บอกเล่าขั้นตอนและความรู้สึกหลังทำ E-Matrix ตัวช่วยเรื่องหลุมสิว
ไม่รู้จะใส่หมวดไหนดี ใส่หมวด skincare review แล้วกัน ก็เรื่องของผิวเหมือนกันนี่นะ ตอนแรกเราไม่ได้กะเขียนรีวิวที่ไปทำ E-Matrix หรอกค่ะ แต่พอดีมีคนที่อ่านบล็อกเราเค้าสนใจ ก็เลยเอานะ ช่วงนี้ว่างก็เอาสักหน่อย หวังว่าถ้าใครบังเอิญหลงแวะมา หลังอ่านจบแล้วจะได้ประโยชน์และใช้ตัดสินใจอะไรง่ายขึ้นนะคะ จั่วหัวข้อบล็อกไว้ว่าบอกเล่าขั้นตอนและความรู้สึกหลังทำ E-Matrix ที่ต้องบอกว่าเป็นบล็อก'ความรู้สึก' เพราะเราไม่ได้ถ่ายรูปก่อนทำกับหลังทำไว้ คือผิวหน้าเราไม่ได้มีหลุมสิวที่เห็นชัดเหมือนคนอื่น ๆ ที่ถ่ายรูปมารีวิว เพราะฉะนั้นจะคาดหวังให้เห็นรูปแบบโป๊ะ ๆ แล้วอุทาน 'โอ้มายก้อชชช มันช่างแตกต่างอะไรเช่นนี้' แบบคนอื่นเลยก็ไม่ได้ ถ้าใครที่หลงแวะเข้ามาอ่านก็อ่านขำขำไปแล้วกันนะ แหะๆๆ สำหรับ E-Matrix เนี่ย อย่างที่บอกว่าเราสนใจทำเพราะหน้าเราเป็นหลุมสิว จริง ๆ แล้วเราไม่ได้แคร์มากหรอกเพราะหน้าคนเคยมีสิว(หนัก)อ่ะ มันก็ต้องมีบ้างป่ะ จะให้เนียนเหมือนตรูดเด็กเลยมันก็ไม่ใช่ แต่พอเราจะสมัครงานเนี่ย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นอะไรที่'สำคัญ' โดยเฉพาะการสมัครแอร์ กรรมการมีตัวเลือกเป็นพัน คนที่หน้าเนียน ๆ ใส ๆ ภาษาอังกฤษเริ่ดมีเยอะแยะ ทำไมเค้าต้องมาเลือกเราที่ยังไม่พร้อมด้วย? จริงมั้ย? เลือกรูปที่เห็นหลุมสิวชัด ๆ มาให้ดู ไม่เยอะหรอก แต่ก็เห็นใช่มั้ยล่ะ - -;;
ถ้าใครอ่านบล็อกเราที่เล่าเรื่องไปสมัครแอร์ จะรู้ว่าเราโดนกรรมการถามเรื่องหลุมสิวทั้งสองที่เลยค่ะ ทั้ง Orient Thai และ Qatar T___T
ตอนแรกเราอ่ะอยากทำ Fraxel เพราะน้องที่เรียนแอร์ด้วยกันหน้าเค้าใสและเนียนมากกกกกกกก ย้ำว่ามากกกกกกก แบบว่าเนียนกริ๊บเลยอ่ะ (แต่ถ้าส่องไฟดี ๆ ก็จะแอบเห็นหลุมนะคะ แต่ใครสนวะ หน้าสวยขนาดนั้นอิน้องเอ้ย) ด้วยความที่อยากสวยแบบน้อง เอ้ย หน้าเนียนแบบน้องเค้า เราก็เลยเริ่มหาข้อมูลก่อนจะพบว่า E-Matrix นี่ได้ผลเท่ากับทำ Fraxel 3-5 ครั้งเลยทีเดียว สุดท้ายก็เลยมาลงที่ E-Matrix ที่ราคาแพงมหาโหดดดดด =[]=!!! จริง ๆ คลีนิคที่โปรโมชั่นดี ๆ เนี่ยมีเยอะแยะนะคะ เราเห็นสองที่ ๆ ดูเชื่อถือได้และแนะนำเพื่อนให้เช็คดูโปรโมชั่นของทางคลีนิคตลอดคือ รัมภาดา กับ proderma ส่วนตัวเราเลือกทำรัมภาดา คลีนิคที่ถึงแม้จะอยู่ไกลจากบ้านเรา(มากกกก) เพราะตอนนั้นแค่อยากลองทำครั้งเดียวก่อน อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะอ่านรีวิวแล้วคนบอกว่ามันเจ็บ แล้วรัมภาดาสามารถซื้อทำแค่ครั้งเดียวก่อนได้ แต่ proderma ตอนนั้นต้องซื้อคอร์สทีสามครั้ง เราเลยไปรัมภาดาดีกว่า อ๊ะ ๆๆ จะบอกว่าพวกนี้ของปลอมมันมีเยอะนะ จะเลือกทำที่ไหนก็ระวังนิดนึง บางที่บอกเป็น Fraxel แต่เป็น Fine-Scan ก็มี เลือกหาที่ ๆ ไว้ใจได้หน่อย อย่าเห็นแก่ของถูก อย่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
ขอตัดไปที่ขั้นตอนการทำเลยแล้วกันนะคะ 1. ทำความสะอาดหน้า สิ่งที่เราต้องทำก็คือหย่อนตูดและเอนกายนอนบนเตียง พนักงานจะมาเช็ดหน้าและทำความสะอาดหน้าให้ เอาสิ่งสกปรกออกก่อน ทุกคลีนิคต้องทำอยู่แล้วเนอะ ขั้นตอนนี้เราชอบอ่ะ เหมือนได้นวดหน้า เย็น สบายยย อู้ววว 2. ทายาชา ขั้นนี้ก็ชอบค่ะ แบบว่ามีใครมาทำอะไรเย็น ๆ บนหน้าเรา เค้าใช้คอตตอนบัตค่อย ๆ เกลี่ยให้ทั่วหน้า ทาที่ใต้ตาให้ด้วยนะ ตอนแรกเราไม่รู้ว่า E-Matrix สามารถทำใต้ตาได้ด้วย แอบตกใจเล็ก ๆ หลังจากนั้นเค้าก็จะเอาพลาสติกใสมาแปะหน้าเราไว้ เพื่อให้ยาชามันซึมลงผิวและได้ผลเต็มที่ ก็ยังมีกะใจจะถ่ายรูปนะ มีคนบอกว่าหน้าเหมือนเค้กมะพร้าวด้วยอ่ะรูปนี้ 555+
3. เช็ดยาชาออก เอิ่ม... อันนี้บับว่า ตอนเค้าเอาสำลีเปียกมาเช็ดหน้านี่แบบ หน้ามันชาแล้วไง ความรู้สึกมันเหมือนหนังหน้าตัวเองเป็นหนังช้าง มันรู้สึกหนา ๆ อ่ะ บอกไม่ถูก ต้องลองเอง 4. เป่าลม ขั้นตอนนี้สำคัญค่ะ เพราะถ้าหน้าเรามันมีความชื้น เปียก ไรงี้ คุณหมอจะทำเลเซอร์ให้เราไม่ติดอ่ะ เลยต้องเป่าลม ตอนโดนเป่าลมเรานี่นอนขำคนเดียวในใจ รู้สึกได้เลยอ่ะว่าขนตามันกระพือปั่บ ๆๆๆ 5. ทำ E-Matrix ขั้นสุดท้ายคือคุณหมอจะใช้มือดึงผิวเราให้ตึง ๆ แล้วเอาเครื่องมาแนบหน้าเราแล้วเริ่มยิงจึ้ก ๆ ผิวหน้าเราตอนนั้นนี่รู้สึกได้เลยว่าหัวเข็มเล็ก ๆ มันแทงลงไปตอนหมอยิงอ่ะ ขั้นนี้บางทีอาจจะมีการเป่าลมควบคู่ไปกับการทำเลเซอร์ด้วย ถามว่าเจ็บมั้ย? ไม่เจ็บนะ แต่ถ้าโดนซ้ำที่เดิมนี่ก็มีเจ็บบ้าง แต่คือเจ็บแบบทนได้อ่ะ อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความหนาของหน้าแต่ละคน อย่างหน้าเราผ่านสมรภูมิมาเยอะมากไง แบบว่าทั้งเลเซอร์สิวอุดตันที่ฝังในหน้าเป็นร้อยเม็ดก็เคยมาแล้ว แถมตอนกดนี่เจ็บสุดยอด แค่นี้เลยถือว่าจิ๊บ ๆ ไปเลย แถมบางทียังได้กลิ่นหน้าตัวเองไหม้อกต่างหาก กลิ่นเหมือนเตาปิ้งหมูกะทะเลย 5555555+
แค่เนี๊ยะล่ะจ้า ขั้นตอนการทำ E-Matrix
คุณหมอตุ๊กตาที่เป็นคนทำ E-Matrix ให้เราก็น่ารักมากค่ะ ครั้งล่าสุดที่เราไปทำเราก็บ่นให้คุณหมอฟังว่าโดนกรรมการจับไปยืนข้างหน้าต่างตรงที่แสงอาทิตย์ตกแล้วมาส่องหลุมสิว เซ็งมาก คุณหมอก็แบบ ตกใจ จริงเหรอ แล้วก็ยิงให้เราตรงที่เป็นหลุมเยอะ ๆ แถมยังมีการยิงแถมให้ด้วยนะ หมอบอกจะได้สวย ๆ ไว ๆ อิอิ ครั้งที่แล้วก็แถมให้เราซะเยอะเชียว ติดใจ อยากไปทำกับที่นี่อีกเพราะคุณหมอแถมให้เนี่ยแหละ ฮ่า ๆๆๆๆๆ หลังทำเสร็จคุณหมอจะจ่ายยาให้ อย่างที่รัมภาดาจะเป็น skinoren กับอะไรอีกตัวไม่รู้ ไว้ทารอยดำอ่ะ แค่นั้นเอง กลับบ้านได้ ครั้งต่อไปถ้ายายังเหลือก็ไม่ต้องเสียค่ายา
อย่างที่คลีนิคอื่นเห็นว่าจะมีการทำพวกลดรอยแดงหน้าให้เพราะหลังทำหน้าจะแดงมากกกกกกกและโคตรจะแสบอ่ะ แสบแบบเบิร์นนนนสุดยอดดดด ซึ่งที่รัมภาดาเค้าไม่มี ทำเสร็จ กลับบ้านได้เลยซึ่งเราก็ใช่ว่าแคร์นะ ขากลับก็แวะหาของกินเดินเล่นบิ๊กซีบางนาสักหน่อยแล้วค่อยกลับบ้าน ทั้งขึ้นรถไฟฟ้า ลงรถไฟใต้ดิน แหม่ ชิลล์มาก ถามว่าหลังทำหน้าแดงมากเนี่ย แดงขนาดไหน? ก็แดงขนาดนี้เลยล่ะ(รู้สึกว่ากล้องไอโฟนจะทำให้ดูแดงกว่าของจริงนิดหน่อยนะ) เราเอารูปนี้ลง facebook ด้วยนะ เพื่อนเห็นรูปก็มีแต่คนตกใจอ่ะว่าทำไมมันถึงได้แดงขนาดนี้ ไปทำไรมา แพ้อะไร เราก็ได้แต่บอกว่าอ๋อ ไปทำเลเซอร์มานะ 555+ ช่วงวันที่ 2-5 หน้าจะเริ่มตกสะเก็ด ช่วงนี้ก็พยายามเลี่ยงแสงแดดหน่อย วันที่ 2 นี่แนะนำอย่าออกไปไหนเลยจะดีกว่า เว้นแต่ว่าจะเซลฟ์ ขนาดเราแค่เดินออกจากบ้านจะแวะไปหาพ่อที่ที่ทำงานเค้าคนงานที่บ้านยังถาม(แถมทำหน้าตกใจด้วยนะ)ว่าหน้าไปโดนอะไรมา!? แต่หลังวันที่ 3 เป็นต้นไปพวกสะเก็ดเล็ก ๆ มันก้ค่อย ๆ ลอกและดีขึ้นตามลำดับ
ว่าไปแล้วเราเองก็ทำe-matrix มาได้จะ 6 เดือนแล้วนะ นับจากครั้งแรกเลย มาสรุปผลกันดีกว่า เห็นผลดีมั้ย? :: เอาจริงๆ อย่างที่บอกอ่ะว่าหลุมที่หน้าเรามันไม่ได้ลึกมากกกกแบบ เป็นหลุมเป็นบ่อแต่จะเห็นหลุมสิวชัด ๆ ก็ตอนเมื่อกระทบแสงไฟ อย่างหมอตุ๊กตาที่ทำให้เราเค้าดูหน้าเรา เค้าก็บอกว่าดีขึ้นนะ (หมอเค้าจำเราได้เพราะเราชื่อจตุพร แถมวันแรกที่ไปทำเรายังใส่เสื้อสีแดงไปอีก-_- แป่วววว โดนหมอแซวเลย) เค้าบอกว่าถ้าคนอายุน้อยมาทำเนี่ยจะเห็นผลดีมากเพราะหน้ายังสร้างคอลลาเจนเองได้เยอะอยู่มันก็จะเติมหลุมไว ถ้าคนที่อายุเยอะแล้วก็จะเห็นผลน้อยกว่าคนที่อายุน้อย ส่วนตัวเราถามว่ารู้สึกว่าได้ผลมั้ย? ถ้าถามเรื่องความรู้สึกนะเราเฉยมากกก 555+ แต่ที่เห็นชัด ๆ เลยช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังทำก็คือรู้สึกผิวหน้าแน่นขึ้น ฟูขึ้นมานิด แต่สักพักมันก็ชินนะ ส่วนตรงที่รู้เลยล่ะว่ามันได้ผลแน่่ ๆ คือหลุมสิวที่แก้มขวาที่เอารูปให้ดูด้านบนอ่ะ (ซึ่งอิหลุมเนี่ยแหละที่กรรมการมาจ้องหน้าเรา เซ็งมาก) ที่แก้มขวาเราจะมีหลุมนึงที่ลึกมากกระทบไฟก็เห็น โดนเพ่งก็เห็น เราว่ามันตื้นขึ้นซึ่งมันไม่ใช่แค่ 'ความรู้สึก' แน่ ๆ เพราะแต่ก่อนเวลาเรามาส์กหน้า พวกมาสก์โคลนอ่ะ ตอนล้างหน้าโคลนมันจะชอบตกลงไปในไอ้หลุมนี่ ซึ่งเราก็ต้องเอานิ้วถู ๆให้มันออก หลัง ๆ โคลนมันไม่ตกในหลุมละก็รู้สึกได้เลยแหละว่ามันดีขึ้นจริงๆ ผลของ E-Matrix นี่มันไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บนะคะ ต้องใช้เวลา อย่างต่ำ ๆ ก็ 3-6 เดือน กว่าร่างกายจะสร้างคอลลาเลนขึ้นมาเติมผิว จะคาดหวังให้มันเห็นผลชัดเลยก็ไม่ได้ อย่างของเราเพิ่งมารู้สึกเรื่องหลุมสิวก็หลังจากทำครั้งแรกได้ประมาน 5 เดือนแล้วค่ะ (ครั้งที่สองไปทำยังรู้สึกเฉย ๆ อยู่เลยอ่ะ คิดดู)
ค่าเสียหายเท่าไหร่? :: คุณหมอบอกเราหน้าเล็ก ครั้งแรกทำ 150 ช็อตทั่วหน้า รวมค่ายาแล้วก็ประมาน 12,xxx (จำราคาไม่ได้) หลังจากนั้นเราก็ซื้อ 100 ช็อต 9,000 บาท อีกสองครั้ง คุณหมอน่ารักอีกแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะให้ทำทั้งหน้า หมอบอกว่าไม่ต้องหรอก เก็บเงินไว้แล้วเน้นตรงปีกผีเสื้อหรือตรงแก้มทั้งสองข้างก็พอ เพราะหลุมสิวเราอยู่ตรงโซนปีกผีเสื้อ โดยรวมก็ประมาน 30,xxx แอ๊กกกก เป็นลมมมมม
จะทำอีกมั้ย? :: ตอบว่าถ้ามีงบและโปรโมชั่นดีๆ จากทางคลีนิคเราก็จะทำอีกอยากสวยนี่นา E-Matrix มันก็ไม่ได้ช่วยเรื่องหลุมสิวอย่างเดียวด้วย มันกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเรื่องริ้วรอยด้วยเหมือนกัน
อ้อ... นอกเหนือจาก E-Matrix แล้วเราก็จะกินพวกของกินที่มีคอลลาเจน เช่นพวกเครื่องดื่มผสมคอลลาเจนแบบชงหรือแบบสำเร็จตามเซเว่นไรงี้ อะไรก็ได้ที่มันเขียนว่ามีคอลลาเจนน่ะ เรากินเมจิ คอลลาเจน ของญี่ปุ่น เอามาผสมกินกับนม นาน ๆ กินทีเวลานึกออก ครีมบำรุงผิวที่เป็นคอลลาเจนเราก็ไปซื้อมาทา ที่ใช้ก็มีนิติพลขวดเหลือง ๆ ที่เป็น collagen plus a+c กับ คอลลาเจนของพี่ลูกบัว บอกก่อนเดี๋ยวมีคนถาม เอาเป็นว่าจะซื้ออะไรจะใช้อะไรก็ดูที่มันปลอดภัยและมีอย. น่าเชื่อถือน่ะค่ะ คือเราเองก็ไม่รู้หรอกว่ากินกับทาไอ้พวกนี้มันจะได้ผลมั้ย เพราะผลการวิจัยจากทางวิทยาศาสตร์เค้าบอกว่าไม่ได้ผล แต่หลายคนที่กินเค้าก็บอกว่าเออ กินแล้วรู้สึกผิวดีขึ้น ตึงขึ้น อะไรก็ว่าไป ถ้างบถึงจะกินของพวกนี้เสริมได้ก็ไม่ว่ากัน หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่สนใจทำ E-Matrix บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ;)
ความคิดเห็นส่วนตัว :: ถ้าหน้ามีหลุมสิวเยอะ อยากสวย หรือหน้าที่การงานเป็นงานที่ต้องใช้หนังหน้า หรือไม่มั่นใจในตัวเองเพราะหลุมสิว เราอยากบอกว่าถ้างบถึงทำแล้วไม่ลำบากตัวเองและคนรอบข้างก็ทำเห้อออออออ อย่ามัวแต่เสียดายเลย อย่างเราทำ E-Matrix นี่ไม่ใช่ไม่เสียดายเงินนะ แต่ถ้าทำแล้วได้งาน ทำแล้วมันคุ้ม เราทำ ชัดแล้วเปลี่ยน! จบ! อะไรของมันวะ 555+ จบดื้อ ๆ เลย
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 27 มีนาคม 2556 22:30:20 น. |
|
22 comments
|
Counter : 26645 Pageviews. |
|
|