มิตรภาพและกำลังใจ คือ สิ่งที่เราทุกคนต่างไขว่คว้า ยุคสมัยแห่งความรวดเร็ว ยุคสมัยแห่งอินเตอร์เนต นำพาความเจริญความสะดวกสบายมาให้เราก็จริงแต่มันก็ได้ทำลายบางความแช่มช้าที่มีเสน่ห์ไปการมาถึงของจดหมายอิเลคทรอนิคส์หรืออีเมลล์ ทำให้เราติดต่อสื่อสารกันเร็วขึ้นเพียงพริบตา การเขียนจดหมายด้วยกระดาษและปากกาจึงค่อยๆเลือนหายไปจากเรา ช่วงเวลาขณะนั่งลงที่โต๊ะและสูดกลิ่นกระดาษ ไล้สายตาไปตามตัวหนังสือ เป็นความสุขของผู้ที่ติดต่อกันผ่านทางจดหมาย ในชีวิตที่ผ่านมาผมจำได้ว่าเขียนจดหมายด้วยลายมือน้อยฉบับแต่ครั้งที่จำได้ขึ้นใจเป็นชีวิตช่วงวัยประถม มีวิชาหนึ่งที่คุณครูจะให้เราเขียนจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับเขียนถึงบุคคลนิรนาม โดยจ่าหน้าซองถึงโรงเรียนสักแห่งในจังหวัด ระบุเลขลำดับที่และห้องเรียนของเรา จดหมายฉบับนั้นจะถูกส่งถึงมือใครอีกคนที่มีลำดับที่และห้องเดียวกับเรา และหากใครคนนั้นตอบกลับมาเราก็จะได้คะแนน ผมจำข้อความที่เขียนในวันนั้นไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าได้รับจดหมายตอบกลับ เธอเป็นหญิงสาวที่มีลำดับที่เดียวกับผม ความรู้สึกในตอนนั้นจำได้ลางๆ ว่าตื่นเต้นมาก ดีใจมาก ทั้งด้วยคะแนนที่ได้ และมิตรภาพแปลกประหลาดที่ได้รับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก บางครั้งก็หวนคิดว่าหากเรามีเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน โดยติดต่อกันผ่านจดหมายเพียงอย่างเดียว คงจะเป็นความรู้สึกที่สุดพิเศษ เหมือนเช่นเด็กสาวสองคนนั้นที่ผมรู้สึกอิจฉาหลังจากได้รับรู้เรื่องราวของเธอ คาทารีนา ลงประกาศหาเพื่อนทางจดหมาย เนเลอ เห็นประกาศนั่นและเขียนหาเธอทันทีมิตรภาพเกิดขึ้นง่ายดายเพียงนั้น มันเริ่มต้นด้วยจดหมายฉบับสั้นๆ แล้วต่อเนื่องด้วยสายสัมพันธ์ที่ทอดยาวออกไป ทะเลนี้มีแต่ดาวบอกเล่าเรื่องราวของคาทารีนาและเนเลอเด็กสาววัยสิบขวบผ่านจดหมายที่ทั้งคู่เขียนหากัน ความงดงามแห่งการเขียนจดหมายถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษรที่ไร้เดียงสา เรื่องราวถูกเล่าด้วยภาษาที่เรียบง่าย ไม่ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจหรือตีความให้ยุ่งยาก ยิ่งเมื่อมองผ่านสายตาผู้ใหญ่วัยสามสิบเอ็ดอย่างผม สิ่งที่ผมมองเห็นคือการเรียนรู้และพยายามเข้าใจโลก รวมไปถึงปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ความรู้สึกที่แปลกใหม่ของชีวิตไม่ว่าจะเพื่อนสนิท หรือความรู้สึกรักในแบบเด็กๆ จดหมายของคาทารีนาและเนเลอเมื่อเริ่มอ่านฉบับแรกและฉบับที่สองแล้ว ก็ไม่อาจหยุดอ่านหรือวางหนังสือเล่มนี้ลงได้ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าหากคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทะเลนี้มีแต่ดาว คุณจะเผลอหยิบยื่นมิตรภาพและกำลังใจให้กับเด็กสาวทั้งสอง กว่าคุณจะทันรู้ตัว คุณก็หลงรักเด็กสาวคู่นี้เสียแล้ว เรื่องราวของเด็กสาวทั้งสองดูเหมือนจะเรียบง่ายเหมือนเช่นที่เด็กสาววัยสิบขวบควรจะเป็นจนกระทั่งคาทารีนาเล่าให้เนเลอฟังว่าเธอรู้สึกปวดหัวมาก และเมื่อไปให้คุณหมอตรวจอาการเธอจึงได้รู้ว่าเธอมีก้อนเนื้อไร้สาระอยู่ในหัวของเธอความรู้สึกหนักหน่วงที่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่อาจต้านรับ เด็กสาวสองคนแสดงให้เห็นถึงวิธีที่เรียบง่ายในการรับมือเรื่องเลวร้ายนั้น เธอเพียงเพียรเขียนจดหมายหากันและกันตัวหนังสือของเด็กสาวทั้งคู่มีพลังมหาศาล ทำหน้าที่เชื่อมเส้นใยบางเบาเส้นหนึ่งที่มีมิตรภาพและกำลังใจขมวดเป็นเกลียวอยู่ จนกระทั่งจดหมายฉบับสุดท้ายถูกเขียนส่งออกไป มิใช่เพื่อร่ำลา หากเพื่อยืนยันว่า มิตรภาพคงอยู่เช่นนั้น ไร้ซึ่งกาลเวลา. |