Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 เมษายน 2549
 
All Blogs
 

เที่ยวไคโร อิยิปต์ ทริปนี้ไม่มีลืม

ช่วงนี้มีข่าวเรื่องระเบิดในประเทศอิยิปต์บ่อยเหลือเกินซึ่งมีคนเดนส์ได้รับบาดเจ็บกันหลายคน แถมยังมีเรื่องภาพวาดของมูฮัมหมัดที่ทำให้เดนมาร์กมีปัญหากับประเทศมุสลิมอีกหลายๆ ประเทศอีกด้วย พี่เย็นซ์ (สามี) ก็เลยพูดว่าดีแล้วนะเนี่ยที่ไปเที่ยวมาแล้ว เลยไม่ต้องไปอีก แหมพี่เย็นซ์เราน่ะไปแค่ไคโรเองนะ ไม่ได้ไปที่อีนเลย (จริงๆ แล้วอยากไป Luxor กับ Aswan มากเลย (จำได้สมัยเรียนว่ามีเขื่อนดินที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เมืองอัสวานนี่แหล่ะก็เลยจำฝังจิตฝังใจอยากไป) แถมไปได้ไม่กี่วันก็เจ๊นเก็บข้าวของกลับบ้านซะแล้ว

เราไปเที่ยวไคโรเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2004 ที่ได้ไปเนื่องจากเราฟลุ๊คอ่ะ ได้เป็นผู้โชคดีที่เข้าร่วมเกมส์ทางเว็บของสายการบิน KLM โดยจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เกมส์หรือการแข่งขันครั้งนี้มีชื่อว่า Dream Destination โดยให้เรากรอกประเทศ และเมืองที่อยากไป พร้อมทั้งอธิบายสั้นๆ ว่าทำไมถึงอยากไป เราก็กรอกอิยิปต์นี้แหล่ะ แล้วก็อธิบายไปว่าเพราะอยากไปเห็นอารยธรรมโบราณลุ่มแม่น้ำไนล์ อะไรก็ว่าไป (จำรายละเอียดที่เขียนไม่ได้แล้ว) จากนั้นประมาณเดือนพฤษภาคม 2004 เราก็ได้รับอีเมลล์จาก KLM ว่าเป็นผู้ชนะเลิศ ได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับ โคเปนเฮเก้น - ไคโร (via อัมสเตอร์ดัม) สองที่นั่งโดยสายการบินนี้ กรี๊ดดดดดดด ในที่สุดฝันก็จะได้เป็นจริงซักที จากนั้นเราก็ทำเรื่องจองวันเดินทาง โดยสรุปไปวันที่ 5 พฤศจิกายน กลับประมาณวันที่สิบ (แค่ห้าวันเพราะพี่เย็นซ์ลางานได้แค่นี้ และตั๋วต้องใช้ภายในหกเดือนหลังจากวันรู้ผล)

แต่ แค่เริ่มต้นการเดินทางก็ยุ่งยากซะแล้ว เพราะตอนเราไปถึงอัมสเตอร์ดัมตอนหกโมงเย็น เพื่อจะไปเปลี่ยนเครื่องต่อไปไคโร สรุปว่าไฟลท์มัน overbooked อ่ะ อือๆๆ ไม่ได้ไปอ่ะ เพราะตอนเช็คอินที่โคเปนเฮเก้น เราก็ว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่แรกแล้วอ่ะที่เช็คอินอัตโนมัติของไฟลท์ต่อไปไคโรไม่ได้

ในที่สุดพี่เย็นซ์กับเราก็ต้องค้างคืนที่อัมสเตอร์ดัม หนึ่งคืน โดยสายการบินออกค่าใช้จ่ายให้หมด และทำเรื่องเปลี่ยนไฟลท์ให้หมดทุกอย่าง พร้อมทั้งมีเงินชดเชยให้บางส่วน เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเราจะรอเครื่องตรงจากอัมสเตอร์ดัม ไปยังไคโร จะต้องรอถึงเย็นวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็หนึ่งวันเต็มๆ แต่เรามีทางเลือกคือ บินตอนเช้าตรู่ไปลงที่กรุงโรม จากนั้นก็บินกับเครื่องของสายการบิน Alitalia ต่อไปยังไคโร ก็จะไปถึงไคโรตอนบ่ายๆ เราก็เลยตกลงไปเปลี่ยนเครื่องอีกรอบที่กรุงโรม

ในที่สุดก็ไปถึงไคโร แต่ช้าไปหนึ่งวันกว่าที่กำหนดไว้ พอเข้าในสนามบิน โอ้มายก็อด เค้าให้พวกบริษัททัวร์เข้ามารอรับคนตั้งแต่ส่วนเฉพาะผู้โดยสารเลยอ่ะ ชุลมุนกันสุดๆ พอไปตรงที่ตรวจพาสปอร์ต คนตรวจก็หน้าโหดมากๆ แต่ก็ผ่านออกไป พอไปตรงสายพานรับกระเป๋า รอแล้วรอเล่าเจ้ากระเป๋าก็ไม่มา สรุปว่ามันไม่มากับเราด้วย แล้วมันอยู่ที่ไหนละเนี่ย อัมสเตอร์ดัม หรือว่า กรุงโรม เอ้อ ในที่สุดก็ต้องทำเรื่องแจ้งกระเป๋าหายกับสายการบิน Alitalia ให้เจ้าหน้าที่จัดการทำเรื่องให้ และเอาไปส่งที่โรงแรมที่พัก หวังว่ามันคงจะตามมานะ

พี่เย็นซ์กับเราก็เลยเดินออกไปส่วนของผู้ที่มารอรับผู้โดยสาร แล้วก็ระวังสุดๆ กลัวโดยแท็กซี่หลอก (เพราะอ่าน Lonely Planet มาว่าให้ระวังพวก taxi scam) ก็เลยไปกดเงินก่อนดีก่า แต่ก็ยังมีพวกนายหน้า หรือคนขับแท็กซี่ตามมาตื้อ จนในที่สุดก็ make sure ว่าไม่น่าจะโดนหลอก เพราะเค้าบอกว่าเป็น limousine ไปโรงแรมที่เราจะไปพักเสีย 80 ปอนด์อิยิปต์ (1 ปอนด์อิยิปต์ ก็พอๆ กับกับ 1 โครนเดนมาร์ก) ก็โอเช

สรุปเราก็เดินตามคนขับรถไป พอไปเห็นรถก็อึ้งไปเลย เพราะรถเยินมากๆ ไม่มีสภาพความเป็นลิมูซีนเลย เหมือนเป็นรถมาจากป่าช้ารถในยุโรปอ่ะ เบาะขาดเยิน ไม่มีแอร์ ช่องที่มีวิทยุก็ไม่มี เป็นสายไฟระโยงระยาง ไขกระจกขึ้นไม่ได้ (ที่ไขเจ๊ง) กรี๊ดดดดดดดดดด อีกรอบ จ่ายเงินไปด้วยแล้วอ่ะ (ให้กับนายหน้าที่บอกว่ามาจากบริษัทลิมูซีน) นั่งไปหัวเหอฟูตลอดทาง แถมระหว่างทางคนขับแบบว่าดีใจมากได้ลูกค้าหนึ่งรายแล้ว แวะอู่เช็คล้อรถ เช็คเครื่องเสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง งงเลย ตอนแรกเรากลัวมากว่าจะไปถึงโรงแรมรึเปล่า แต่ในที่สุดเราก็ไปถึง เห็นสภาพเมืองแล้ว รู้สึกว่าเออ ตัดสินใจดีแล้วที่พักโรงแรมที่โอเคหน่อย มีที่กินมีอะไรพร้อม เพราะมองไปรอบๆ แล้วแทบไม่มีร้านอาหารเลย (เราพัก Ramses Hilton อ่ะ)

ไปถึงก็ไปเช็คอินท์ บอกพนักงานด้วยว่ากระเป๋าไม่มาด้วย และฝากพนักงานให้เช็คให้ด้วย พอขึ้นไปห้องพักเรากับพี่เย็นซ์ก็พักผ่อน คิดกันว่าทริปครั้งนี้จะไปรอดมั๊ยเนี่ย เราตื่นเต้นกับวิวที่มองไปข้างๆ เห็นแม่น้ำไนล์ แม่น้ำไนล์แหล่งอารยธรรม ที่เราใฝ่ฝันอยากจะได้มาเยือนและเห็นนักหนา

มื้อเย็นวันแรกเรากินที่โรงแรมนั้นแหละ เพราะเหนื่อยมาก ไม่อยากออกไปหาอะไรกินทั้งสิ้น แถมพอมองออกไปถนนรอบๆ โรงแรมระหว่างที่กิน ขอบอกเลยว่ากรุงเทพบ้านเราเจริญกว่าเยอะมากๆ ที่นี่ชาวไคโรต้องเสี่ยชีวิตอย่างมากในการข้ามถนนแต่ละครั้งเนื่องจาก ผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไคโร เวลาขับรถไม่มีคำว่าเบรค มีแต่บีบแตรให้หลบไป ฉะนั้นจะได้ยินเสียงแตรรถตลอดเวลา เราเองยังนึกเลยว่าวันรุ่งขึ้นจะเดินไปแค่ Egyptian Musuem ซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงแรมแค่เนี๊ยะ (ต้องเดินผ่านสถานีรถเมล์ด้วย) ตรูจะเอาชีวิตรอดได้มั้ยเนี่ย

ลืมบอกไปว่าตอนที่ไปนั้น ทางเข้าทุกด้านของโรงแรมมีการรักษาความปลอดภัยกันอย่างแน่นหนามาก มีทั้งเครื่องสแกนคน และเครื่องเอ็กสเรย์ของ เนื่องจากตอนนั้นก่อนเราไปไม่นานมีการวางระเบิดที่เมือง Sharm El Sheikh ที่มีนักท่องเที่ยวตายกันหลายคนเลย ตอนที่จะไปญาติๆ ยังเป็นห่วงเลยไม่อยากให้ไป แต่นะขอเที่ยวไว้ก่อนละกัน

ในที่สุดวันรุ่งขึ้นกระเป๋าเดินทางเราก็มาถึง พี่เย็นซ์ดีใจมาก หยิบเงินในกระเป๋าเราจะทิปให้ bellboy ที่เอากระเป๋ามาให้ที่ห้อง บอกว่าจะให้ซัก 10 ปอนด์อิยิปต์ สรุปพอพนักงานไปแล้ว เรามาดูกระเป๋าตังค์เรา แบงค์ห้าสิบปอนด์มันหายไป พี่เย็นซ์ หยิบไม่ดูเลย มิน่า bellboy ยิ้มดีใจใหญ่

เที่ยววันแรกก็ไป The Egyptian Museum ที่ขึ้นชื่อของที่ไคโร เราเดินไป แต่สรุปว่าเราต้องเสี่ยงชีวิตอย่างมาก เพราะต้องหาจังหวะข้ามถนนให้ดีๆ ไม่งั้นอาจไม่ได้กลับเดนมาร์กก็เป็นได้ ใช้เวลาในการเดินจากโรงแรมไปยังพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดเป็นเวลา 20 นาที แต่ในตัวพิพิธภัณฑ์อลังการเชียว มีสิ่งของที่น่าสนใจมากๆ และเรายังได้เข้าไปดูใน Royal Tomb ด้วยล่ะ ดูมัมมี่ที่แกะผ้าแล้ว จากราชวงศ์อิยิปต์หลายๆ คน น่ากลัวเหมือนกันแฮะ แต่ก็คุ้มที่ได้มาดู เสียดายเค้าห้ามถ่ายรูป และห้ามเอากล้องเข้าไป ให้ฝากเจ้าหน้าที่ข้างนอกไว้

พอออกจากพิพิธภัณฑ์ (ก็บ่ายแล้ว เราใช้เวลา 3 - 4 ชั่วโมงในพิพิธภัณฑ์) ก็หิว กะว่าจะหาที่กิน ยืนเก้ๆ กังๆ ปรึกษากับพี่เย็นซ์ ก็มีชายชาวอิยิปต์เดินเข้ามา แนะนำตัวเองว่าเป็นครูสอนในโรงเรียน ทำตัวน่าเชื่อถือสุดๆ แล้วก็ในที่สุดเค้าก็พูดว่าเนี่ยๆ ภรรยาเค้าทำงานราชการ และรู้จักร้านขายของพื้นเมืองสำหรับคนพื้นเมืองในราคาพื้นเมือง จากนั้นก็พยายามพาเราข้ามถนน แล้วก็พาไปหน้าร้านขายของที่ระลึกร้านหนึ่ง บอกว่าเนี่ยร้านนี้แหล่ะที่เค้าพูดถึง จากนั้นเค้าก็โน้มน้าวให้เราเข้าไป แต่เราไม่เข้า บอกว่าหิวจะหาที่กิน เค้าก็เลยเดินไป แล้วให้เจ้าของร้านมาดูแลต่อ เราไม่เข้าซะอย่าง แค่ดูหน้าร้านก็รู้ว่าเป็นร้านขายของสำหรับนักท่องเที่ยว มีสติกเกอร์ติดหน้าร้านว่ารับทั้งบัตรเครดิตต่างๆ นาๆ เราก็เลยบอกเจ้าของร้านว่าหิว จะขอไปหาอะไรกินก่อน แล้วก็ชิ่งเลย

พอตอนบ่ายๆ ก็ไปเดินตามตลาด แต่คนมันแออัดยัดเยียดและไม่สนุกเหมือนเมืองไทยเลยอ่ะ แถมเจอคนจับสะโพกอีก เฮ้อ

ที่เหลือก็เช่ารถไปเที่ยวขี่อูฐที่ Giza (ซึ่งโดนขูดรีดค่าขี่อูฐ และค่าทิปจนหมดตูด) และไปเที่ยว Coptic Cairo (ส่วนที่ศาสนาคริสต์เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน) อยู่ได้ไม่กี่วันเรากับพี่เย็นซ์ก็ขอเผ่นกลับเดนมาร์กแล้วล่ะ เฮ้อ น่าเสียดาย

ทริปครั้งนี้สอนให้รู้ว่าถ้าไปประเทศแนวๆ นี้ควรจะซื้อพวกแพ็คเก็จทัวร์ ดีที่สุดเพราะมีรถรับส่ง มีไกด์ ไม่ต้องกลัวโดนหลอก อย่าสะเอะเปิดหนังสือเที่ยวเองแบบเวลาเที่ยวในยุโรป ไม่งั้นอาจจะเป็นอย่างเราได้

ดูรูปแล้วกัน

ภาพนี้ตอนไปถึงไคโร นี่ไงคนขับรถลิมูซีนที่ว่า ที่พี่แกอยู่ดีๆ ก็แวะจอดรถแล้วเช็คสภาพรถอ่ะ นึกว่าจะไปไม่ถึงโรงแรมซะแล้ว


วิวจากห้องพัก


วิวจากห้องพักเหมือนกัน ข้างล่างที่บอกว่าเป็นถนนและสถานีรถบัสไง ข้ามไปก็ถึง Egyptian Museum แล้ว แต่ใช้เวลาเดินไปจริงๆ ก็ยี่สิบนาทีแน่ะ

วันแรกที่ไปถึง (ดาดฟ้าของโรงแรม) ข้างหลังเป็นแม่น้ำไนลส์ สภาพเราเยินมากๆ เพราะไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยตั้งแต่มา กระเป๋าก็ไม่มาด้วย ตอนไปค้างที่อัมสเตอร์ดัมส์ก็เอากระเป๋าออกมาด้วยไม่ได้อ่ะ


เสี่ยงชีวิตจนมาถึง Egyptian Museum แล้ว


ข้างหน้า Egyptian Museum จ้า (หน้าเด้งแล้ว เพราะได้พักผ่อน อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากกระเป๋ามาถึง)


ตามด้วยอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารเลบานอน เป็นเนื้อแกะกับเลดี้ฟิงเกอร์ กินกับข้าว



ไปเดินตลาด


ดูการจราจรที่นี่ซะก่อน หาแยกไฟเขียวไฟแดงไม่ค่อยได้อ่ะ


ไคโรยามค่ำคืน (ถ่ายจากบาร์ของโรงแรม)


วันรุ่งขึ้นไปเที่ยว โดยแวะพิพิธภัณฑ์กระดาษปาปิรุสก่อน (จริงๆ แล้วเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์กระดาษปาปิรุสนั่นแหล่ะ แต่คนขับรถที่เช่ามาซึ่งได้ค่าคอม มันบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ )
หน้าตาของต้นปาปิรุสที่เอามาทำกระดาษ


สาธิตการทำกระดาษปาปิรุส


กระดาษปาปิรุสที่สำเร็จแล้ว


ยานพาหนะบางส่วนในไคโรยังเป็นแบบนี้อยู่


เด็กรับจ้างจูงอูฐ



พี่เย็นซ์ขี่อูฐที่ Giza


โดนจับแต่งตัวเป็นอย่างนี้


คุกในปิระมิด


ปิระมิดใหญ่อลังการมาก





ในทะเลทราย ข้างหลังเป็นเมืองไคโร











Coptic Cairo













อาหารพื้นเมือง



ไคโรยามกลางวัน ริมแม่น้ำไนลส์




Cairo Tower


โฉมหน้ารถแท็กซี่ที่เห็นทั่วไปในไคโร


จบแล้วจ้า เอ้อ ทริปนี้บอกแล้วลืมไม่ลงจริงๆ




 

Create Date : 30 เมษายน 2549
12 comments
Last Update : 30 เมษายน 2549 2:50:23 น.
Counter : 2410 Pageviews.

 

เป็นทริปที่ลืมไม่ลงจริงๆครับ
อยากไปมั้งจังเลย

 

โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 30 เมษายน 2549 5:37:33 น.  

 

เป็นทริปที่ลืมไม่ลงจริงๆครับ
อยากไปมั้งจังเลย

 

โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 30 เมษายน 2549 5:37:34 น.  

 

ลืมไม่ลงจริง ๆนะครับไคโรเนี่ย...........เห็นภาพเลยเรื่องแท็กซี่กับข้ามถนน.........

เสริมให้อีกนิด.........ตอนกลางคืน ไคโรนิยมเปิดไฟหรี่........แล้วขับเร็วกว่าตอนกลางวัน..........ข้ามถนนทีนึง นิมนต์พระจากเมืองไทยมาค่อนประเทศ........

แต่ก็อยากไปอีก...........ยังไม่เคยสัมผัสอัสวาน อเล็กซานเดรีย ฯลฯ..............

ยินดีกับเจ้าของบล็อกด้วยครับ.........พิพิธภัณฑ์ไคโรนี่ผมใช้เวลารวม ๆกันสองครั้งในทริปเดียวร่วม 7 ชั่วโมง.....

 

โดย: 190อีสีขาว (190อีสีขาว ) 30 เมษายน 2549 7:41:07 น.  

 

เห็นแล้วคิดถึงอียิปต์จัง...ได้ทาน แผ่นแป้งปิ้งที่เรียกว่า เอจด์ ด้วยรึเปล่าคะ.. น่าเสียดายนะคะ ที่ คจบ.ไม่ได้ไปเที่ยวต่อที่ อัสวานกับลักซอร์น่ะค่ะ ที่นั่นมีสถานที่ ที่น่าสนใจหลายแห่งเลย..

 

โดย: i'm not superman 30 เมษายน 2549 7:50:31 น.  

 

ขอบคุณค่ะที่นำมาเล่าสู่กันฟัง อยากไปบ้างจัง

 

โดย: brasserie 1802 30 เมษายน 2549 8:46:09 น.  

 

ทริปหน้าแม่ไม่ว่า ไปอียิปต์ดีกว่าเมื่อมีตังค์ วู้ววว

ปล.ต้องนิมนต์พระไปข้ามถนนด้วยไหมน้า 555+

 

โดย: ปักเป้า (puxkapou ) 30 เมษายน 2549 10:29:37 น.  

 

เคยทำงานกับคนอียิปต์ในประเทศไทย แต่ยังไม่เคยไปประเทศนี้เลย ถือว่าไปเที่ยวดูวัฒนธรรมแล้วกันนะคะ จะได้รู้ว่าโลกมีความแตกต่างไง 555

 

โดย: BIG MANGO IP: 124.121.171.170 30 เมษายน 2549 12:55:08 น.  

 

เนื้อแกะกับเลดี้ฟิงเกอร์ น่ากินจังเลยนะค่ะ วิวก้อสวยค่ะ แต่เห็นของกินไม่ได้ ลืมวิวไปเลยอิ อิ

 

โดย: asariss 30 เมษายน 2549 16:11:44 น.  

 

คุณตี๋น้อย ลืมไม่ลงเลยล่ะค่ะ แต่ก็สนุกถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งนึง คุณตี๋น้อยอย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวนะคะ

คุณร้อยเก้าสิบ แค่เดินสี่ชั่วโมงในพิพิธภัณฑ์ก็เดี้ยงแล้วค่ะ แถมคนเยอะมากๆ

คุณไม่ใช่ซุปเปอร์แมน ไม่แน่ใจเหมือนกันน่ะค่ะว่าได้ทานแป้งปิ้งที่คุณว่ารึเปล่า เพราะไม่รู้คำศัพท์ภาษาพื้นเมืองน่ะค่ะ แบบว่าเน้นกินอย่างเดียว

คุณ brasserie ต้องไปเที่ยวให้ได้นะคะ ถึงตัวเองอาจจะพบเห็นสิ่งที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่ก็เป็นประสบการณ์ เหมือนเราได้ไปสัมผัสโลกอีกโลกนึงเลยก็ว่าได้

คุณปักเป้า แซวได้น่ารักมาก

คุณบิ๊กแมงโก้ เห็นด้วยกับคุณเลยค่ะ ได้เห็นวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตของคนในอีกรูปแบบนึงเลย

คุณอซาริส อาหารที่โน่นใช้ได้เลยค่ะ (ถ้าคุณชอบทานเนื้อแกะ) เราถือคติว่าไปเที่ยวที่ไหนต้องลองชิมอาหารพื้นเมืองของที่นั่นค่ะ

ตอนนี้ความฝันอีกอย่างที่อยากจะทำ (เที่ยว) คือ เที่ยวรัสเซีย และไซบีเรีย โดยนั่งรถไฟสาย Tran - Siberia จากกรุงมอสโคว์ ไปยังกรุงปักกิ่งค่ะ (ประมาณสิบสี่วัน) แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวคุณสามีได้ซักที

 

โดย: มิ้ง (ไม่ได้ล็อคอิน) IP: 85.81.163.130 1 พฤษภาคม 2549 17:36:40 น.  

 

ประทับใจไม่รู้ลืม
แต่ยังไงการเดินทางก็เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าเสมอนะคะ

 

โดย: Lauderdale By The Sea 11 พฤษภาคม 2549 10:25:38 น.  

 

ชีวิตคือความท้าทายนะครับ ผมว่าการใช้ชีวิตที่นี่ดูมีเสน่ห์เหมือนกันนะ ได้เจอความเสื่ยง ความวุ่นว่ายแออัดบ้างมันก็ดีเหมือนกัน ชีวิตเรามันจะได้ไม่จำเจ บางคนเอาแต่ทำตัวเป็นคุณหนูอย่างเดียวมันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ อ้อ เรืองการจราจรที่นี่จะว่ามันวุ่นว่ายก็จริงอยู่ แต่ก็แปลกนะครับ ผมอยู่ที่นี่มาก็นานอยู่ ก็ยังไม่เคยเห็นใครโดนรุถชนมั่งเลยนะครับ ผิดกับเมือไทย หรือประเทศที่ว่าเจริญทั้
งหลาย ที่มีทั้งสัญญาณไฟ ตำรวจจราจรให้เต็มไปหมด แต่อุบัติเหตุก็มีให้ดูกันไม่เว้นแต่ละวัน ว่ามั้ยครับตายอนาถก็เยอะ พิมพ์ผิดบ้าง ไม่ว่ากันนะครับ

 

โดย: หนุ่มแปดริ้ว ไคโร IP: 41.235.78.23 15 พฤศจิกายน 2551 11:16:31 น.  

 

ชีวิตคือความท้าทายนะครับ ผมว่าการใช้ชีวิตที่นี่ดูมีเสน่ห์เหมือนกันนะ ได้เจอความเสื่ยง ความวุ่นว่ายแออัดบ้างมันก็ดีเหมือนกัน ชีวิตเรามันจะได้ไม่จำเจ บางคนเอาแต่ทำตัวเป็นคุณหนูอย่างเดียวมันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ อ้อ เรืองการจราจรที่นี่จะว่ามันวุ่นว่ายก็จริงอยู่ แต่ก็แปลกนะครับ ผมอยู่ที่นี่มาก็นานอยู่ ก็ยังไม่เคยเห็นใครโดนรุถชนมั่งเลยนะครับ ผิดกับเมือไทย หรือประเทศที่ว่าเจริญทั้
งหลาย ที่มีทั้งสัญญาณไฟ ตำรวจจราจรให้เต็มไปหมด แต่อุบัติเหตุก็มีให้ดูกันไม่เว้นแต่ละวัน ว่ามั้ยครับตายอนาถก็เยอะ พิมพ์ผิดบ้าง ไม่ว่ากันนะครับ

 

โดย: หนุ่มแปดริ้ว ไคโร IP: 41.235.78.23 15 พฤศจิกายน 2551 11:16:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


MingDK
Location :
Copenhagen Denmark

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ยังเขียนเล่าประสบการณ์ต่อไปหลังจากมาใช้ชีวิตในฐานะแม่บ้าน นักศึกษา และรับงานฟรีแลนซ์ หลังจากมาใช้ชีวิตในต่างแดนได้หกปีกว่า จนบรรลุเป้าหมายได้งานประจำสมใจอยาก :)
Friends' blogs
[Add MingDK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.