ฆาตกรรมอำพราง : นางโจร ฆ่าเผา พล.ต.ต.! ตอนที่ 2
7 วันจับคนร้ายรับทำคนเดียว หลังจากเกิดเหตุได้ครบ 7 วัน ชุดสืบสวนก็สามารถติดตามจับกุม นางสาวภรณ์ภัสสรณ์ หรือบ๋อม ศิริวงศ์ อายุ 24 ปี ได้พร้อมของกลาง มีดพับ 1 เล่ม สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท 1 เส้น 5 บาท 1 เส้น และสร้อยคออีก 4 เส้น นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ฝังเพชร 1 เรือน พระสมเด็จพร้อมตลับทอง 1 รายการ เหรียญสมเด็จโตพร้อมตลับทอง 1 องค์ แหวนเพชร 3 วง เงินสด 2 แสนบาท กระเป๋าสตางค์ กล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ เสื้อยืดสีขาวคาดเขียว ที่ผู้ต้องหาใส่ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังจากจับกุมได้และนำตัวมาสอบ ผู้ต้องหาให้การว่าเบอร์นี้ท่านเป็นคนซื้อให้เอง โดยบอกว่าเอาไว้ใช้ติดต่อกับท่านคนเดียว มันก็มีความเป็นไปได้ โจทย์ที่เราตั้งไว้ว่าไม่ทำคนเดียว มีรถมารับไปยังไง เอาทรัพย์สินไปยังไง กระจายแบ่งทรัพย์สินกันยังไง เราตั้งโจทย์ไว้เยอะเลยในชั้นการสืบสวน และก็ให้ลูกน้องไปทำการบ้านมาให้แต่ละชุดแต่ละคนไปสืบหาข้อนี้มา ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมามันก็สอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหา รองฯ แจ๊สบอก นางสาวภรณ์ภัสสรณ์ หรือบ๋อม ยอมรับสารภาพว่า เป็นพนักงานที่ร้านอาหารโคขุน ย่านบางบัวทอง รู้จักกับผู้ตายมาหลายปี เพิ่งจะเคยไปบ้านผู้ตายเป็นครั้งแรกในวันที่ก่อเหตุ โดยโทรศัพท์ไปขอยืมเงินก่อน และผู้ตายนัดไปพบที่ร้านอาหารใกล้กับที่ทำงานเก่า ก่อนจะพามาที่บ้านของผู้ตาย โหดมีดพกแทงคอปลิดชีพ เมื่อมาถึงก็รับประทานอาหารกัน จากนั้นผู้ตายขอตัวขึ้นไปบนห้อง ฉันเห็นว่านานผิดปกติจึงตามขึ้นไปดูเห็นผู้ตายหลับอยู่ ประกอบกับเห็นทรัพย์สินของผู้ตายจำนวนมากเลยอาศัยจังหวะที่ผู้ตายหลับอยู่ใช้มีดพกที่พกติดตัวมา แทงเข้าที่คอและบริเวณอื่นอีกหลายแผล ส่วนที่แทงหลายแผลนั้นไม่ได้มีความแค้น แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว จากนั้นก็รื้อค้นทรัพย์สินของผู้ตายไปหมด ส่วนที่เผาบ้านก็เพื่ออำพรางคดีไม่ให้ถูกจับได้ โดยใช้ไฟแซ้กในลิ้นชักของผู้ตาย จากนั้นก็วทิ่งหนีออกมาขึ้นรถแท็กซี่ ไปกดเงินย่านบางลำพู ที่ทำลงไป เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้ ซึ่งตนเป็นหนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบประมาณ 2 แสนบาท คิดว่าถ้าหากยืมเงินผู้ตายคงไม่ให้ เลยวางแผนฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นนายตำรวจใหญ่ แต่มารู้ภายหลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ตายมักจะพูดกับตนว่าเป็นดาบตำรวจ นางสาวภรณ์ภัสสรให้การ เหยื่อชอบโอ้อวดทรัพย์สินราคาแพง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ สำทับว่า ตอนที่เราไปตรวจค้นจับกุมนั้นเราไม่เจอใคร เราเน้นในเรื่องของจุดเกิดเหตุเขาทำจริงหรือไม่ ทำคนเดียวหรือเปล่า จากการรับสารภาพของเขามันตรงกันกับที่เกิดเหตุทั้งหมด แล้วความเป็นไปได้เราดูจากผลแพทย์ ผลออกมาพบว่า หลอดคอถูกตัด หลอดลมถูกตัด หลังจากที่พูดคุยขอยืมเงิน ผู้ต้องหาบอกว่าท่านขอตัวขึ้นไปบนห้องแล้วบอกว่า เดี๋ยวๆ คอยเดี๋ยว เขาคิดว่าท่านขึ้นไปเอาตังค์มาให้ตามที่ขอยืม ก็คอยอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ขึ้นไปดู เมื่อขึ้นไปก็เห็นท่าน แต่ขณะที่หลับเนี่ยคนมันต้องการตังค์ และขณะที่คบกับท่านคุยกันตลอด ท่านก็ชอบใส่ทอง 2 เส้น เส้นละ 10 บาท 5 บาท แล้วท่านก็ชอบคุยว่า พระสมเด็จองค์นี้ราคาหลายล้านบาท ชอบใส่แหวน 3 วง ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชร ท่านก็บอกนาฬิกาเรือนนี้เป็นล้าน แหวนราคาเป็นล้าน ทำให้คนมันเกิดความโลภ ยิ่งเป็นหนี้อยู่ 2 แสน แล้วผู้ต้องหาก็เป็นคนที่ไม่มีฐานะ เมื่อขึ้นไปบนห้องเห็นทรัพย์สินวางอยู่บนเตียงคงจะตัดสินใจนาทีนั้น เขาก็บอกว่าเขาตัดสินใจนาทีนั้นเลย เขาไม่มีทางออกส่วนมีดผู้ต้องหารายนี้เป็นคนที่พกมีดประจำ ที่บ้านก็มีอีก 3-4 เล่ม ลักษณะเป็นมีดพับเขาเจอมีดแปลกๆ เขาก็ซื้อ แต่มีดสปริงมันก็คม ใบมีดยาวเกือบคืบ และจากการที่เขาชอบสะสมมีดการแทงของเขา เขาเอามือกดหน้าและแทงเข้าที่คอเลย จ้วงแทงคอเลย เข้าไปมิดเลือดกระฉูด ด้วยสัญชาตญาณพี่ชูเกียรติเมื่อรู้ว่าถูกแทงก็สะดุ้งเฮือก ในทันทีทันใดนั้น แกก็กัดนิ้วที่ปิดหน้าอยู่ แล้วก็เอามือปัดๆก็เกิดยื้อกัน ทำให้ผู้ต้องหามีบาดแผลที่นิ้วไปเย็บมา 5 เข็ม แต่ขณะนั้นเมื่อหลอดคอถูกตัด ซึ่งเมื่อคุยกับแพทย์อย่างละเอียด แพทย์บอกว่า คนเราเมื่อถูกแทงที่หลอดคอมันเป็นเพียงแค่ชั่วอึดใจ ก็ดิ้นและต่อสู้ในช่วงแค่อึดใจ แต่ในนาทีนั้นพอขาดอากาศหายใจ เฮือกสะดุดขึ้นมาแรงก็เริ่มแผ่ว พอแผ่วในจังหวะนั้น ถ้ามีเลือดเข้าไปในหลอดลมด้วย ยิ่งหมดแรงเลย พอหลอดคอถูกตัดท่านก็ดิ้นๆแล้วแย่งมีดกัน จนท่านตกไปที่เตียงพอตกจากเตียงปุ๊บ ผู้ต้องหาก็จ้วงแทงใหญ่เลย และแทงหลายครั้งที่คอ ซึ่งมันก็ตรงกับบาดแผลทั้งหมด จากการตรวจพิสูจน์ในที่เกิดเหตุเรารู้ว่าจุดต้นเพลิงน่าจะมีประมาณ 3 จุด เพราะมันมีจุดที่ไหม้หนักๆ อยู่ เช่น ในห้องนอน นอกห้องนอน และใต้บันได แล้วมันก็ลุกลามไป ซึ่งก็ตรงกับที่ผู้ต้องหาบอกว่าใช้ไฟแช็คจุดกับที่นอนในห้องนอน เผากองผ้าพวกปลอกหมอนผ้าปูที่นอนที่กองไว้นอกห้อง และใต้บันไดที่ไหม้เยอะที่สุด ซึ่งเราถามจากคนดูแลบ้านเขาบอกว่าเก็บหนังสือพิมพ์เก่าๆเอาไว้ พอผู้ต้องหาลงบันไดมาเห็นกองหนังสือพิมพ์ก็จุดไฟเผาที่ใต้บันไดอีกที ทุกอย่างันตรงกับผลตรวจหมดเราเลยมั่นใจว่าเขาทำคนเดียว ไม่มีเบื้องหลัง แล้วยิ่งผลหมอออกมาแบบนี้ด้วย ต่อให้แข็งแรงยังไงก็ตามถูกแทงคอไปก็ไม่รอด ผมถามเขาว่าทำไมต้องแทงคอ เขาบอกว่าคนเราจะฆ่าตัวตายก็ต้องผูกคอตาย จะฆ่าคนก็รัดคอบีบคอตาย เพราะฉะนั้นคิดว่าคอเป็นจุดอ่อน ผู้ต้องหาเขาย่องเข้าไปในห้องอ้อมไปหัวเตียง เอามือกดหน้าแล้วจ้วงแทงคอเลย ไม่ลังเล ไม่ใช่กดหน้าจนท่านดิ้นแล้วค่อยแทงๆทำให้โอกาสต่อสู้ในนาทีนั้นมันไม่มี แต่มันโดนมีดไปแล้วถึงได้รู้สึกตัว รอง ผบช.ภ.1 แสดงความมั่นใจว่าผู้ต้องหารายนี้ เป็นคนก่อเหตุเพียงคนเดียวจริง การแกะรอยคนร้ายไปตามจับกุมถึง จ.เพชรบูรณ์นั้น พล.ต.ต.คำรณวิทย์ บอกว่า คงต้องขอปิดเทคนิคบางส่วนไว้ นอกจากหลักฐานในที่เกิดเหตุ หลักฐานจากแพทย์ จาก พฐ. จากกล้องวงจรปิด เรายังมีหลักฐานทางเทคนิคด้วย เราสามารถเอามาประมวลกันแล้วก็สามารถนำพาไปสู่จุดหมายที่เพชรบูรณ์ได้ แต่ทั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าคืออะไร ฆ่าเผาอำพรางดูจากหนัง รองฯ แจ๊ส ไขปริศนาคาใจของผู้คนส่วนใหญ่ที่ว่า หากคนร้ายรู้ว่าผู้ตายเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไฉนจึงกล้าลงมือ เขาไม่คิดว่าท่านเป็นนายตำรวจใหญ่ เขาบอกว่าเขาก็ไม่รู้ เพราะท่านชูเกียรติชอบพูดเสมอว่า นี่ดาบชูนะ นี่จ่าชูนะ ผู้ต้องหาเขาก็คิดว่าเป็นนายดาบ พอตอนหลังมารู้ว่าเป็นนายตำรวจใหญ่แต่เกษียณแล้วคงไม่มีอะไร ส่วนสาเหตุที่ผู้ตายกับผู้ต้องหานั่งรับประทานอาหารกันอยู่ในบ้าน แต่เมื่อผู้ตายขึ้นไปบนห้องและเผลอหลับไปนั้น พล.ต.ต.นคำรณวิทย์ ไขปริศนาว่า ก่อนหน้านี้ท่านก็ให้ทิปให้ตังค์ใช้ แต่คราวนี้ผู้ต้องหายืมเงินถึง 2 แสน เราก็ไม่รู้ว่านาทีนั้นท่านจะให้ยืมหรือไม่ให้ ถึงมีการนั่งกินข้าว กินเหล้าตั้งแต่ 11 โมง ที่ท่านกินเหล้าจากร้านอาหารแล้วกลับมากินต่อที่บ้านตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงบ่าย 2 โมงกว่าๆ ก่อนที่อาหารมาส่ง ท่านกินข้าวแล้วเลยสั่งอาหารมาให้ผู้ต้องหากิน ท่านดื่มเหล้าไปต้องมีอาการเมาบ้าง เราคิดว่าท่านคงดื่มไปเรื่อยๆ เพราะในที่เกิดเหตุเห็นว่าเหล้าจะหมดแล้วเหลืออยู่นิดหน่อย ระหว่างนั้นท่านก็ขึ้นไปโดยเปิดประตูแง้มไว้ อาจจะขึ้นไปเอาตังค์มาให้ผู้ต้องหาหรือเปล่า แต่เกิดเผลอหลับไปด้วยความเมาเพราะอายุท่านก็ 69 ปีแล้ว ผู้ต้องหาเห็นนานจึงย่องขึ้นไป เห็นว่าหลับ นี่คือคำรับสารภาพของเขา ผมถามเขาว่าท่านมีพฤติกรรมอะไรที่จะลวนลามไหม เขาก็บอกว่าไม่มี แต่ท่านก็พูดไปว่าเดี๋ยวจะหาทางช่วย ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความหวัง แต่เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะได้ จึงก่อเหตุเพราะถูกเร่งรัดเรื่องหนี้สิน ส่วนที่เผาบ้านก็บอกว่าดูมาจากหนัง คดีนี้ตำรวจใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ในการปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะมีความลึกลับซับซ้อนบ้าง แต่ก็ใช่เกินความสามารถ จึงได้แต่หวังว่า ในคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไป ตำรวจจะเอาใจใส่และเร่งคลี่คลายคดีให้อย่างเต็มความสามารถเช่นกัน ข้อมูลจาก manager online
Create Date : 28 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 9:50:20 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2156 Pageviews. |
|
|