เมื่อระบำกลองชาวนา ปะทะ สตรีกล้า รัวกลองสะบัดชัย

ขณะที่ผมกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนสายเล็กๆ น่ารัก เส้นหนึ่งใน เมืองซูวอน ที่ปลอดจากการจราจรอันคับคั่งอยู่นั้น ฉับพลัน เสียงกลองพื้นเมือง อันหนักแน่น กระหึ่มเร้าที่ดังมาจากฟากฝั่งของ ลานวัฒนธรรมกลางเมือง ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ก็ดึงดูดทั้งหัวใจและ 2 ขา ให้ ย่ำรัว ดิ่งตรงเข้าไปหา จนทันได้รับชม ชุดการแสดงทางวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของซูวอน และดินแดนโสม มายาวนาน !

          บนเวทีกว้างมหรสพตรงหน้า คือ นาฏดนตรี ลีลาการกระหน่ำกลองอย่างสุดมันในอารมณ์ โดยฝีมือ และพละกำลังของเหล่าสุภาพสตรีล้วนๆ โดยมี บุรุษ เป็นเพียงเครื่องเคียง ประกอบฉาก !

             กลองพื้นเมือง2 หน้าแบบ เกาหลี ขนาดใหญ่ รวมไปถึง กลองใบเล็ก ใบน้อย ถูกรัวเป็นจังหวะจะโคน โดยสตรีเหล็ก เสียงกลอง เครื่องดนตรีชิ้นเอกบนเวที ประสานเข้ากับ สำเนียง เครื่องดนตรีประกอบอื่นๆทั้ง ฉาบ ปี่ และเครื่องสาย ได้อย่าง สอดผสาน กลมกลืน จนเรียกเสียงปรบมือเกรียวกราว จากผู้ชมได้เป็นระยะ

ถัดจาก โชว์ กลองสะบัดชัย เวอร์ชั่นสตรีกิมจิ  คลี่คลายลง ผู้จัด แทบไม่ปล่อยให้ คนดูรอบเวที ต้องอารมณ์ค้างเติ่ง เมื่อขบวนแถว นักแสดงระบำพื้นเมืองชาวนานับสิบชีวิต ในชุดผ้าย้อนยุคสีขาวสะอ้าน บนศีรษะประดับหมวกโบราณ ที่มีพู่ระหงยาวกวัดแกว่งไปมา ก็เคลื่อนทัพ สู่หน้าเวทีโยกส่าย รำร่าย พร้อมรัวกลองคู่ใจ ที่ห้อยแขวนอยู่กับตัวก่อนจะเรียก คนดูรอบเวที ให้ไปร่วมร่ายรำ เคียงกันอย่างสนุกสนาน

            พอมองไปที่ประรำพิธี ผมจึงเพิ่งได้เห็น องค์จักรพรรดิและมเหสี (กำมะลอ) กำลังประทับ ทอดพระเนตรการแสดงของ เหล่าไพร่ฟ้าของพระองค์ ด้วยความเกษมสำราญ โอ้ ! ประเทศนี้ ช่างสมจริงสมจังนัก จนอยากยกจอกคารวะ คำนับซัก 3 ที !!

การได้มาเยือน ซูวอน เมืองแห่งวัฒนธรรม ทางตอนใต้ของ โซลจึงนำพา ให้ผมได้มาสัมผัส ฉากแสนประทับใจ อย่างที่ไม่คาดคิด เช่นนี้แหละ !

และในสถานการณ์ความมันเช่นที่ว่า ผมก็ได้แต่จินตนาการต่อว่าหากมี ขบวนเถิดเทิง กลองยาว จากแดนสยามบ้านเรา มาร่วม แจม แบทเทิ้ล ด้วยอีกวงเวทีนี้คงลุกเป็นไฟแน่ๆ ครับ !!