บั้งไฟลาวกับสาวๆตากลม
 
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 สิงหาคม 2549
 
 
***///ว่าด้วยการขับรถในยุคน้ำมันแพงแบบคุณทำได้ ..ง่ายนิดเดียว///***

***///ว่าด้วยการขับรถในยุคน้ำมันแพงแบบคุณทำได้ ..ง่ายนิดเดียว///***
รวบรวมจากหนังสือต่างๆ ประสบการณ์จริงบ้าง เผื่อทุกท่านนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใครมีเทคนิคดีๆก็ช่วยเสริมบ้างนะครับ

เริ่มด้วยการทรมาร...อมยิ้ม..ที่แสนจะน่ารักก่อนช่วงนี้เห็นโดนยึดอมยิ้มอยู่หลายคน ........... แต่ทำไงได้....นิดนึงน่า








จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:16:27 ]


--------------------------------------------------------------------------------










--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

ก่อนอื่นก่อนออกจากบ้านก็ดูแลรักษารถกันเล็กๆน้อยๆบ้าง

การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวัน

การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวัน
การดูแลสุขภาพรถและเช็คสภาพตามกำหนดระยะทาง จะเป็นรายละเอียดต่อจากครั้งที่แล้ว
โดยจะเริ่มต้นที่ระยะการเช็คสภาพรถยนต์ที่ 60,000 กม. เป็นต้นไป
1. ตรวจระดับและคุณภาพของน้ำมันเครื่อง
- น้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
- น้ำมันเครื่องใสเกินไปหรือไม่
- น้ำมันเครื่องมีน้ำปนหรือไม่
- น้ำมันเครื่องสกปรกมากหรือไม่
- น้ำมันเครื่องมีเศษผง หรือเศษโลหะเจือปนอยู่ หรือไม่
2. ตรวจรอยรั่วน้ำมันและอุปกรณ์ในห้องเครื่องยนต์
- ตรวจรอยรั่วของน้ำมันต่างๆ ตามท่อทางเดินหรือสังเกตพื้นรถที่จอดอยู่
- ตรวจความตึงของสายพานปั๊มน้ำ
- ตรวจชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ หลวมคลอนหรือไม่
- ตรวจสายไฟและปลั๊กต่อสายไปหลุดหลวมหรือไม่
3. ตรวจและเติมน้ำหล่อเย็น
- ตรวจท่อน้ำ และการรั่วของน้ำหล่อเย็น
- ตรวจน้ำในหม้อน้ำ ควรต่ำกว่าคอหม้อน้ำ 20 ม.ม.
- เติมน้ำในหม้อพักน้ำไม่เกินขีดบน
- ใช้น้ำสะอาดเติมเท่านั้น อย่าใช้น้ำกระด้าง หรือน้ำด่างแทนน้ำสะอาด
4. ตรวจระดับน้ำมันเบรก และคลัตช์
- ตรวจดูระดับน้ำมันเบรก และคลัตช์ต้องอยู่ในระดับ
- ถ้าน้ำมันต่ำกว่าขีดต่ำสุดให้เติมถึงขีดสูงสุด
5. ตรวจแบตเตอรี่
- ตรวจดูระดับน้ำกรดแบตเตอรี่ต้องอยู่ในระดับ
- ถ้าระดับน้ำกรดต่ำกว่าขีดล่างต้องเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับขีดบน
- ตรวจดูรูระบายอากาศที่ฝาปิดแบตเตอรี่ ต้องไม่อุดตัน
- ขั้วแบตเตอรี่ต้องสะอาด และสายไฟที่มาต่อที่ขั้วต้องแน่น
6. การใช้และการตรวจสอบยาง
- น็อตยึดล้อต้องไม่คลายตัว และกะทะล้อต้องไม่ชำรุด
- ที่เติมลมยางทุกเส้นต้องมีฝาปิดกันสิ่งสกปรกเข้า
7. ตะกั่วถ่วงล้อต้องไม่หลุดจากกะทะล้อ
8. ตรวจสภาพการสึกหรอของดอกยาง
9. ตรวจลมยางด้วยเกจ์วัดลมอย่างน้อยเดือนละครั้ง
10. ตรวจเช็คประจำวันดูลักษณะของยางตอนที่กดลงบนพื้น
11. ตรวจดูการรั่วของลมยางที่จุ๊บเติมลง หรือตามตำแหน่งที่ถูกตะปูหรือสิ่งอื่นฝังอยู่ในเนื้อยาง
12. การเปลี่ยนยางเส้นใหม่ จงใช้ยางที่มีขนาดและโครงสร้าง เหมือนกับยางที่ติดรถมา
และมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน หรือดีกว่า

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:20:46 ]






ความคิดเห็นที่ 2

แล้วคุณก็ต้องเติมน้ำมันใช่ไหม

****เคล็ดลับเติมน้ำมันให้ได้กำไรสูงสุด****

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คุณลองเอารถไปเติมน้ำมันช่วงเวลาระหว่าง ตี 4 ถึง 7 โมงเช้า แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณจะเติมน้ำมัน
บ่อยน้อยลง เพราะเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆ คือช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำมันมีอุณหภูมิต่ำที่สุด ซึ่งมีผลให้มีความ
หนาแน่นมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณเติมน้ำมันช่วงเวลาดังกล่าวในจำนวนเงินเท่าเดิม คุณจะได้น้ำมันเพิ่มขึ้นเอง
อัตโนมัติ โดยเฉลี่ยถึง 1.5 - 2 ลิตร

ส่วนช่วงที่เติมน้ำมันแล้วขาดทุนที่สุดคือช่วง 11.00-17.00 น.









จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:23:57 ]






ความคิดเห็นที่ 3

****อันนี้มาจาก *อย่าขับอย่างเดียว* ครับ

12 วิธีการประหยัดน้ำมันแบบง่ายๆ

ตอนนี้ราคาน้ำมันก็มีวี่แววว่าจะขึ้นต่อไปเรื่อยๆ คนกรุงอย่างเราๆก็ยังคงเดินทางไปไหนมาไหนโดยอาศัย “รถยนต์"” เป็นหลัก ดังนั้นไม่ว่าทางไหนที่จะสามารถประหยัดได้ก็น่าที่จะลองดู

มีวิธีประหยัดน้ำมันแบบง่ายๆ 12 วิธี มาฝากกัน โดยเป็นการรวบรวมจากอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ลองปฏิบัติดูอาจจะช่วยประหยัดได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขั้นตอนการประหยัด ผลที่จะได้รับ
1 เติมน้ำมันหลัง 4 ทุ่ม หรือก่อน 9 โมงเช้าเสมอ อุณหภูมิที่เย็นน้ำมันหดตัวได้ปริมาตรมากขึ้น 2%
2 เติมน้ำมันแค่หัวจ่ายตัดพอแล้ว ถ้าเติมจนเต็มปรี่ ร้อนๆน้ำมันจะขยายตัวระเหยทิ้งที่รูระบาย
3 อุ่นเครื่อง 1 นาทีในหน้าร้อนและ 3 นาทีในหน้าหนาว เครื่องจะได้ไม่ใช้กำลังฉุดมากและการหล่อลื่นจะสมบูรณ์ขึ้น
4 ค่อยๆออกตัวเมื่อรถจอดนิ่ง 1-2 พันรอบ ได้ความนิ่มนวล ประหยัด และลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
5 ควรใช้เกียร์สูงเมื่อรถวิ่งได้ 2500 รอบขึ้นไป การลากเกียร์จะทำให้ชดเกียร์ทำงานจนอายุการใช้งานสั้น
6 เครื่อง 2.0 ลิตรขึ้นไปความเร็วคงที่ที่ทำให้ประหยัด110 กม./ชม. รักษาสเถียรภาพความเร็วทำให้กินน้ำมันน้อยที่สุดขณะรถวิ่ง
7 เครื่อง 1.6 ลิตรขึ้นไปความเร็วคงที่ที่ทำให้ประหยัด 90 กม./ชม. รักษาสเถียรภาพความเร็วทำให้กินน้ำมันน้อยที่สุดขณะรถวิ่ง
8 พักรถสัก 15 นาทีเมื่อขับเกิน 4 ชม.เพื่อให้ลดความร้อน ให้น้ำมันในระบบคลายความร้อนกลับมามีคุณสมบัติที่ดีอีกครั้ง
9 เกียร์ถอยกินน้ำมันมากสุด ควรค่อยๆถอยไม่ต้องรีบ เกียร์ถอยใช้อัตราทดและแรงฉุดมากกว่าทุกเกียร์
10 ก่อนถึงปลายทางสัก 500 เมตรให้ปิด COM แอร์ลดภาระเครื่อง เป่าลมไล่ความชื้นในตู้แอร์และไล่เชื้อราที่อยู่ในนั้นด้วย
11 เช็คลมยางให้สม่ำเสมอทุกๆ 2 อาทิตย์และเมื่อจะออกเดินทางไปต่างจังหวัด ลมยางอ่อนวิ่งได้ช้า ขอบยางสึกมากอายุการใช้งานสั้น
12 พยายามอย่าใส่ของไว้ในรถเยอะ เพิ่มน้ำหนักรถทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้น 20 % ตามระยะทาง


[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]








จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:29:00 ]






ความคิดเห็นที่ 4

อันนี้ยาวหน่อย

เทคนิคการใช้และดูแลรถอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน

จาก บริษัท บางจากปิโตเลียม จำกัด (มหาชน)

หน้า 1-19



เทคนิคการใช้และดูแลรถอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน จากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน เทคนิคการใช้รถและดูแลรถอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราประหยัดน้ำมัน และค่าใช้จ่ายได้มาก บางจาก ฯ จึงได้นำเทคนิควิธีการง่าย ๆ ที่เราคนไทยทุกคนสามารถ ทำได้ทันทีในชีวิตประจำวันมาฝาก เพื่อช่วยประหยัด ทั้งค่าใช้จ่ายของคุณ และค่าใช้จ่ายของชาติ



ยิ่งอ้วนยิ่งเปลือง

รถไม่ใช่โกดังเก็บของ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเก็บไว้กับรถ


เร็วคุณภาพ

เร็วอย่างมีคุณภาพ คือ ความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด หากขับรถทางไกล แล้วชอบซิ่งด้วยความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลองเปลี่ยนมาขับนิ่ม ๆ ที่ 90 ดู นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกปรับแล้วยังช่วยประหยัด


ติดเครื่อง เปลืองแน่

หากชอบเปิดแอร์ นอนเล่น หรือชอบติดเครื่องตอนจอดคอย เพียงครั้งละ 10 นาที เดือนละ 10 ครั้ง นอกจากจะเปลือกน้ำมัน แล้ว น้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมด ซึ่งอาจหลงเหลืออยู่ใน กระบอกสูบจะเป็นตัวการทำให้เครื่องยนต์สึกหรออีกด้วย



ออกเร่ง เบรกดัง พังเร็ว

การออกรถกระโชกกระชาก เลี้ยวอย่างเร็ว เบรกอย่างแรง เป็นฉนวนของอุบัติเหตุได้ง่าย และเป็นวิธีทำลายรถ อย่างได้ผลชะงัด เพราะทั้งเครื่องยนต์ เครื่องส่งกำลัง ผ้าเบรก และยางรถ จะชำรุดสึกหรอได้เร็วขึ้นทันตาเห็นเลย นอกจากนี้หากติดนิสัยชอบเร่งเครื่องแรง ๆ ตอนออกรถสักวันละหลายๆ ครั้ง จะเสียน้ำมันเปล่า ๆ อีก ด้วย



ปิด แอร์ บ้างนะ

รถที่ใช้ แอร์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ร้อยละ 10 ขึ้นไป ถ้าเลือกเปิดได้ เฉพาะเวลาที่จำเป็น เช่น เช้า ๆ เปิดกระจกรับอากาศยามเช้าก็ไม่เลว ลดการใช้แอร์ลงแค่ 10% ของการใช้แอร์ตามปกติ


สูง-สูง ต่ำ-ต่ำ

การใช้เกียร์ควรสัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (ก็เขาสร้างของเขามาอย่างนั้น) ความเร็วสูงยังฝืนลากเกยร์ต่ำ (เกียร์ 1,2) ความเร็วยังต่ำรีบไปใช้เกียร์สูง (เกียร์ 3,4,5) กำลังเครื่องก็ตก เครื่องก็รีบพังก่อนเวลาอันควร
รักคลัตซ์อย่าเลี้ยงคลัตซ์

อย่าแช่คลัตซ์โดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองคลัตซ์ และน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เบรก หรือเบรกมือช่วยแทนดีกว่า เวลาหยุดควรเหยียบคลัต์ การเร่งเครื่องแรง ขณะออกรถโดยยังไม่ปล่อยคลัตซ์ไม่สุด หรือเข้าเกียร์แล้วยังวางเท้าบนแป้นเหยียบคลัตซ์ก็เป็นการ หาเรื่องอุปกรณ์ในระบบคลัตซ์สึกหรอ และเปลืองน้ำมันเปล่า ๆ ด้วย



ไม่ติด ไม่คอย เข้าซอยลัด

วางแผนในการขับรถล่วงหน้า เลือกเส้นทางลัดเพื่อประหยัดเวลา และอารมณ์ที่เสียเปล่า จากรถติด หรือหลงทาง ท่านอาจจะประหยัด ได้มากกว่า


ไม่ “ เบิ้ล “ เอาเท่าไร

ถ้าไม่อยากให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว ก็อย่าเร่งเครื่อง หรือ “ เบิ้ล” น้ำมันโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ขณะจอดอยู่เฉย ๆ เปลี่ยนเกียร์ หรือก่อนดับเครื่องยนต์ จะช่วยให้ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างสูญเปล่า

มองล่วงหน้า รักษาเบรก

เตรียมตัวล่วงหน้าเมื่อจะถึงสี่แยก สัญญาณไฟ หรือป้ายสัญญาณ ช่วยให้ไม่ต้องเบรกอย่างพร่ำเพรื่อ และรุนแรง หรือเสี่ยงการเปลี่ยนช่องทางวิ่งบ่อย ๆ ซึ่งอาจทำใต้องเร่งเครื่องอย่างเร็ว และหยุดอย่างกระทันหัน จะเป็นการประหยัดน้ำมัน และรักษาผ้าเบรก จานเบรกไว้ใช้กันตอปาน ๆ



ยางอ่อน

การสูบลมยางให้เหมาะสมนอกจากจะประหยัด น้ำมันแล้ว ยังทำให้อายุยางยืนยาวขึ้นด้วย

คาร์บูเรเตอร์สกปรก

ไม่มีใครชอบความสกปรก แม้แต่รถ หากใช้รถโดยที่คาร์บูเรเตอร์สกปรกเพียง 10 วัน จะเสียเงินค่าน้ำมันส่วนเกินอีก 210 บาท ไปฟรี ๆ



หัวเทียนบอด

หากหัวเทียนบอด หรือเสื่อมคุณภาพ รถยนต์จะวิ่งได้ระยะทางน้อยลง 0.85 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร ใน 10 วัน คิดเป็นน้ำมันหลายบาท



ไส้กรองอากาศอุดตัน

ดูแลความสะอาดไส้กรองอากาศบ่อย ๆ และหากมีสิ่งอุดตันมาก ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ ได้แล้วอย่าเหนียว


เบรกเสื่อม

ระบบเบรกก็ควรได้รับการตรวจสอบดูแลด้วยเหมือนกัน หากผ้าเบรกเสียดสีจานล้ออยู่เสมอ ( เบรกติด หรือเบรกตาย หรือตั้งระยะไม่ถูกต้อง) จะเป็นผลให้ต้องใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น





น้ำมันเครื่องหมดอายุ

น้ำมันเครื่อง เป็นเรื่องสำคัญของการบำรุงรักษารถ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง น้ำมันเครื่องตามกำหนด และเลือใช้น้ำมันเครื่อง และเกรดให้ถูกต้องกับสภาพเครื่องยนต์ จะลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้นด้วย



แก็สโซฮอล์ 95

“ แก็สโซฮอล์ พลังงานแอการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน” พึ่งพาตัวเองทางเศรษฐกิจ : สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตร ทดแทนการนำเข้าสาร MTBE ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น พึ่งพาตนเองด้านพลังงาน: เป็นพลังงานทดแทนบางส่วน จากเดิมที่ต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศเพื่อนำเข้าน้ำมัน เชื้อเพลิงทั้งหมด พึ่งพาตนเองทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม : ลดการเกิด มลภาวะจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยให้คนไทย เผชิญกับมลภาวะน้อยลง มีสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น









จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:31:02 ]






ความคิดเห็นที่ 5

ยุคประหยัดใช้รถอย่างไร

ภาวะเศรษฐกิจรัดตัวทำให้ใครซึ่งเคยใช้รถขนาดใหญ่ หันมาใส่ใจกับรถคันเล็ก หรือบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
ตลอดจนการใช้งานอย่างถูกวิธี จะเป็นส่วนช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน และค่าสึกหรอลงไปมาก
ลองปฏิบัติตามบัญญัติ 10 ประการ ของการใช้รถในยุค IMF จะช่วยได้มากทีเดียว
1. อย่าออกรถแรงๆ เป็นการทำให้เครื่องยนต์ทำงานรอบจัดสิ้นเปลืองยางและน้ำมันโดยใช่เหตุ
2. อย่าหยุดรถกะทันหัน เป็นการทำให้ระบบเบรกต้องทำงานหนัก
3. อย่าเข้าโค้งแรงๆ หรือเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน เพราะเป็นการทำให้ช่วงล่างต้องทำงานหนัก และยางสึกเร็ว
4. อย่าใช้เกียร์ต่ำเกินไป เป็นการทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานรอบสูง กินน้ำมันและสึกหรอมาก
5. อย่าใช้ยางหน้ากว้างเกินไป ซึ่งมีส่วนช่วยให้รถเกาะถนนดี แต่แรงเสียดทานมากจะทำให้กินน้ำมันมากขึ้น
6. อย่าเติมลมยางมากหรือน้อยไป เป็นการลดทอนอายุของยางเพราะเติมลมมากพื้นที่กลางหน้ายาง สัมผัสพื้นถนนส่วนเดียวไม่เกาะถนน แต่เติมลมน้อยไปมีการเสียดทานสูงยางสึกเร็ว
7. อย่าติดตั้งอุปกรณ์บนตัวถังเพิ่มเติม เป็นส่วนทำให้ต้านลมเวลาใช้ความเร็วสูง โดยเฉพาะตะแกรงบนหลังคา
8. อย่าหยุดรถโดยใช้เกียร์ D และเหยียบเบรก (เกียร์อัตโนมัติ) เป็นส่วนทำให้กินน้ำมันและเปลืองเบรก เพราะเครื่องยนต์ยังคงมีภาวะ การทำงาน เพื่ออกรถขณะที่เบรกต้องทำงานหนัก เพื่อกำจัดแรงม้าให้รถจอดนิ่ง
9. อย่าใช้รถโดยไม่กำหนดเส้นทาง เป็นส่วนช่วยให้ประหยัดน้ำมันและเวลา เพราะไม่ต้องขับรถไม่มีจุดหมาย
10. อย่าบรรทุกน้ำหนักเกินจำเป็น เป็นส่วนทำให้ช่วงล่างและยางรับภาระหนัก ตลอดจนกินน้ำมันมากขึ้น


[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]








จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:34:20 ]






ความคิดเห็นที่ 6

วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมัน

- อย่าเร่งเครื่องอยู่กับที่ ถ้าทำอย่างนี้ 10 ครั้ง จะกินน้ำมัน 50 ซีซี. แทนที่จะวิ่งได้ 350 เมตร
- อย่าออกรถเหมือนรถแข่ง เพราะเปลืองน้ำมันและเครื่องสึกหรอเร็ว ออกรถอย่างกะทันหัน 10 ครั้ง เปลืองน้ำมันมากขึ้น
100 ซีซี. ควรจะวิ่งได้ทาง 700 เมตร

- เครื่องติดอยู่จังหวะเดินเบา เช่นรถติด รอรับคนหรือของเพียง 10 นาที จะเปลืองน้ำมัน 200 ซีซี. ซึ่งควรจะวิ่งได้ระยะทาง
1,400 เมตร

- จงขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ เร่งเครื่อง 10 ครั้ง เปลืองน้ำมันมากขึ้น 50 ซีซี. แทนที่จะ วิ่งได้ทางเพิ่มขึ้น 350 เมตร

- อย่าบรรทุกของหนักโดยไม่จำเป็น เพราะเปลืองน้ำมันมากขึ้น ถ้าบรรทุกของไม่จำเป็น 10 ก.ก. และวิ่งไป 50 ก.ม.
แทนที่จะวิ่งได้ทางเพิ่มขึ้น 560 เมตร จะเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 80 ซีซี.

- จงใช้ความเร็วที่ถูกต้อง เช่น ถนนธรรมดา 40 ก.ม./ช.ม. ถนนไฮเวย์ 80 ก.ม./ช.ม. ถ้าเพิ่มความเร็วจาก 80 เป็น
100 ก.ม./ช.ม. จะเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 6%

- วางแผนการขับรถให้ดี ถ้าหลงทาง 10 นาที จะเสียน้ำมัน 500 ซีซี. หรือเท่ากับระยะทางที่ ควรวิ่งได้ 3,500 เมตร


[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]








จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 16 ส.ค. 49 22:36:10 ]





Create Date : 17 สิงหาคม 2549
Last Update : 17 สิงหาคม 2549 0:38:26 น. 0 comments
Counter : 398 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

บั้งไฟลาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ

[Add บั้งไฟลาว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com