สืบจากมือถือ !! ตอน ไอ้เณรใจทมิฬ
"ผมฆ่าเขาเอง ทำเพราะอยากได้เงินไปใช้หนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดมาก เพราะผู้ตายดีกับพวกผมมาก แต่ที่ต้องฆ่าเพราะกลัวเขาจะไปแจ้งความเอาเรื่อง ถึงตอนนี้ขอยอมรับกรรมที่ทำไว้ และขอยอมรับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการกฎหมาย" คือคำกล่าวของ พลทหารเสรี หรือ บอล พัฒนวงศ์สิน อายุ 21 ปี สังกัดกองกำลังพลสำรอง กรมการรักษาดินแดน 1 ในคนร้ายที่ลง มือสังหาร นายสมิทธิ ศิริภัทร์ อายุ 59 ปี หรือ "ดร.สมิทธิ" ข้าราชการกรมศิลปากร และทำงานอยู่ในสำนักพระราชวัง ฆ่าชิงทรัพย์เหยื่อหาเงินใช้หนี้สูญเสียบุคลากรคนสำคัญไปอย่างน่าเสียดายนอกจากพลทหารเสรี แล้วยังมีคนร้ายอีกราย คือ พลทหารศิริชัย แย้มสุทธิ์ เพื่อนทหารเกณฑ์ของพลทหารเสรี ร่วมทีมสังหารด้วย คดีนี้คนร้าย จนมุมเพราะพลทหารเสรี ได้เอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปให้แฟนสาวใช้ จนกลายเป็นสะพานทอดไปหาตำรวจตามแกะรอยสัญญาณจับกุมตัวเอาไว้ได้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นคุก!! ย้อนไปดูเหตุฆาตกรรมนักวิชาการกรมศิลปากร เกิดขึ้นตอนค่ำวันที่ 18 พ.ย. ตำรวจสน.บางยี่ขัน รับแจ้งเหตุคนถูกฆ่าที่บ้านเลขที่ 97/8 หมู่บ้านอัศวินการ์เด้น ถนนบรมราชชนนี ซอย 5 แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบาง กอกน้อย ร.ต.อ.วีระศักดิ์ คุณอุดม ร้อยเวรฯ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ถิร์สทัต บูรณะรัช ผกก. รับทราบ ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงตามลำดับชั้น ไม่นาน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.วิบูลย์ บาง ท่าไม้ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบช.น. ก็ร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่นั่นตำรวจพบร่างไร้วิญญาณของนายสมิทธิ เสียชีวิตในสภาพไม่สวมเสื้อ นอนคว่ำหน้าอยู่ในห้องชั้น 3 ของบ้านทาวน์เฮาส์ 4 ชั้น ที่ตก แต่งอย่างหรูหา สภาพศพมีบาดแผลถูกแทงกว่า 10 แห่ง โดยเฉพาะที่ลำคอมีบาดแผลฉกรรจ์ จากการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินของผู้ตายสูญหายไปหลายรายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และรถเก๋งบีเอ็มดับ เบิลยู ซีรี่ส์ 7 หมายเลขทะเบียน ณธ 1134 กทม. ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ เจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกไว้ พยานให้การว่า ผู้ตายทำงานอยู่สำนักพระ ราชวัง ปกติจะออกไปทำงานในช่วงเช้า กลับบ้านตอนดึก บางครั้งจะพาชายหนุ่มมานอนที่บ้านด้วย ในวันเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้ไปทำ งาน เมื่อมีเพื่อนมาตามก็พบว่าถูกฆ่าอย่างสยดสยอง ตำรวจจึงพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเพื่อนชายของผู้ตายอันดับแรก คดีนี้ผู้บัญชาการสุชาติลงมาวางแผนสั่งการตามล่าด้วยตนเอง เรียก พล.ต.ต. ไพศาล เชื้อรอด ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุธีร์ เนรกัณฐี พ.ต.อ.วัชรา งามขำ พ.ต.อ. กฤตภาส เพ็ญกิตติ พ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป พ.ต.อ.สมชาย มุสิกเจริญ รอง ผบก. น.7 พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น. 7 ตำรวจสน.บางยี่ขัน และทีมสืบสวนบก.น. 7 หาเบาะแสคนร้ายเป็นการด่วน ผ่านไปเพียงวันเดียว เจ้าหน้าที่ก็ได้เบาะแสสำคัญ เมื่อทีมสืบพบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ซึ่งใช้งานโทร.ออกมาจากสถานที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตำรวจจึงซุ่มเงียบปล่อยให้บุคคลที่ใช้มือถือของนายสมิทธิ ใช้โทรศัพท์ต่อไป เพื่อหาพิกัดและเบอร์โทร.ปลายทางเพื่อจะได้เข้าใกล้คนร้ายมากที่สุด รวบพลทหารเสรี ไม่นานตำรวจก็พบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือดังกล่าว ส่งมาจากอาคารประกันภัยไทยวิวัฒน์ ถนนรัชดาฯ แขวงและเขตดิน แดง และเมื่อเช็กอย่างละเอียดก็พบว่าส่งมาจากบริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนชั้น 23 อาคารประกันภัยไทยวิวัฒน์ นอกจากนี้ ตำรวจยังเช็กกับเบอร์โทร.ปลายสาย ที่บุคคลคนนั้นโทร.หา จึงได้ข้อมูลว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือของนายสมิทธิ คือ น.ส. เปิ้ล (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เป็นพนักงานในบริษัทแห่งนั้นนั่นเอง สายวันที่ 20 พ.ย. ตำรวจจึงบุกถึงตัวน.ส.เปิ้ล เมื่อน.ส.เปิ้ลเห็นตำรวจก็ถึงกับเหงื่อกาฬแตก งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนละล่ำละลักอธิบายว่า ได้โทรศัพท์เครื่องนี้มาจากพลทหารเสรี ซึ่งเป็นแฟนเอามาให้ใช้ เท่านั้นเจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังกรมการรักษาดินแดน ขอให้ควบคุมตัวพลทหารเสรีไว้ ก่อนไปรับตัวมาสอบสวน โดยมีกำลังอีกชุดแยกไปค้นบ้านพักพลทหารเสรี ที่หมู่บ้านกฤษดานคร ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี จึงพบรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูของผู้ตายจอดอยู่ พลฯเสรีจนมุมพร้อมของกลาง!! ตอนแรกหมอนี่ทำมึนไม่ยอมให้การอะไร แต่ในที่สุดก็เปิดปากจนได้ บอกว่าร่วมกับพลทหารศิริชัย เพื่อนสนิทลงมือสังหารนายสมิทธิ เจ้าหน้าที่จึงตามไปจับกุมพลทหารศิริชัยเอาไว้ได้ที่บ้านเลขที่ 8 ม.2 ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ก่อนจะควบคุมตัวทั้งคู่มาสอบปากคำ พลทหารเสรีให้การรับสารภาพ ว่า รู้จักกับผู้ตายเกือบ 2 เดือน ผู้ตายเคยให้ตนไปรับใช้ที่บ้าน และให้ความเอ็นดูเมตตามาตลอด สาเหตุที่ทำ เพราะตนมีหนี้สินประมาณแสนบาท จึงฆ่า เพื่อหวังชิงทรัพย์หาเงินใช้หนี้ จึงชวนพลทหารศิริชัยเข้าไปขโมยของในบ้านผู้ตาย แต่ระหว่างค้นทรัพย์สินอยู่นั้น ผู้ตายกลับมาเจอพอดีเลยเกิด มีปากเสียงกัน โดยผู้ตายได้พยายามต่อสู้ขัดขืนจึงเข้าไปล็อกคอ พลทหารศิริชัยได้ใช้มีดพกติด ตัวมากระหน่ำแทงผู้ตายจนเสียชีวิต "ผมทำไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และรู้สึกผิดอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาผู้ตายดีกับผม แต่ที่ต้องฆ่าเพราะกลัวเขาไปแจ้งความ หลังจากเขาตาย พวกผมก็รีบกวาดเอาทรัพย์สินไปไว้ ที่บ้านปากเกร็ด แล้วกลับไปเข้าเวรต่อโดยไม่ ได้หนีไปไหน จนกระทั่งถูกจับกุมได้" พลทหารเสรี กล่าว ด้านพลทหารศิริชัย ให้การว่า วันเกิดเหตุพลทหารเสรีมาชวนเข้าไปขโมยของในบ้านผู้ตาย เพื่อนำของไปขายเอาเงินมาใช้ ซึ่งตนกำลังขัดสนเรื่องเงินพอดีจึงตอบตกลงไป ระหว่างนั้น ผู้ตายเข้ามาในบ้านและเอะอะโวยวายพร้อมกับต่อสู้ พอพลทหารเสรีล็อกคอเหยื่อตนจึงใช้มีดจ้วงแทงก่อนหลบหนีไปจนมุมที่บ้านมหาสารคาม ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก้มหน้ารับกรรมที่ทำไว้!!
Create Date : 10 พฤษภาคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 1:17:59 น. |
Counter : 2313 Pageviews. |
|
|
|