การกระทำโดยประมาทของแพทย์
(Malpractice ) หมายถึง การกระทำที่ผิดมาตรฐานวิชาชีพ (Medical professional liability) การที่หมอคนหนึ่งถูกฟ้องในข้อหาฐานกระทำโดยประมาท ย่อมหมายความว่ามีการกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ผิดจากมาตรฐานความระมัดระวัง (Standard of care) ซึ่งยอมรับได้และการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย มาตรฐานความระมัดระวังในวิชาชีพแพทย์คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับแพทย์ด้วยกันเอง หากจะให้พิสูจน์ว่าการกระทำของแพทย์คนหนึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่น่าจะปล่อยให้แพทย์ด้วยกันเองเป็นผู้วินิจฉัย ดังนั้นในบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนที่ผู้เสียหายจะยื่นฟ้องต่อศาลให้หมอรับผิดฐานประมาทได้นั้น จะต้องยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยความผิดเกี่ยวกับแพทย์ (Medical Review Panels) ก่อน คณะกรรมการวินิจฉัยความผิดเกี่ยวกับแพทย์ดังกล่าว ประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่มีการร้องเรียนและบางครั้งอาจมีกรรมการที่เป็นทนายความอิสระที่เป็นกลาง คณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่ไต่สวนว่าการกระทำของหมอเป็นการกระทำโดยประมาท (Malpractice) หรือไม่ ข้อเสนอขององค์กรแพทย์นครปฐมที่เสนอให้คดีที่มีการฟ้องหมอฐานกระทำโดยประมาท สมควรที่ศาลจะรอการพิจารณา เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยจากองค์กรวิชาชีพแพทย์ที่เป็นกลาง เช่น แพทยสภาก่อนน่าจะได้รับแนวคิดดังกล่าวมา แต่ระบบของไทยแตกต่างกันคงใช้ไม่ได้ ส่วนข้อเสนอของแพทย์สภาที่เสนอให้สำนักงานศาลยุติธรรมขึ้นทะเบียนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และให้มีการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญทุกคดีที่เกี่ยวกับความผิดของหมอ เป็นเรื่องที่กระทำได้ภายใต้กรอบกฎหมายไทย หลัก 4Ds ว่าด้วยการกระทำโดยประมาท การพิสูจน์ว่าหมอกระทำโดยประมาทหรือไม่จะต้องพิสูจน์ให้ครบองค์ประกอบ 4 ประการ ดังต่อไปนี้ จะขาดข้อหนึ่งข้อใดไม่ได้ 1. มีหน้าที่ (Duty) ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำโดยประมาทจะต้องมีหน้าที่ต้องระมัดระวัง ( Duty of care) การที่หมอรับรักษาผู้ป่วย ถือว่าหมอมีหน้าที่ตามสัญญาเกิดขึ้นแล้ว 2. มีการละเว้น (Derelict) ไม่กระทำตามหน้าที่ (Breach of duty of care ) 3. มีความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล (Direct cause) การละเว้นไม่กระทำตามหน้าที่ดังกล่าว ต้องเป็นผลโดยตรงที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย 4. มีความเสียหาย ( Damages) เกิดขึ้น เมื่อผู้เสียหายเป็นผู้ฟ้องคดี กล่าวอ้างว่าหมอมีการกระทำโดยประมาท ภาระการพิสูจน์ (Burden of proof ) จะตกแก่ผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะต้องพิสูจน์การกระทำให้ครบองค์ประกอบทั้ง 4 ประการ หากขาดข้อหนึ่งข้อใดถือว่าไม่มีการกระทำโดยประมาท ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง ลำพังแค่การรักษาไม่ประสบความสำเร็จ ยังถือไม่ได้ว่าหมอประมาท คดี Kennelly V Burgess : มีผู้ป่วยรายหนึ่งเข้ารับการผ่าตัดไซนัสกับหมอด้านโสต ศอ นาสิก หลังรับการผ่าตัดหลายครั้งผู้ป่วย ไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีพอ แพทย์ที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญด้านประสาทศัลยศาสตร์ลงความเห็นว่าสาเหตุที่ผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเพราะมีการสอดสายเข้าไปในโพรงจมูกระหว่างการผ่าตัด ต่อมาผู้ป่วยเสียชีวิต ทายาทได้ยื่นฟ้องหมอด้านโสต ศอ นาสิก เป็นจำเลย คณะกรรมการวินิจฉัยความผิดเกี่ยวกับแพทย์ ไต่สวนแล้วลงความเห็นว่า ไม่มีการกระทำโดยประมาท ทายาทจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ฯ ศาลได้สืบพยานซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว พิพากษายกฟ้องโดยให้เหตุผลว่า ลำพังแค่การรักษาไม่ประสบความสำเร็จ ยังถือไม่ได้ว่าหมอประมาท คดีนี้กว่าจะตัดสินใจ ต้องใช้ทีมแพทย์วินิจฉัยถึง 2 ชุด ในชั้นคณะกรรมการ ฯ ชุดหนึ่ง และในชั้นศาลอีกชุดหนึ่ง ประกันได้ว่าคำวินิจฉัยต้องชัดเจนแน่นอนผู้มีส่วนในคดีย่อมเกิดความสบายใจไม่ว่าผลคดีจะออกมาเช่นใด หมอผ่าไส้เลื่อนผิดข้าง คดี Rivers V Stare of New York : ศาลนิวยอร์ควินิจฉัยว่าการที่ศัลยแพทย์ผ่าตัดไส้เลื่อนให้ผู้ป่วยคดีรายหนึ่ง ทั้งที่เห็นแล้วว่าต้องผ่าข้างซ้าย แต่กลับไปผ่าเอาข้างขวาซึ่งผิดข้าง เป็นการกระทำโดยประมาท คณะกรรมการวินิจฉัยความผิดเกี่ยวกับแพทย์ไต่สวนแล้วลงความเห็นว่า หมอไม่ได้ตรวจสอบผู้ป่วยคดีโดยละเอียด ไม่ได้ตรวจสอบประวัติ และไม่ได้ประเมินสภาพของผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด การพิจารณาในชั้นศาลคดีนี้ แม้จะไม่มีการนำสืบพยานผู้เชี่ยวชาญอีก แต่ผลการไต่สวน ของคณะกรรมการ ฯ มีน้ำหนักพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าการกระทำของหมอเป็นการกระทำโดยประมาท ผลปรากฏว่าหมอถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ เราลองมาดูตัวอย่างคำพิพากษาของไทยบ้างนะครับ คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 5637/2533 : โจทก์ตั้งครรภ์และได้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อหัดเยอรมัน จำเลยที่ 2 แพทย์ผู้ตรวจจึงได้ฉีดวัคซีน M.R.R. ให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ทราบว่าวัคซีนดังกล่าวห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์ โจทก์ไปขอคำปรึกษาจากแพทย์อีกแพทย์แจ้งว่าวัคซีนที่ฉีดให้โจทก์ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์แต่โจทก์ยื่นยันจะทำแท้ง ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทำแท้งเพราะกลัวไปเองว่าทารกในครรภ์จะคลอดออกมาพิการ มิใช่เพราะวัคซีน M.R.R. ที่จำเลยที่ 2 ฉีดให้โจทก์ทำให้ทารกในครรภ์ของโจทก์พิการ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไมเป็นละเมิดต่อโจทก์คดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะโจทก์สืบไม่ได้ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล (Direct Cause) คำพิพากษาศาลฏีการที่ 292/2542 : จำเลยที่ 2 เป็นแพทย์ผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ชำนาญการพิเศษในแขนงสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งจากประเทศญี่ปุ่น จำเลยที่ 2 กระทำการผ่าตัดหน้าอกโจทก์ที่มีขนาดใหญ่ให้มีขนาดเล็กลงมีสภาพปกติ แต่จำเลยที่ 2 กระทำการผิดพลาดในการผ่าตัด การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเลเซอร์ผ่าตัด มีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ แต่จำเลยที่ 2 ผ่าตัดโจทก์โดยไม่ใช้ความระมัดระวังในการผ่าตัด และไม่แจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงขั้นตอนการรักษา ระยะเวลาและกรรมวิธีในการรักษา จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นับว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 คดีนี้จำเลยที่ 2 เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ไม่ใช่ความระมัดระวังในการรักษาเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท
Create Date : 19 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 8:00:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3724 Pageviews. |
|
|