Holden ชวนดู : 28 Weeks Later อีกครั้งที่จะต้องยอมรับว่ามนุษย์น่ารังเกียจขนาดไหน (No Spoiler) อาทิตย์ที่แล้วป่วยทั้งอาทิตย์เลยครับ แบบว่าโรคหัวใจกลับมาเล่นงาน สงสัยบริหารเสน่ห์มากไป หัวใจเลยทำงานหนัก อ่ะล้อเล่น อาทิตย์ที่แล้วพักผ่อนน้อยครับ หัวใจที่อ่อนแอกว่าคนอื่นเค้ามันเลยเล่นงาน หวิว เจ๊บแปล๊บๆ ตลอดเลยครับ แล้วยังมีหวัดมาสมทบอีก แย่ไปใหญ่ เข้าเรื่องดีกว่าครับ ที่จะมาชวนดูวันนี้ก็หนังเรื่อง 28 weeks later ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นภาคต่อของ 28 days later หนังซอมบี้ที่ไม่ใช่ซอมบี้นั่นเอง 28 days later เล่าเรื่องราวของลอนดอนที่ต้องเจอกับฝันร้ายเมื่อเชื้อไวรัสความรุนแรงได้แพร่กระจาย คนที่ได้รับกลายเป็น "ผู้ติดเชื้อ" จะหมดความสามารถในการใช้สมอง ทำตามแรงขับดันด้วยสัญชาติญาณดิบแห่งความแรง ไล่ฆ่าไม่เลือก แต่ที่ทำให้ 28 days later ได้รับการยกระดับไปเหนือหนังแนวนี้ทั่วไป ก็เพราะว่ามันเป็นผลงานกำกับของผู้กำกับสุดแนวอย่าง แดนนี่ บอยด์ ที่เจ๋งสุดๆกับงานด้านภาพ และดนตรีประกอบที่เป็น Brit Techno Pop ที่ทั้งแรง หดหู่ และหงอยเหงาไปในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้นภาพของลอนดอนร้าง หงอยเหงา และน่ากลัว ที่ทรงพลังจนน่าขนลุกทันทีที่ได้เห็นยังเป็นอะไรที่ที่สุดของภาพบนจอหนังที่สื่อไปถึงอารมณ์ได้แรงมาก และแนวคิด มุมมองการมองมนุษย์ในแง่ร้าย ตบหน้าพวกมนุษย์นิยมจั๋งหนับ ของแดนนี่ บอยด์ ที่ว่าซอมบี้ไม่ว่าจะน่ากลัวขนาดไหน แต่ก็ยังไม่ได้ครึ่งของมนุษย์เดินดินอย่างพวกเราเลย และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ดีร้ายแค่ไหน เมื่อได้รับการกระตุ้น มนุษย์ก็พร้อมแสดงออกซึ่งความรุนแรงอย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่จำเป็นว่าจะติดไวรัสหรือไม่ อย่างเช่น พระเอกใน 28 days later นั่นเอง 28 Weeks Later ตามชื่อเรื่องและครับ เล่าเหตุการณ์ 28 สัปดาห์ หลังจากที่มีการกระจายเชื้อในภาคแรก เนื่องจาก "ผู้ติดเชื้อ" ยังเป็นคนอยู่ ดังนั้นพวกนี้จึงขาดอาหารตายภายใน 5 วัน (ผูติดเชื้อในเรื่องนี้ ไม่ใช่ซอมบี้ ดังนั้นจึงมีอะไรหลายอย่างต่างกัน ยังเป็นคนอยู่ ต้องกินอาหาร แต่สัญชาติญาณความรุนแรงข่มไว้เลยไม่หาอาหาร จึงอดตาย นอกจากนั้นการจะฆ่าพวกนี้ก็เหมือนการฆ่าคนทั่วไป ไม่ต้องยิงสมองเท่านั้น อีกทั้งการแพร่เชื้อจะแพ่ให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตเท่านั้น คนที่โดนกัดจนตายจะไม่ลุกขึ้นมาแยกเขี้ยว) 6 เดือนผ่านมา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผูติดเชื้อเหลืออยู่แล้ว ก็ได้เชิญชาวอังกฤษที่อพยพอยู่ที่อื่น ให้กลับมาอยู่ในเขตที่ปลอดภัยแล้วอยู่ในการควบคุม แต่ขณะเดียวกันก็เจอผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง ที่มีลักษณะพิเศษคือติดเชื้อ แต่ยีนในร่างกายยั้บยั้งเชื้อได้ กล่าวอีกในคือเป็นพาหะนั่นเอง การมาของคนคนนี้ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้ออีกครั้ง คราวนี้อยู่ในเขตควบคุมเลย ซึ่งเมื่อเกิดเตการณ์อย่างนี้ จึงมีคำสั่งควบคุมเชื้อโดยการล้างเผ่าพันธุ์ทันที และการฆ่าล้างเมืองนี่เอง ที่ทำให้มีผู้รอดชีวิตกลุ่มนึง ทั้งทหาร นักวิทยาศาสตร์ และเด็ก 2 คนที่มีความสำคัญต่อการแพร่กระจายเชื้อครั้งนี้ต้องหนีให้รอด เป็นธรรมดาของหนังภาคต่อที่จะต้องมีการขยายเรื่องราวในภาคแรก ตอบข้อสงสัยที่ยังค้างคาใจ และที่สำคัญคือการขยาย scale งานให้ใหญ่ขึ้น เรื่องนี้ก็เช่นกันจากที่เหมือนอินดี้ทุนต่ำในภาคแรก แต่ทรงพลังในภาพและเรื่องราว ภาคนี้มาพร้อมภาพที่ใหญ่ขึ้น มีฉากระเบิด ไล่ล่ามากขึ้น มาพร้อมฉากแหวะที่เห็นกันจะๆตรงๆ ระเบิดเลือด สมองไหลคาตา และแน่นอนของขายอย่างลอนดอนร้างก็ยังมาหลอกหลอนในภาคนี้ และมาแบบหลายฉากมากๆด้วย เพียงแต่ว่าอะไรที่มันใหญ่ขึ้นในภาคนี้นั้นมันทำห้เรื่องสนุกขึ้นเยอะ แต่กลับไม่สามารถสร้างพลังฝังลึกให้กับคนดูได้เหมือนภาคแรก ลอนดอนยังเหงา และอ้างว้างเหมือนเดิม แต่กลับไม่ทำให้เกิดอาการขนลุกทันทีที่เห็น เรื่องนี้แม้แดนนี่ บอยด์ไม่ได้กำกับ เป็นแค่ผู้อำนวยการสร้าง แต่ก็รู้สึกได้ถึงอิทธิพลของแดนนี่ บอยด์ที่ยังครอบคลุมทั้งเรื่องอยู่ ทั้งภาพที่เน้นตานักแสดง ,brit techno pop, และที่สำคัญมุมมองด้านมืดของมนุษย์ที่มากันตั้งแต่ฉากแรกเลย (และเป็นฉากที่ดีที่สุดของเรื่องด้วย) แต่น่าเสียดายที่สุดก็ตรงที่บทของเรื่องนี้มันไม่ได้ฉลาดเหมือนภาคแรก เล่นกันตรงๆ และบางครั้งเหมือนพยายามมากเกินไปที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ต่างๆตามมา รวมทั้งแนวคิดต่างๆก็ยังเหมือนพยายามใส่เข้ามาเพื่อให้เป็นหนังอีกระดับหนึ่ง ดูเป็นความพยายามที่ดี แต่มากเกินไป แล้วไหนจะทำลายลักษณะผู้ติดเชื้อรายหนึ่งอีก ที่เหมือนว่ารายนี้จะยังสามารถใช้สมองได้ แล้วมีแรงขับดันแปลกๆในการฆ่าและตามล่าอีกด้วย ถ้าถามผมว่าชอบอะไรที่สุดในเรื่องนี้ ก็คงเป็นที่น้อง 2 คนนั้น ตาสวยทั้งคู่เลย อีกทั้งให้การแสดงที่น่าเอาใจช่วยสุด จ่าดอยด์ก็หล่อล่ำซ้า สการ์เร็ตของโรส เบิร์น ก็สวยหวานน่าทะนุถนอม สรุปก็คือชอบดารานำนั่นเองครับ นอกจากนั้น เสน่ห์ในหนังแดนนี่ บอยด์ก็ยังเป็นสิ่งที่ผมหลงใหล ทั้งภาพแนวๆ และ Brit Pop เหงาๆ รวมทั้งแนวคิด มนุษย์เลวร้ายอีกสะใจพวก dark side อย่างผมสุดๆ (แม้ว่าจะดูพยายามไปนิดก็เหอะ) สรุป ถ้าเป็นแฟนหนังซอมบี้ต้องไม่พลาด ถ้าเป็นแฟนแดนนี่ บอยด์ต้องไม่พลาด ถ้ามองโลกในแง่ร้าย และรังเกียจมนุษย์ต้องไม่พลาด ถ้าชอบหนังลุ้นระทึกต้องไม่พลาด ถ้าชอบ brit techno pop ต้องไม่พลาด ถ้าชอบหนังแวะต้องไม่พลาด นะครับ ปล ถ้าสังเกต จะเห็นว่าแดนนี่ บอยด์ชอบใช้บริการดาราเดิมๆ อย่างยูเวน แมคเกรเกอร์, ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ เรื่องนี้ก็กลับมาใช้ โรเบิร์ต คาไลน์ กับโรส เบิร์น enjoy your day   Create Date : 19 พฤษภาคม 2550 10 comments Last Update : 19 พฤษภาคม 2550 21:04:48 น. Counter : 2753 Pageviews. Share Tweet

น่าดู ๆ   โดย: โสมรัศมี 19 พฤษภาคม 2550 21:31:23 น.

ตอนแรกเห็นเค้าคุยเรื่องนี้กันเยอะใน pantip แต่ไม่เคยสนใจจะคลิกเข้าไปดูเท่าไหร่เลยอ่ะ แต่พอมาอ่านที่เด้งเขียนแล้ว.....โอ้ เขียนได้ดีมากๆ เลย ทำให้พี่อยากดูหนังเรื่องนี้สุดๆ แค่อ่านยังสนุกเลย งั้นตอนนี้ภาคแรกออกเป็น dvd แล้วยังอ่ะ พี่จะไปหาซื้อได้ที่ไหนมั่งเนี่ย ภาคสองเข้าโรงอยู่ใช่ป่าว   โดย: กวางตุ้งหวาน 19 พฤษภาคม 2550 22:25:13 น.

อย่างไรก็ต้องดูเรื่องนี้ เพราะชอบตอนแรกแล้ว คิดอยู่ว่าเมื่อไรมันจะสร้างตอนสองเสียที นี่ก็ได้แล้ว thx ที่มาเล่าความให้ฟังก่อนดู แต่ไม่สปอยเรย ...   โดย: Yoawarat 19 พฤษภาคม 2550 22:50:47 น.

มีเพื่อนไปดู เค้าไม่ค่อยชอบแฮะ ว่าแต่ไม่สบาย หายยังคับ ต้องการคน รักษาหัวใจให้แข็งแรงป่ะ   โดย: Kurt Narris 20 พฤษภาคม 2550 0:04:40 น.

อืมม์ อย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ หนังน่าดูจัง แต่ก็อย่างที่เคยบอกค่ะ ฝนไปดูที่โรงหนังค่อนข้างยากตอนนี้ สงสัยต้องฝากเพื่อนๆ ไปดูเผื่อ เชื่อไม๊ว่าไม่ได้เข้าโรงหนังมาจะสองปีแล้วนะ   โดย: Malee30 20 พฤษภาคม 2550 2:14:03 น.

แนวนี้มักจะได้ดูโดยไม่ตั้งใจเลยค่ะ แต่ว่าถ้าได้เริ่มดูก็จะได้ดู ไปจนจบเลย ... ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครให้หนังเรื่องนี้มาโดยไม่ตั้งใจก็ได้ค่ะ และอาจจะหาเจอตามร้านเช่าหนัง   โดย: JewNid 20 พฤษภาคม 2550 10:24:22 น.

คนพูดถึงเยอะมากกกกกกกก ที่เฉลิมไทย ท่าจะดีแฮะ ^ ^ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เรายังต้องใช้งานมันอีกเยอะค่ะ เจ้าหัวใจเนี่ย   โดย: มันจะดีเหรอคะ 21 พฤษภาคม 2550 2:43:38 น.

จี๊ดที่เพลงประกอบ จำชื่อเพลงไม่ได้ รู้แต่ว่าของ muse หนังเวอร์ชั่นนี้ก็ตื่นตระหนกไปอีกแนว ต่างจากของเฮียแดนนี่ และเราว่าบทมันหลวมโพรกเกินไป   โดย: renton_renton 22 พฤษภาคม 2550 11:23:23 น.

โห..หนังแหวะ ขอผ่านละกันเด้ง ดูหนังจักรๆ วงค์ๆ ดีกว่า ชีวิตมันหดหู่ พอแล้ว.. มิน่ากล้ามเนื้อหัวใจคุณโฮเด้งงงไม่ค่อยทำงาน เจ๊ว่าขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออ๊ะป๊าวว ปล.วันก่อนเห็นอัพเรื่องซวยซ้ำ ซวยซ้อนอะไรซักอย่าง เจ๊กลัวโดนลูกหลงเลยไม่เข้ามา   โดย: โจเซฟิน 22 พฤษภาคม 2550 21:53:26 น.

อิโมเจ็น พูตส์ ที่เล่นเป็นพี่สาว น่าร้ากน่ารัก ส่วนตัวหนังนี่หันมาเน้นแอ็คชั่นมากกว่าภาคแรก เรียกว่าเปลี่ยนโทนกันแบบหัน 180 องศาเลยนะผมว่า... แต่ถึงยังงั้น ฉากที่แอนดี้มุดท่อแอร์ออกมาแล้วเจอทหารกำลังระดมยิงคนแบบไม่เลือกหน้า มันซ้อนทับกับฉากลอนดอนในภาคแรก เพราะตัวละครตกอยู่ท่ามกลางความตระหนกเพราะความไม่รู้เหมือนๆกัน ส่วนเรื่องนี้ ผมว่าหนังไม่ได้แสดงด้านมืดของคนมากมายเท่าไหร่นะครับ เพราะว่าการกระทำของทหาร ผมว่าก็ไม่ได้เกินกว่าเหตุ ก็ไอ้เชื้อนี่ขยายพันธุ์เร็วยังกะแบคทีเรีย แถมคนก็กักรวมอยู่ในที่เดียวอีกต่างหาก - -*   โดย: nanoguy 29 พฤษภาคม 2550 12:56:47 น.