DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

หึงโหด เทรนด์มรณะ แฟชั่นสยอง รักต้องฆ่า ฟีเวอร์!

เป็นทั้งเรื่อง น่าสลดใจ และ น่าตกใจ


            กับ กรณีที่หนุ่มใหญ่วัย 45 ปีรายหนึ่งซึ่งมีอาชีพขับแท็กซี่ ก่อเหตุสยอง ฆ่า 4 ศพ... แล้วผูกคอตาย !! อันเนื่องมาจากกรณี ชู้สาว ซึ่งเหยื่อเป็นหญิงที่ผู้ก่อเหตุติดพันอยู่จำนวน 2 คน ลูกสาวลูกติดของ 1 ใน 2 นี้ถูกฆ่าด้วย และยิ่งไปกว่านั้นลูกชายของผู้ก่อเหตุเองก็ยังถูกผู้เป็นพ่อฆ่า



นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น...เกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัว !!


            ปรากฏการณ์ สยองทำนองนี้ สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ เคยสะท้อน ไว้ตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นมาตลอด หนุ่มฆ่าสาว, สาวฆ่าหนุ่ม, หนุ่มฆ่าสาวและแฟนของสาวที่ตนเองชอบ, สาวฆ่าหนุ่มและแฟนของหนุ่มที่ตนเองหลงรัก, ผัวฆ่าเมีย, เมียฆ่าผัว, ผัวฆ่าเมียและชายอื่นที่เมียตนเองไปพัวพัน, เมียฆ่าผัวและหญิงอื่นที่ผัวตนเองไปพัวพัน ฯลฯ คดีทำนองนี้ในระยะหลัง ๆ ปรากฏเป็นข่าวแทบจะรายวัน


คดีที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ศพ


            และ บางกรณีมีเด็กที่ไม่รู้อีโหน่ อีเหน่ตกเป็นเหยื่อด้วย ก็มิใช่เพิ่งจะมาเกิดกับรายแท็กซี่ที่เป็นข่าวสยอง ล่าสุด ก่อนหน้านี้ก็มี อย่างเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2548 ก็หลายคดีซ้อน ๆ ทั้งที่เป็นข่าวเล็ก-ข่าวใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น...หึงโหดระแวงรัก เมียจ่อยิง ตาย ยกครัว 3 ศพ เหตุเกิดในกรุงเทพฯ แถวสาธุประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2548 ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า...เมียขี้หึงใช้อาวุธปืนยิงผัว ที่จับได้ว่าแอบไปติดพันสาวอื่น เท่านั้นยังไม่พอ...ยังยิงลูกชายวัย 10 ขวบดับไปด้วย จากนั้นก็ยิงตัวตายตามเป็นศพที่ 3


หรืออีกคดีที่เกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2548 ที่สระบุรี


            ยิง แฟน-จ่อขมับตาม รักเป็นพิษ หนุ่มซัลโวสยอง 2 ศพ โดยรายนี้เหตุเกิดเพราะสาวเจ้าตีจากหนุ่มไปมีแฟนใหม่ ฝ่ายหนุ่มที่รักจริงหวังจะแต่งอยู่รอมร่อพยายามงอนง้ออย่างไรก็ไม่ได้รับ ความสนใจ แถมยังได้ฟังคำแสลงใจว่าแฟนใหม่สาวเจ้าดีกว่าตน ความเสียใจบวกความโมโหจึง สติแตก-ขาดความ ยั้งคิด ใช้ปืนยิงสาวดับ แล้วจ่อขมับสับไกระเบิดกระสุนใส่หัวตัวเองตายตาม


รักเป็นพิษ-รักอำมหิต นำไปสู่การ ฆ่าคนที่ตนรัก



ลามถึงคนอื่น-ลามถึง "ฆ่าเด็ก-ฆ่าลูก" เกิดไม่หยุด !!


            ทั้ง นี้ กับปรากฏการณ์นี้ พรชัย ตระกูลวรานนท์ อาจารย์ภาควิชา สังคมวิทยาและมนุษยวิทยา เคยให้คำอธิบายไว้ว่า...สัดส่วนของปัญหาหึงหวง จนฆ่ากันตายนั้น ต้นเหตุเป็นเรื่องทางด้านจิตวิทยาประมาณ 70% อีก 30% เป็นเรื่องทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะมีความสัมพันธ์กันอยู่


ปัญหาทางด้านจิตวิทยา


            ก็ เกิดจากปัญหาบุคลิกภาพของผู้ก่อเหตุ ที่อาจจะเป็นเรื่องการถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรืออื่น ๆ ส่วนด้านสังคม-เศรษฐกิจ ก็อาจเป็นเรื่องของงาน เรื่องที่ทำงาน การเงิน ที่เข้ามาร่วมกดดัน เป็นต้น


            ขยาย ความกันอีกครั้ง ในช่วงที่ปัญหานี้ชักจะลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ อ.พรชัยแจงไว้ว่า...สาเหตุหรือต้นเหตุที่แฝงอยู่ลึก ๆ ทางด้าน จิตวิทยา


ขณะที่ด้านสังคม-เศรษฐกิจ ที่อาจเข้ามามีส่วนทำให้เกิดการฆ่าคนที่รักได้ด้วยนั้น แม้จะมีสัดส่วนน้อย แต่จะมองว่ามีสัดส่วนน้อยแล้วไม่ให้ความสำคัญ ก็คงจะไม่ได้...


เพราะด้านนี้อาจจะ เป็นตัวกระตุ้นด้านจิตวิทยา อีกที



"เป็นตัวจุดระเบิด" ให้เกิดโศกนาฏกรรมรัก-หึงสยอง !!


          นักวิชาการด้านสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ชี้ไว้อีกว่า...ผู้ชายหรือผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างขาดความอบอุ่น อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด พอแต่งงานมีครอบครัว พอมีแฟน ก็จะทุ่มเทความรักให้กับแฟน ให้กับครอบครัวทุกอย่าง เมื่อเกิดปัญหาอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง บวกกับเกิดความ ระแวง-หึงหวง ภาพทุกอย่างที่เก็บไว้ในอดีตก็จะระเบิดขึ้น เหมือนโลกแตก


ทำให้มืดบอดจนหาทางออกอื่นไม่ได้-ทำให้เกิดการฆ่ากัน !!


            จะ เรียนสูงหรือเรียนไม่สูง...ก็ไม่เกี่ยว มีโอกาสเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ทั้งนั้น !!...อ.พรชัยกล่าวไว้ และยังทิ้งท้ายด้วยว่า...แต่กลุ่มที่มีแนวโน้มสูงที่จะแสดงอาการอย่างนี้ออก มาก็คือคนที่มีปัญหาเรื่องงาน-เรื่องเงิน


            กับ เรื่องเดียวกัน นี้...ผู้เชี่ยวชาญกรมสุขภาพจิต ก็เคยฉายภาพผ่าน สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ ไว้เช่นกันว่า...ปัญหาเรื่องราวของคู่รัก คู่สามี ภรรยา ที่ หึงหวงจนฆ่ากันตาย-ฆ่ากันตายเรื่องชู้สาว นั้น เป็นเรื่องของ อีคิว หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งในช่วงที่มีปัญหาหากใครมีอีคิวมากพอก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามีน้อยก็น่าห่วง ก็อาจจะเกิดปัญหา อาจควบ คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อาจจะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด จนตนเองต้องกลายเป็น ฆาตกร



 


และเมื่อลงมือทำไปแล้ว...ก็อาจ "ฆ่าตัวตาย" ตาม


            ต้องรู้จักฝึกเก็บกันความรู้สึก ต้องเอาชนะใจตัวเราเองให้ได้ ต้องชนะใจผู้ที่ทำร้ายจิตใจเรา ต้องรู้จักการให้อภัย จะเป็นสุดยอดของความสุข...เป็นคำแนะนำเพื่อป้องกันเหตุ หึงโหด-พิศวาสฆาตกรรม


สะท้อนเรื่องนี้ขึ้นมาอีก...มิใช่เพื่อซ้ำเติมรายที่เกิดขึ้นแล้ว


แต่เพราะ รักสยองต้องฆ่า กลายเป็น แฟชั่นมรณะ


ใครตั้งสติไม่มั่น...อาจตามแห่แฟชั่นสยองนี้ก็ได้




 

Create Date : 27 มีนาคม 2553
0 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2553 22:58:21 น.
Counter : 1604 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.