กิน"กุ้ง"กับ"วิตามินซี"ทำถึงตาย เป็นแค่เมลล์มหาภัยทำป่วน
ผู้ที่ชอบรับประทาน"กุ้ง"ต้องมาแตกตื่นกับ"อีเมลล์" ลูกโซ่ แจ้งว่า มีหญิงไต้หวันเลือดออกทั่วตัวจนตาย เมื่อกิน "กุ้ง"พร้อมกับ"วิตามินซี"ในปริมาณมากๆ ทั้งหมดได้เกิดปฏิกริยาเคมีที่เรียกว่า "สารหนู" จนทำให้มนุษย์ตายได้ พร้อมกับอ้างนักเคมี นักวิชาการต่างๆ มากมาย แต่เรื่องนี้ สถาบันวิจัยโภชนาการของไทยยืนยันว่า เป็น"เรื่องเท็จ"
อีเมลล์ฉบับหนึ่งจากไต้หวันถูกนำเผยแพร่ผ่านเว็บไซด์และส่งต่อทางอีเมลล์กระจายสู่ประชาชนมากมาย โดยเนื้อความว่า มีผู้หญิงไต้หวันตาย เนื่องจากชอบกิน"กุ้ง"พร้อม"วิตามินซี" สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก การเผยแพร่ในกรณีดังกล่าว เผยแพร่มานานแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี จนกระทั่งถูกแปลเป็นภาษาไทย แล้วนำมาส่งต่อกันเป็นลูกโซ่เข้ามาระบาดสู่นักท่องอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจนได้ ข้อความในอีเมลล์ดังกล่าว ได้อ้างถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ จนน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากวิตกกังวลกับการกินกุ้งกับวิตามินซี จนทำให้เกิดการเสียชีวิต มีรายละเอียดสรุปคร่าวดังต่อไปนี้ ประเทศไต้หวันมีหญิงคนหนึ่งเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด โดยไม่รู้สาเหตุเสียชีวิตในช่วงข้ามคืน จากการชันสูตรศพเบื้องต้น ลงความเห็นว่า ตายเพราะพิษ"สารหนู" ตำรวจเริ่มสืบสวนและเชิญศาสตราจารย์นิติเวช มาร่วมคลี่คลายคดี เมื่อตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ จึงพบสาเหตุการตายฉับพลันว่า มีสารหนูในกระเพาะอาหารของผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน พร้อมกับมีนิสัยชอบกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็นก่อนเสียชีวิต นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทดลอง พบว่า สัตว์เปลือกอ่อนเช่น กุ้ง มีสารประกอบอาเซนิกเข้มข้นในปริมาณสูง สารชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมในตัวกุ้งที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่ง"ไม่มีพิษ" กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ ทำไห้เกิดพิษ"สารหนู" ทำให้เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจตับ ไต และลำไส้ เส้นโลหิตฝอยขยายตัว จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด และเสียชีวิต จากเนื้อหาในอีเมลล์ดังกล่าว รศ.ดร.เอมอร วสันตวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ยืนยันว่า เมื่อตนได้อ่านอีเมลล์ดังกล่าวอย่างละเอียด พบจุดน่าสงสัยหลายประการ เช่น ไม่มีชื่อหญิงชาวไต้หวันที่เสียชีวิต ไม่มีชื่อและสถาบันของผู้เชี่ยวชาญทางนิติเวช ไม่มีชื่อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และ มีการอ้างปฏิกิริยาเคมีที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เชื่อว่า เป็นเพียงอีเมลล์หลอกลวงที่ทำไห้ผู้คนตกใจเท่านั้น เขียนขึ้นโดยพวกไม่หวังดี โดยอ้างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้นเอง เรื่องปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกุ้งกับวิตามินซี ตามที่อีเมลล์ฉบับดังกล่าวอ้างถึง ไม่เป็นความจริง รศ.ดร.เอมอร เคยค้นข้อมูลวิชาการจากองค์กรอนามัยโลก ไม่พบรายงานหรือข้อมูลอ้างอิงหลักฐานทางหลักวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงระหว่างปฏิกิริยาทางเคมีของการกินกุ้งกับวิตามินซีแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่า ในตัวกุ้งมีสาร"อาเซนิก"ที่ชาวบ้านเรียกว่า "สารหนู"จริง แต่น้อยมาก เว้นแต่การกินกุ้งปริมาณเยอะมากซึ่งมนุษย์ไม่สามารถทานได้ถึงก่อไห้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ ทางด้าน รศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาติ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษจากอาหาร อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างสารอาเซนิกในกุ้งกับวตามินซี ที่จริงแล้ว "อาเซนิก" คือสารประกอบที่เรียกว่า"สารหนู" ส่วน "อาเซนิกไตรออกไซด์" เป็นสารหนูที่มีส่วนผสมของออกซิเจน 3 ส่วน เรียกทั่วไปว่า "ยาฆ่าแมลง" ถ้าจะฆ่าคนก็ต้องนำอาเซนิกไตรออกไซด์มาผสมกับอาหารหรือใส่ไปในกุ้งเพื่อให้เกิดพิษกับร่างกาย แม้ในกุ้งจะมีสารอาเซนิกประกอบอยู่จริง แต่ก็น้อยมาก จนไม่มีพิษและจะสลายไปในกระเพาะอาหาร ส่วนวิตามินซีนั้นจะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหาร และขับออกมากับปัสสาวะ อีเมลล์ที่แพร่ระบาดไปทั่วเป็นเพียงแค่ การหลอกลวงจากผู้ไม่หวังดีเท่านั้น จนกลายเป็นอีเมลล์ลูกโซ่มหาภัยนั่นเอง
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2553 14:50:32 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1290 Pageviews. |
|
|