ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการวิเคราะห์วัตถุระเบิด (GT 200, Fido, Ionscan 500 DT)
วัตถุระเบิดก็คือสารซึ่งอาจจะเป็นสารเคมีหรือนิวเคลียร์ก็ได้ที่มีคุณสมบัติสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปได้อย่างรวดเร็วจนเกิดสารใหม่ที่มีความเสถียรมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเกิดพลังงานความร้อนตามมาด้วยแรงกดดันขึ้น ตัวอย่างเช่น TNT (Trinitrotoluene), C-4 (Pentrite), Dynamite และ RDX (RDX หมายถึง Cyclotrimethylenetrinitramine เป็นสารประกอบวัตถุระเบิด) วัตถุระเบิดสามารถจำแนกออกเป็นหลายประเภท โดยแบ่งตาม 1. สารที่เป็นองค์ประกอบของระเบิด 2. วัตถุประสงค์ในการใช้งาน 3. รอบความเร็วของการระเบิด การจำแนกตามรอบความเร็วของการระเบิด (นิยมใช้มากที่สุด) 1) ระเบิดแรงต่ำ Low - Explosive โดยทั่วไปแล้วปฏิกิริยาการระเบิดวัตถุระเบิดประเภทนี้ จะเป็นการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว (deflagration) ทำให้เกิดความร้อนและความดันก๊าซ โดยที่คลื่นกระแทก (shock wave) ที่เกิดจากการระเบิด มีความเร็วในการแล่นผ่านตัววัตถุระเบิดเอง น้อยกว่า 1000 เมตรต่อวินาที่ วัตถุระเบิดที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ได้แก่ ดินปืน 2) ระเบิดแรงสูง High - Explosive โดยทั่วไปแล้วปฏิกิริยาการระเบิดวัตถุระเบิดประเภทนี้ จะเป็นการสลายตัวรวดเร็วของสารระเบิด (detonation) ทำให้เกิดพลังงานที่เกิดความดันก๊าซ และคลื่นกระแทก (shock wave) ที่สูงมาก โดยที่คลื่นกระแทก (shock wave) มีความเร็วในการแล่นผ่านตัววัตถุระเบิดเอง มากกว่า 1000 เมตรต่อวินาที่ วัตถุระเบิดที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ได้แก่ TNT , P.E.T.N. , Dynamite , RDX เมื่อมีการใช้ระเบิดจนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ก็ต้องมีการสืบค้นว่าเป็นระเบิดชนิดใด ใครเป็นผู้ก่อให้เกิดการระเบิด ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีในศาล วงการนิติวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนาเครื่องมือตรวจคัดกรองที่มีความไวและจำเพาะมากขึ้นตามลำดับอย่างน้อยก็เพื่อช่วยให้พนักงานสอบสวนทราบว่าที่เกิดเหตุมีระเบิดและสารอันเป็นวัตถุระเบิดนั้นปรากฏอยู่ที่ไหน กับใครบ้าง อย่างเช่น การปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต่างๆ รวมทั้งบ้านพักอาศัยที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เพื่อค้นหาว่ามีวัตถุระเบิดอยู่หรือไม่ และเนื่องจากเครื่องมือมีความไวมากจึงตรวจพบสารระเบิดได้แม้จะมีปริมาณติดตัวผู้ต้องสงสัยเพียงเล็กน้อยก็จะได้ ผลบวก อุปกรณ์ที่นักนิติวิทยาศาสตร์ใช้ตรวจค้น 1) GT 200 เป็นเครื่องมือค้นหาสสารหรือวัตถุต้องสงสัยเบื้องต้นที่สามารถตรวจได้ทั้งวัตถุระเบิด, ปืนและยาเสพติด แต่เป็นอุปกรณ์ที่มีตำหนิ คือ จะเกิดผลผิดพลั้งได้มากกว่าเครื่องอื่นๆ ลักษณะภายนอก เป็นเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดที่มีลักษณะเป็นกระบอกพลาสติกมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดสำหรับตรวจหาวัตถุระเบิดหรือสารเสพติด มีเสาอากาศเป็นตัวตรวจจับคลื่นและเป็นตัวชี้ทิศทาง ไม่ต้องใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ แต่ใช้ไฟฟ้าสถิตจากตัวผู้ตรวจ หลักการทำงาน ทำงานโดยหลักการการสั่นสะเทือนของโมเลกุลของสารระเบิดหรือสารเสพติด จะให้พลังงานออกมาในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำให้เสาอากาศชี้ไปหาแหล่งกำเนิดพลังงาน
2) Dropex Plus Explosives Detection Unit ตรวจได้แต่สารระเบิดเท่านั้น โดยจะใช้น้ำยาหยดลงไปตรงบริเวณที่สงสัยว่าจะมีวัตถุระเบิดอยู่แล้วนำมาเทียบกับแผ่นมาตรฐานที่มีอยู่ 3) Sabre 4000 ตรวจได้ทั้งสารระเบิดและสารเสพติด โดยเป็นแผ่นกระดาษที่นำไปแปะบริเวณที่สงสัยแล้วนำไปเสียบเข้าเครื่องมือ หากตรวจพบเครื่องก็จะส่งสัญญาณ เครื่องนี้ดีตรงที่ไม่ค่อยมี ผลบวกลวง (False Positive) 4) Fido เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลหน้าจอแต่จะไม่บอกชนิดของสาร ผู้ตรวจต้องดูเป็นว่าเป็นสารระเบิด เช่น ไนโตรเจนหรือระเบิดพลาสติกจริงหรือเปล่า 5) Ionscan 500 DT เป็นเครื่องมือที่ใช้สะดวก พกพาได้ มีความไวขนาดตรวจหาสารระเบิดที่มีปริมาณ ระดับไพโคกรัม (Pycogram) ซึ่งเล็กมากๆ โดยหลักการทำงาน คือ เครื่องจะตรวจหาวัตถุระเบิดจากส่วนประกอบของละอองระเบิด ซึ่งสามารถตรวจหาระเบิดหลายชนิดได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจคัดกรองเบื้องต้นว่าได้ผลบวก คือ พบสารระเบิดแล้ว จะต้องนำวัตถุพยานที่สงสัยจะมีวัตถุระเบิด ไปตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น GCMS หรือ SPME (Solid Phase Micro Extraction) ซึ่งเทคนิค GCMS ที่ไวจึงเหมาะสำหรับวิเคราะห์หาสารที่ได้ภายหลังการระเบิดและมีประโยชน์มากในการตรวจหาสารระเบิดกลุ่มอินทรีย์ แต่ขั้นตอนในการสกัดตัวอย่างอาจได้สารประกอบหลายชนิดที่ส่งผลรบกวนการวิเคราะห์หาสารระเบิดได้ ในขณะที่ SPME จะสามารถช่วยกำจัดสารรบกวนส่วนใหญ่ออกไปได้
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2553 14:45:31 น. |
Counter : 2106 Pageviews. |
|
|
|
แบบนี้นี่เอง