใจผู้หนึ่ง ไว้ดังนี้


.....ดิฉันพบว่าในสมัยสงครามกลางเมือง ระหว่างปี ค.ศ. 1861-1865 เทียบเท่ากับสมัยรัชกาลที่ 4 ของไทย นอกจากฝาแฝดอิน-จัน ที่ได้เดินทางไปอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1832 แล้วยังมีชายผู้หนึ่งชื่อ นายยอด หรือพลทหารท็อป ดูปองต์ (Private Top Dupont – US Army) ได้อยู่บนแผ่นดินอเมริกา และมีโอกาสเข้าร่วมในสงครามกลางเมือง ทั้งยังได้รบในสมรภูมิสำคัญถึงสามสมรภูมิ ซึ่งรวมถึงเก็ตตี้สเบิร์กด้วย เขารอดชีวิตกลับประเทศไทย ภายหลังเข้ารับราชการได้รับยศเป็นนายพันโท พระพิชิตชาญณรงค์ เรื่องราวของท่านน่าสนใจมากทีเดียว ดิฉันได้ข้อมูลจากบันทึกของท่านในเว็บไซต์ //www.thailandoutdoor.com/GunStory/2continents/2continents.html และนำมาประกอบการเขียนนิยายในครั้งนี้.......



จากคำนำตรงนี้เองที่ทำให้ ผสมย สนใจใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของ นายยอดคนนี้ ว่ามีคนไทยในสงครามกลางเมืองสหรัฐสมัยร้อยกว่าปีก่อนด้วยเหรอ เลยเอาชื่อ นายยอด พระพิชิตชาญณรงค์ ไปค้นใน google ก่อนเลย โดยยังไม่เข้าเว็บที่คุณณาราแนะนำไว้

ผสมย ได้พบเว็บ ๆ หนึ่งมีเรื่องราวของนายยอดหรือ Top Dupont จึงคลิกเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็วและพบว่า สิ่งที่อยู่ในเว็บนี้คือ นวนิยายอิงประวัติชีวิตอิงประวัติศาสตร์ของผู้ชายที่ชื่อ นายยอด หรือ Top Dupont และเมื่อถอยออกมาจากเว็บนั้น แล้วพยายามหาว่า มีชื่อของ นายยอด หรือ ราชทินนามที่ได้รับว่า พระพิชิตชาญณรงค์ ปรากฏอยู่ในที่ใดบ้าง ก็ไม่พบเลย
และพอมาเปิดหนังสือ ตราบสิ้นสิเน่หา ดูอีกครั้ง ก็พบว่า เว็บที่ ผสมย เจอ เป็นเว็บเดียวกันกับที่คุณณาราแนะนำว่าเป็นบันทึกประวัติชีวิตของนายยอด เอิ่มมมม.... นี่ไม่ใช่บันทึกโดยเจ้าของชีวประวัตินะคะ นี่มันเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งคนเขียนก็เขียนบอกไว้อยู่แล้ว ชัดเจนมาก ๆ


แต่ ผสมย ก็ยังติดใจสงสัยอยู่ดีว่า นายยอด มีตัวตนจริงหรือไม่ จึงค้นหาต่อไป คราวนี้มาค้นหาในฐานข้อมูลห้องสมุด คิดว่า ถ้ามีตัวตนจริง มีชีวิตที่น่าใจขนาดนี้ ต้องมีใครสักคนเขียนถึงมั่งล่ะว้า แต่ก็ยังไม่พบอยู่ดี ผสมย เลยสงสัยว่าอาจจะมีการเขียนชื่อผิดหรือไม่ เลยย้อนกลับไปค้น google อีกรอบ คราวนี้ก็พบร่องรอยจากเว็บเดิมที่คุณณาราอ้างอิง แต่เป็นอีกหน้าที่ไม่ใช่หน้านิยาย เป็นอีกหน้าที่พูดถึงเรื่องประวัติปืน

แม้ว่าช้างไทยจะอดไปเที่ยวแต่เรื่องสงครามกลางเมืองไม่จบแค่นั้นเพราะ อุตส่าห์มีคนไทยใจกล้าชื่อ
นายยอด หรือฝรั่งเรียกว่า นาย Top เพื่อให้แปลได้ความหมายตรงกัน อาสาสมัครไปร่วมรบกับกองทัพฝ่าย
เหนือ จากหนังสือที่ระลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยอเมริกัน จัดทำโดยสถานทูตอเมริกันชื่อ The Eagle
and the Elephant เหมือนชื่อดาบทองคำ ที่ถวาย ร. 4 นั้นละครับ ได้อ้างถึงข้อมูลในหอจดหมายเหตุ
อเมริกันจากการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์การทหารชื่อ นาย สโตรบริดจ์ พบทหารสัญชาติไทยใช้ชื่อ
ยอร์ช ดูปองต์ อายุแค่ 18 ปี สูง 5.5 ฟุต ประจำกองทหารอาสานิวเจอร์ซี่ ที่ 13 ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.
2405.....


ที่มา : //www.thailandoutdoor.com/GunStory/Carbine2/carbine2.html



จากย่อหน้านี้ทำให้ ผสมย รู้ว่าเรื่องราวของนายยอดมีอยู่ในหนังสือที่ชื่อว่า The Eagle and the Elephant
ดังนั้น ผสมย จึงค้นหาหนังสือเล่มนี้ว่ามีอยู่ในห้องสมุดหรือไม่ เป็นความโชคดีที่หาเจอ
หนังสือเล่มพิมพ์โดยสำนักข่าวสารอเมริกัน เพื่อฉลองครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ไทย-อเมริกัน
ในหนังสือ ที่หน้า 39-40 พบเรื่องราวเพียงไม่กี่ย่อหน้าว่ามีคนไทยชื่อนายยอด อยู่กองกำลังของฝ่ายเหนือจริง (รายละเอียดตามที่เขียนไว้ในเว็บ Thailandoutdoor ด้านบน) ซึ่งตอนหลังนายยอดได้กลับประเทศไทย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเลี้ยงตัวในประเทศไทยแต่อย่างใด และจบชีวิตในปี พ.ศ. 2443 เมื่ออายุ 56 ปี
ส่วนเรื่องราวในนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องนั้น คาดว่ามีหลายส่วนแต่งเติม เข้าไปเพื่อให้มีความสนุกสนานในแบบนิยายไม่ใช่สารคดีชีวประวัติ

เมื่อได้หนังสือเล่มนี้มาอยู่ในมือ ผสมย ก็เลยพลิกดู แล้วก็พบว่าในยุคสมัยนั้น มีหญิงไทยได้เดินทางไปอเมริกา ในประมาณปี 2401 หรืออาจก่อนหน้านั้น คือ นางเอสเทอร์ (เต๋อ) ประทีปะเสน ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดสงครามกลางเมืองประมาณ 3 ปี และท่านก็ได้กลับมาประมาณปี 2404 ซึ่งเป็นปีที่เกิดสงครามกลางเมืองพอดี หญิงไทยคนนี้ได้ไปอเมริกาเพราะพ่อยกให้เป็นลูกบุญธรรมของมิชชันนารีชาวอเมริกัน และตอนหลังก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย

ทำไม ผสมย ถึงได้เขียนถึง “นายยอด” ยืดยาวนักในบล็อกนี้ ก็เพราะการเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์นั้น ต่อให้ผู้เขียนบอกว่าไม่ได้ลงลึกถึงประวัติศาสตร์มากนักเพราะเป็นนิยายแนวโรมานซ์ แต่การค้นคว้าก็ควรจะค้นให้รู้จริงว่าสิ่งที่เราหยิบยกมาใช้ในนิยายของเรานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่ไปมั่วหยิบมาแล้วมาบอกว่า นั่นคือ บันทึกจริงตามประวัติศาสตร์
คราวนี้มันเห็นชัดมากว่า คนเขียนไม่ละเอียดเอาเสียเลยค่ะ

ส่วนเรื่องราวในนิยาย ผสมย อ่านแล้วสำนวน เนื้อเรื่องก็เรื่อย ๆ เดาได้ทุกอย่าง ในแบบฉบับของผู้เขียนคนนี้ ไม่ดีหรือไม่เลวลงกว่าเรื่องก่อน ๆ






Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 17:32:08 น. 17 comments
Counter : 3902 Pageviews.

 
น่าอ่านจัง

แต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปร้านหนังสือเลย


โดย: เด็กน้อยขี้แย วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:06:34 น.  

 
กลับมาครั้งนี้พี่ผู้สาวฯ วิจารณ์ดุดันไปนิ๊ดดดดนะจ้ะ แต่ก็คิดถึงเสมอจ้า


โดย: สาวกผู้สาวฯเจ้า IP: 203.144.144.164 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:20:20 น.  

 
ดุอะ

เค้าจิตใจอ่อนแออ่อนไหวบอบบาง
กระทบกระเทือนใจง่าย
เห็นอะไรกระเทือนใจแล้วอยากได้เลือดดด

ปล. โหมดบ้าดารา แต่บ้าแนวอยากเห็นเลือด แต่ทำไม่ได้ค่ะพี่นก 5555


โดย: =p o o k p u i= วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:16:49 น.  

 


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:00:36 น.  

 
ฮะ ฮ่า เข้าใจแล้ว



โดย: None of it วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:44:36 น.  

 
แวะมาอ่าน ..หายไปนานเลยนะเรา อิอิ ..


โดย: เมฆชรา วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:03:29 น.  

 


บล็อกน่ารักนะคะ


โดย: ooyporn วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:03:56 น.  

 
ยืนยันหนึ่งเสียง ไม่ดุค่า
กลมกล่อมกะลังดีเชียว



โดย: noke IP: 118.172.122.5 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:1:29:45 น.  

 
อย่าดุมากนะค๊า แฟนคลับนักเขียนเดี๋ยวนี้เขาก็ดุเหมือนกันนา

อิอิ


โดย: น้องจ้า IP: 192.168.68.42, 58.137.21.42 วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:14:55:27 น.  

 
ตามมาอ่านอย่างรวดเร็ว (จากในกระทู้)

หนึ่งในเหตุผลที่เราจะปิดหนังสือเลิกอ่านข้อนึงก็คือ นิยายที่แตะเรื่องที่เรารู้ดี (เช่นเคยเรียนมา หรือเมืองที่เคยไปอยู่ ฯลฯ) โดยคนเขียนไม่ละเอียดพอนี่ล่ะ มันก็ไม่เชิงทำให้นิยายไม่สนุกนะ แต่เราจะเริ่มนั่งคอยจับผิดๆๆๆ ไปตลอดเรื่อง ก็เลยเลิกอ่านกันได้

เรื่องนี้นี่เห็นตั้งแต่ลงในเว็บ ขอสารภาพว่าเห็นว่าจะเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองอเมริกาก็เลยว่าไม่อ่านละกัน ข้ามไปรอเรื่องหน้าลงเว็บ เพราะเคยลงเรียนประวัติศาสตร์อเมกันอยู่ปีนึง มีแนวโน้มสูงมาก ว่าเราจะ...เอ่อ...คอยจับผิดรายละเอียดไปตลอดทาง

พูดถึงเหตุผลนี้แล้วก็นึกถึงหนังสืออีกเรื่อง ที่อ่า ไม่ออกชื่อดีกว่ามั้ง ไม่อยากสร้างดราม่าแถวนี้ (บอกแค่ว่าไม่ใช่ของคุณณารานะคะ) เอาเป็นว่าเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราเรียนนั่นแหละ) นางเอกเป็นนักวิทยาศาสตร์ เก่งมาก แต่อ่านไปๆ รายละเอียดงานวิจัยของนางเอกนี่ ... ออกแนวๆ เป็นไปไม่ได้อยู่อ่ะ คือถ้านิยายแนววิทยาศาสตร์ที่พูดถึงสิ่งที่พอทำนายกันล่วงหน้าด้วยเหตุด้วยผลว่า น่าจะเป็นไปได้ แต่วันนี้ยังทำไม่ได้นี่ เราก็จะโอเคหรอกนะ (เช่น Michael Crichton หลายๆเรื่อง สร้างไดโนเสาร์ก็ยังไม่มีจริงใช่ไหมล่ะคะ แต่ว่าด้วยวิธีการอธิบายของเขาก็ฟังว่า อ่าาา ก็ถ้าเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างงี้ๆ ก็อาจจะทำได้นะ) อันนี้มันเป็นไปไม่ได้อ่ะ อธิบายได้แบบอยากทำอะไรก็ทำมาก อ่านไปสักไม่ถึงร้อยหน้าก็ว่า เลิกดีกว่ามั้ง แต่ไหนๆแล้วขอรู้ตอนจบหน่อย ว่าคลายปมยังไง คลายปมอันว่าด้วยเหตุผลที่นางเอกความจำเสื่อม (เออ พูดเท่านี้นี่ มีคนเดาได้มั่งยังว่าเรื่องอะไร....) ด้วยเหตุผลที่ ....เป็นไปไม่ได้ไม่น้อยไปกว่ากัน

ว่าแล้วก็ปิดหนังสือแล้วคืนเพื่อนไป สาธุที่ไม่ได้ซื้อเอง...


โดย: thaliana วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:8:34:44 น.  

 
ได้อ่านเรื่อง "ตราบสิ้นสิเน่หา" แล้วค่ะ ชอบมากมาย (ช่วงที่ระลึกชาติ บางช่วงเศร้าจนน้ำตาไหล ไม่รู้อินไปรีเปล่า) แต่เสียดาย กล่าวถึงระลึกชาติมากจนตอนจบรวบรัดไปนิดหนึ่ง แต่โดยรวมสนุกค่ะ (อ่านแล้วรู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นคนอ่อนไหวด้วยก็ได้มั้ง)


โดย: tato IP: 115.31.135.121, 117.121.208.2 วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:15:06:11 น.  

 
เพิ่งอ่านตราบสิ้นสิเน่หาจบไปคะ แรกๆ อ่านไปก็ลุ้นคะว่าแนวเรื่องจะจบยังไง อ่านไปเรื่อยๆ นึกว่าหนังสือพิมพ์ผิดซ้ำเรื่องไปมา เลยกลายเป็นว่าต้องตั้งใจอ่านจริงจัง ก็เข้าใจได้ว่าคนดี ทำดี ก็ต้องได้ดีคะ มีหลายอารมณ์ เศร้า ซึ้ง รัก ปนโหดนิดๆ เสียดายพระเอกนางเอกที่รักกันแบบไม่มีที่มาที่ไป เห็นปุ๊บปิ๊งปั๊บ เฮ้อก็นิยายแหละคะ อย่าคิดมาก


โดย: พลับพลึง IP: 202.12.74.254 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:11:33:26 น.  

 
เมื่อวานเม้นต์ไปแล้วไม่ติดง่ะ

เรื่องนี้เราไม่ได้ติดใจจุดเดียวกับคุณ ผสมย. ค่ะ เพราะไม่ได้อ่านคำนำ
แต่รู้สึกว่าทำไมตัดจบง่ายจัง เปลี่ยนอดีต เปลี่ยนอนาคตเฉยเลย


โดย: lalabel วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:13:26:31 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณ Lalabel ค่ะ ว่าตอนจบง่ายไปหน่อย เปลี่ยนอดีต เปลี่ยนอนาคตเฉยเลย

แต่ก็ลองคิดดูว่า ถ้าไม่จบแบบนี้ สงสัยพระนางคงต้องรอไปอีกชาติกว่าจะสมหวัง


โดย: rainy95 IP: 90.184.86.54 วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:41:38 น.  

 
อ่า เราว่านิยายเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่เรียกว่าสุขที่ได้เสพนะคะ
ถ้าเสพแล้วทุกข์ หรือเสพแล้วคอยจะหาแต่ข้อบกพร่องของเนื้อหาต่างๆ
อรรถรสที่ควรจะได้รับก็จะลดน้อยถอยลงตามไปด้วยค่ะ

ดังนั้นนิยายต่างๆ ถึงต้องมีคำนำ ที่ผู้เขียน ได้สื่อถึงความในใจต่อผู้อ่าน ทั้งขอบคุณผู้มีพระคุณ หรือขออภัยในข้อผิดพลาด และอาจจะสื่อถึงประวัติความเป็นมา แรงบัลดาลใจต่างๆที่เป็นแรงผลักดันให้ผู้เขียนวางโครงเรื่อง
แล้วสรรค์สร้างเป็นนิยายให้ผู้อ่านได้รับความสุขในการอ่าน
หรือจะพูดถึงนิยายเชิงประวัติศาสตร์ที่มีส่วนเชื่อมโยงทั้งมีตัวตนและไม่มีตัวตนค่ะ

อ่านให้มีความสุขในการอ่าน อะไรที่มองข้ามได้ก็น่าจะมองข้ามไปบ้าง แล้วใช้คำว่าจิตนาการเป็นแรงผลักดันในการเสพ...


โดย: แอน IP: 119.46.16.151 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:13:37:13 น.  

 
ได้อ่านเรื่อง "ตราบสิ้นสิเน่หา" แล้วค่ะ ชอบมากเลยคะ มีหลายอารมณ์ เศร้า ซึ้ง รัก ปนโหดนิดๆ (ช่วงที่ระลึกชาติ บางช่วงเศร้าจนน้ำตาไหล ไม่รู้อินไปรีเปล่า) แต่เสียดาย กล่าวถึงระลึกชาติมากจนตอนจบรวบรัดไปนิดหนึ่ง แต่โดยรวมสนุกค่ะ (อ่านแล้วรู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นคนอ่อนไหวด้วยก็ได้มั้ง)


โดย: เมย์ IP: 61.19.67.169 วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:19:33:13 น.  

 
ได้อ่านนิยายของณารามาหลายเรื่องแล้วและไม่ผิดหวังเลย ชอบทุกเล่มเลยค่ะ


โดย: ดาดี้ IP: 180.180.28.81 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:17:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้สาวเมืองยศ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ข้อเขียนรีวิวหนังสือ
ที่ปรากฏในบล็อกแห่งนี้
ไม่ได้เขียนตามหลัก
วิชาการวิจารณ์หนังสือ
เล่มไหนทั้งสิ้น
เป็นการเขียนตามความรู้สึก
ของคนอ่านหนังสือคนหนึ่ง
อาจจะได้สาระบ้าง ไม่ได้สาระบ้าง
ดังนั้นจึงไม่ควรนำไปอ้างอิงแต่อย่างใด

ต้องการติดต่อผู้สาวเมืองยศ ฝากข้อความได้ที่ห้อง ฝากข่าว ค่ะ








Friends' blogs
[Add ผู้สาวเมืองยศ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.