Group Blog
 
 
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Tour de France #2: Agde – The Old Greek Territory เมืองอายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี

หลังจากผ่านวิบากกรรมจนได้ไปถึงที่พักในเมือง Agde วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ขอพักผ่อนอย่างเดียวเลย ด้วยความเป็นลูกสะใภ้อันแสนขี้เกียจ พอตื่นมา อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พ่อแม่พี่เย็นซ์ก็ไปซื้อขนมปัง และครัวซองท์ และจัดโต๊ะอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว สายๆ หน่อยเราก็ออกไปซื้อกับข้าวสำหรับมื้อเย็นกับแม่พี่เย็นซ์ในเมือง Agde โดยในเมืองนั้นมีทุกอย่าง ทั้งร้านขายเนื้อ ร้านขายปลา (อาหารทะเล)สด และซุปเปอร์มาเก็ต ร้านขายผักผลไม้ คือสรุปว่าไปเมืองนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกิน โดยเราทำ Paella เป็นอาหารมื้อเย็นของวันนั้น

เล่าประวัติและข้อมูลของเมือง Agde บ้างดีกว่า
เมือง Agde เป็นเมืองที่มีอายุกว่า 2500 ปี มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 ก่อนเริ่มคริสต์ศตวรรษ โดยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกรีก โดยตั้งอยู่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แม่น้ำ Hérault และคลอง the Canal du Midi และเมือง Agde ได้มีเจริญเติบโตมาเรื่อยๆ จนผ่านยุค Medieval จนกระทั่งถึงจุดรุ่งเรืองที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยเป็นเมืองท่าที่มีการค้าขายเป็นอย่างมาก และสังเกตได้จากอนุสาวรีย์ และตึกรามบ้านช่องต่างๆ ที่สร้างในสมัยนั้น จะถูกสร้างในสไตล์ Renaissance

นอกจากนี้เมือง Agde ยังมีฉายาว่า The Black Pearl สืบเนื่องมาจากหลักฐานทางธรณีวิทยาว่าเมืองดังกล่าว เคยมีภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 900,000 ปี ที่แล้ว โดยการระเบิดของภูเขาไฟทำให้เกิดภูเขาลูกเล็กๆ ในเมือง Agde ที่ชื่อว่า Mont Saint Loup


Agde จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ โดยส่วนแรกได้แก่ Agde ซึ่งเป็นส่วนของเมืองเก่า ซึ่งจะมีสิ่งก่อสร้าง ตึกรามบ้านช่องที่เก่าแก่มากๆ โดยอพาร์ทเม้นท์ที่เราพักจะอยู่ในส่วนนี้ ส่วนที่สองคือจะเป็นส่วนของปากน้ำ ที่แม่น้ำ Hérault ไหลออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยส่วนนี้จะมีชื่อว่า Le Grau d’Agde และส่วนสุดท้ายคือส่วนของแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ซึ่งเกิดขึ้นจากลาวาที่ไหลออกจากภูเขาไฟเมื่อ 900,000 ปีที่แล้ว โดยส่วนนี้มีชื่อว่า Le Cap D’Agde ซึ่งทั้ง Le Grau d’Agde และ Le Cap D’Agde จะมีที่อพาร์ทเม้นท์และที่พักให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก เดินๆ แล้วให้ความรู้สึกคล้ายๆ เมืองท่องเที่ยวริมชายทะเลของไทยเลย

เรามีโอกาสได้ใช้เวลาในวันอื่นๆ ในเมือง Agde และไปเล่นน้ำที่ชายหาดระหว่างเมือง Sète กับเมือง Agde ด้วย โดยเราตื่นเต้นมากๆ ที่ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาเห็นและเล่นน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ใฝ่ฝันจะได้มาสัมผัสตั้งแต่สมัยเรียนวิชาโลกของเรา (สมัยเรียนมัธยม) ตอนนั้นได้เรียนเรื่อง climate แบบต่างๆ ที่มีอยุ่ในโลก และจำได้ว่าลักษณะภูมิอากาศแบบ Mediterranean เป็นภูมิอากาศที่เพอร์เฟคที่สุดในความคิดของเรา เพราะเป็นอากาศแบบอบอุ่น และ ค่อนข้าง mild (คือความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุดมีไม่มาก) เลยทำให้อยากมาสัมผัสภูมิอากาศแบบนี้ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเช่นกัน และเราประทับใจมากเพราะน้ำทะเลเป็นสีฟ้าใส สวยสุดๆ เสียนิดนึงว่าน้ำเย็นไปหน่อย แถมน้ำยังเค็มสุดๆ (แบบว่าอยากสัมผัสทะเลให้แบบสุดๆ ถึงกับชิมน้ำทะเลด้วย)

ตามด้วยรูป(เหมือนอย่างเคย)

บรรยากาศมื้อเช้าวันแรกในเมือง Agde ที่ระเบียงอพาร์ทเม้นท์ที่ไปพัก



บรรยากาศถนนเส้นที่อพาร์ทเม้นท์ตั้งอยู่ และบรรยากาศรอบๆ


บรรยากาศอีกด้านนึงของที่พัก ถ้าตอนค่ำๆ บางทีก็มีแมวออกมากระโดดตามหลังคา กำแพงให้ดูหวาดเสียวเล่นๆ





ภายในอพาร์ทเม้นท์ที่พัก



บรรยากาศภายในเมือง Agde (ส่วนของเมืองเก่า)













ถนนเส้นนี้ชื่อ Rue de l'Amour แค่ชื่อก็สุดๆ แล้ว

Place du 18 Jutin


ประเพณีการดวลกันของเรือสองฝ่าย ที่แม่น้ำ Hérault โดยผู้ดวลของแต่ละฝ่ายจะยืนอยู่ที่หัวเรือ พอเรือทั้งสองฝ่ายพายถอยหลังผ่านกัน คนที่ดวลของแต่ละฝ่ายก็มีไม้กระบองยาว และ โล่ไม้ โดยแต่ละฝ่ายจะพยายามให้อีกฝ่ายตกลงไปในน้ำ





ตึกนี้เก๋มาก เพ้นท์สีซะสวยเชียว


Paella อาหารมื้อเย็นที่เราทำเอง เห็นมันกุ้งในหัวกุ้ง ที่แดงๆ นั่นมั้ย


ชายหาดที่ยาวมากๆ ระหว่างเมือง Sète กับ Agde




ขึ้นไปที่หอคอยของโบสถ์ Cathédrale Saint Etienne กับแม่พี่เย็นซ์ ไปดูวิวของ Agde ตอนขึ้นไปขึ้นบันไดวนเกือบ 200 ขั้น มึนไปเลย
















เดินเล่นแถวๆ ปากน้ำ Le Grau D'Agde






เรือประมงกลับเข้าฝั่งแล้ว ท่าทางจะมีปลามาเต็ม เพราะพวกนกนางนวลบินตามคอยกินเศษปลากันเป็นแถว





เดินผ่านบ้านหลังนี้ น่ารักมากๆ สไตล์เมดิเตอร์เรเนียนจ๋าเลย


สรุปว่ากิน อยู่ และเที่ยว Agde จนพรุนไปเลยล่ะ (ใครเข้ามาดู ภาพเยอะจนตาลาย ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย )




Create Date : 16 สิงหาคม 2549
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 17:36:35 น. 8 comments
Counter : 858 Pageviews.

 
ข้อมูลเที่ยวแน่นปึ้กเช่นเคยนะมิ้ง

นางแบบเสื้อดำสวยฮ่ะ


โดย: TIDTYCHAN วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:23:09:57 น.  

 
เมือง Agde เรายังไม่เคยไปเที่ยวเลยอ่า ดีเลยได้ความรู้เกี่ยวกับเมืองนี้

โห เก่งจริง ๆ เลย ทำ Paella เป็นด้วย ของโปรดเลย ว่าง ๆ สอนมั่งดิ อยากกินอะ แม่ Yohann ทำ Paella อร่อยมาก ๆ เลย แต่มันดูยุ่งยากเนอะ ชอบซีฟู้ดอะ
แต่อานัสม่ายชอบ เฮ้อ

ภาพสวยงามมากค้าาาา





โดย: นุ่น (Blomster_DK ) วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:1:55:05 น.  

 
บรรยากาศในเมืองน่าเที่ยวจริง ๆ ค่ะ

ปล. ปาเอญ่าหน้าตาน่าทานมาก ๆ ถ้าไม่บอกว่าทำเองนึกว่าไปนั่งทานที่ภัตตาคารกันนะเนี๊ย


โดย: Lauderdale By The Sea วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:8:17:21 น.  

 
ขอกุ้งตัวนึงค่ะ พี่มิ้ง น่ากินดีจัง ภาพสวย วิวสวย อุ้ยยย ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกแล้วค่ะ


โดย: ying (takom ) วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:0:34:43 น.  

 
โย่โย่ พี่ตี่ ขอบจวยนะที่ชม ใส่สีดำเพื่ออำพรางหุ่นว่ะ ไม่งั้นก็พุงห้อยเชียวแหล่ะ แต่ใส่สีดำประจำก็ไม่ไหวว่ะ ร้อนอิ๊บหายเลย ส่วนข้อมูลเที่ยวก็อาศัยอ่านจากแผ่นพับบ้าง แล้วก็จากหนังสือนำเที่ยว (คล้ายๆ Lonely Planet อ่ะ) จะไปไหนต้องศึกษาแล้วศึกษาอีก ขนาดศึกษาแล้ว อ่านแล้วดูทริปที่ไปอิยิปต์ดิ

นุ่น เออ ว่างๆ บอกเราบ้างดิว่าไอ้เมือง Agde เนี่ยมันออกเสียงภาษาฝรั่งเศสว่าไง เราก็อ่าน อั๊กเด้ ทุกทีเลย ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ซะอีก ไปๆ มาๆ นักท่องเที่ยวตรึม แต่เราว่าถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวก็เงียบเลยแหล่ะ แล้วตอนเราไปนะ มันมีจัดเล่นดนตรีทุกคืนเลย แล้วมันก็ดังสนั่นไปถึงที่พักเราอ่ะ

พี่ปุ๊ เมืองน่ารักมากค่ะ คนที่โน่นก็น่ารักอ่ะ ไม่เหมือนกับคนฝรั่งเศสในปารีสหรือเมืองใหญ่ (ที่หลายๆ คนมักจะบอกว่าพวกนี้ snobbish) เวลาไปซื้อกับข้าวเค้าก็จะยิ้มแย้มแจ่มใสดีมากๆ เลย พยายามชวนคุย(เป็นภาษาฝรั่งเศส) เราก็แบบว่าไม่รู้เรื่องอ่ะ ได้แต่คำง่ายๆ อ่ะ สวัสดี ขอบคุณ แล้วก็ ขอโทษ แต่ไปทางตอนใต้นี่เค้าก็จะได้รับอิทธิพลจากอิตาลี่ สเปนค่อนข้างเยอะนะคะ จะมีปิดร้าน หยุดพักผ่อนตอนกลางวันด้วยประมาณ 2 ชั่วโมง ที่เรียกกันว่า siesta อ่ะค่ะ

ปาเอญ่าทำได้ไม่ยากค่ะ ได้สูตรมาจาก BBC Food ซึ่งเชฟที่ทำอธิบายหลักการได้ค่อนข้างดี จะมีหลักที่สำคัญก็คือ การทำซุปสำหรับหุงข้าวค่ะ ซึ่งมีส่วนประกอบ และวิธีทำง่ายๆ คือ

ส่วนประกอบสำหรับทำซุปเพื่อหุงข้าวปาเอญ่า

น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
หัวหอมสับ 1 - 2 หัว
พริกหวาน (พริกตุ้ม) 1 - 2 ลูก
ไก่ (ครึ่งกิโล จะเอาส่วนไหนก็ได้ แต่ขอให้มีหนัง และมีกระดูกด้วย)
ไส้กรอก Chorizo (หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าใหญ่ๆ) ประมาณ 1 ถ้วย หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ถ้าชอบมากๆ
มะเขือเทศกระป๋อง 1 กระป๋อง
Safran (สำหรับเพิ่มสี)
เกลือ

วิธีทำ

1. เอาไก่ลงไปทอดในน้ำมันมะกอก จนกระทั่งหนังข้างนอกดูกรอบดี จากนั้นตักเนื้อไก่ขึ้น

2. ใช้กะทะและนำมันที่รอยทอดไก่ ทอดไส้กรอก chorizo ทอดจนไส้กรอกสุก และน้ำมันเปลี่ยนสี (ก็ตักไส้กรอกขึ้น)

3. ใส่หัวหอมสับ และ พริกหวานสับลงไปผัดในน้ำมันที่รอยทอดไก่และไส้กรอก chorizo โดยผัดหัวหอม กับพริกหวานจนกระทั่งนิ่มมากๆ (เกือบไหม้) จากนั้นเดิมน้ำไปนิดหน่อย (ประมาณครึ่งถ้วย ถึง หนึ่งด้วย) ตามด้วยเกลือนิดหน่อย แล้วก็ใส่มะเขือเทศกระป๋องลงไป เท่านี้ก็จะได้ซุปหรือซ๊อสสำหรับนำไปหุงข้าวปาเอญ่าแล้วจ้า

พอซุปพร้อมก็ใส่ข้าวลงไปได้เลย ถ้าคิดว่าซุปอาจจะน้อยเกินสำหรับหุงข้าว ก็สามารถเติมน้ำเพิ่มได้ ณ ตอนนี้

พอข้าวเดือดปุดๆ ก็ใส่ ซีฟู๊ด เช่น กุ้งสด หอยแมงภู่สด ได้ตามต้องการ แล้วก็ปิดฝาไว้จนกระทั่งทั้งข้าวและอาหารทะเลสุก

ปล ไม่ควรใช้เวลาในการอบกุ้งนานเกิน เพราะถ้านานเกินเนื้อกุ้งจะเหนียว ไม่ได้รสชาติหวาน สดอร่อย เท่าที่ควร (ต้องกะเวลาให้ดีนะจ๊ะว่าข้าวจะสุกเมื่อไหร่) และแนะนำให้ใช้หม้อใหญ่ๆ หากไม่มีกะทะทำ Paella


โดย: MingDK วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:1:27:05 น.  

 
อ้าว เพิ่งเห็นน้องหญิง มาเที่ยวด้วยกันเลยจ้า พอได้เที่ยวที่นึง แล้วมันก็จะติดใจ แล้วก็ต้องไปมันเรื่อยๆ เหมือนพี่แหล่ะ ฮิฮิ (ตราบใดที่ยังมีงบให้เที่ยว)


โดย: MingDK วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:1:44:17 น.  

 
ตามมาเที่ยวอีกแล้วจ้ะ

ยังไม่มีลูกก็รีบเที่ยวๆไว้เน้อ เดี๋ยวพอมีแล้วเที่ยวลำบาก คือที่จริงก็พาลูกไปเที่ยวด้วยได้ล่ะนะ แต่มันลำบากมากหน่อย เพราะ 1. ต้องแพ็คโน่นนี่ยังกะจะย้ายบ้าน แล้วไปไหนก็ต้องหอบข้าวของเด็กเล็กพะรุงพะรังยังกะบ้าหอบฟาง 2. ต้องเลือกที่ที่ลูกๆมันพอจะมีความสนใจบ้าง หากเด็กมันเซ็ง เดี๋ยวมันจะอ้อนจนผู้ใหญ่พลอยเซ็งไปด้วย 3. ต้องตาไว มือไว สามารถจับลูกที่คลาน/วิ่งหนีได้อย่างรวดเร็ว 4. ต้องมีความสามารถ entertain ลูกๆได้ โดยเฉพาะเวลาที่นั่งรถเป็นเวลาหลายๆชม.
ที่จริงลิสต์ยังมีอีกยาว แต่ขี้เกียจเขียนแล้วล่ะ

เห็นปาเอญ่าแล้วน้ำลายหก ชอบมั่กๆเลยอาหารทะเลเนี่ย

ปล. เสียใจด้วยนะจ๊ะที่ไม่ได้งาน (ไปเห็นมาจากหน้าแม่บ้านต่างแดนน่ะ) พี่เข้าใจความรู้สึกดี เพราะตั้งแต่มาอยู่สแกนฯนี่ พี่ก็มีประสบการณ์ถูกคัดออกบ่อยมาก ไงก็พยายามต่อไปเรื่อยๆนะคะ สักวันความสำเร็จคงเป็นของเรา


โดย: Smilla วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:5:24:01 น.  

 
อ้า ฮาโหลพี่นก ตามมาเที่ยวด้วยกันดีใจจัง เออกะไว้เหมือนกันว่าจะเที่ยวให้มันสุดๆ ก่อนจะมีลูกอ่ะ ไม่งั้นยกโขยงกันไปนี่ก็ลำบากเหมือนกัน อย่างตอนทั้งขาไปและขากลับเลย เห็นมีครอบครัวเดนส์หลายครอบครัวที่หอบลูกกันไป (เดี๋ยวนี้คนเดนส์นิยมกันมีลูกเยอะอ่ะ ครอบครัวนึงก็ 3 - 4 คน) อย่างขาไป ตอนอยู่บนเครื่องไปโน่น ครอบครัวนึงมีลูกสี่คน พอแอร์โฮสเตสเข็นรถมาเพื่อขายน้ำและของกิน ทั้งสี่คนนี่ก็พากันแย่งกันพูดเสียงดังว่าจะเอาแซนวิช เอาแซนวิช สรุปพ่อก็ต้องซื้อแซนวิชให้คนละกล่อง ไปๆ มาๆ ก็กินกันไม่หมด เหลือบานเลย เห็นแล้วพี่เย็นซ์แบบว่าไม่อยากมีลูกไปพักนึงเลย


โดย: MingDK วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:18:35:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MingDK
Location :
Copenhagen Denmark

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ยังเขียนเล่าประสบการณ์ต่อไปหลังจากมาใช้ชีวิตในฐานะแม่บ้าน นักศึกษา และรับงานฟรีแลนซ์ หลังจากมาใช้ชีวิตในต่างแดนได้หกปีกว่า จนบรรลุเป้าหมายได้งานประจำสมใจอยาก :)
Friends' blogs
[Add MingDK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.