CyberGal666 [ ตอน 12 ]
ความเดิมจากตอนที่แล้ว

Episode XII



“ยินดีต้อนรับสู่สถาบันเทมาเส็ก สถาบันเพื่อการพัฒนาศักยภาพและการลงทุน”

เสียงต้อนรับจากระบบอัตโนมัติ ณ บริเวณเวิ้งประตูทางเข้าด้านหน้าริมถนน รถแท๊กซี่เคลื่อนตัวหายลับไปปล่อยเรายืนมองพิจารณาเข้าไปยังสถาบันแห่งนี้ ภายในแวดล้อมไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้แต่มองไม่เห็นตัวอาคารจากทางเข้า ภายในความร่มครึ้มจึงดูแผงความลึกลับไว้ภายใน....

เราเดินไปยืนในจุดตรวจที่หน้าประตูกระจก เสียงเซ็นเซอร์ที่สแกนบัตรประจำตัวของเราส่งเสียงให้เราได้ทราบว่าถูกตรวจประวัติเรียบร้อยแล้ว ประตูนิรภัยเลื่อนออกโดยอัตโนมัติให้เราเดินเข้าไปและมีกล้องวงจรปิดคอยตรวจสอบเราอยู่ตลอดเวลา ในยุคสมัยนี้ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะสถาบันของเหล่ากลุ่มประเทศพันธมิตรแห่งทุนนิยม

ผ่านจากประตูกระจกด่านแรกเข้ามา เราเดินและขึ้นบันไดหินแกรนิตมาอีกหลายขั้นจนมาถึงจุดตรวจอีกด่านหนึ่ง ผมและคานิซาว่ายืนมองไปยังซุ้มประตูคอนกรีตเปลือยขนาดใหญ่ที่ดูทืบตันและให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ ฉากหลังเป็นท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุมอยู่ไกลๆ ลมพัดใบไม้ปลิวที่เบื้องหน้าพวกเรา.... ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ซึมบนใบหน้า สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วเดินนำผ่านซุ้มประตูนั้นเข้าไป..... เครื่องตรวจวัตถุระเบิดและเอกซเรย์ที่ซ่อนไว้ภายในกำแพงคอนกรีตทำการสแกนผู้ผ่านเข้าออกที่ทางเข้าศูนย์แห่งนี้อย่างรวดเร็ว... หลังจากนั้นเราก็เดินต่อผ่านพื้นหินแกรนิตบล๊อกอย่างหยาบไปอีก 100 เมตรก็ถึงจุดขึ้นรถไฟโมโนเรลที่วิ่งวนรอบศูนย์แห่งนี้


“แม่งหรูว่ะ” ผมเผลออุทานออกมาเมื่อตะลึงกับความอลังการของสถานที่แห่งนี้... อย่างไรก็ตามคานิซาว่าก็ยังนิ่งเงียบ หลังเหตุการณ์เมื่อวานเขาดูเงียบครึมและจริงจังกับเรื่องนี้มากกว่าเดิม...

คาดว่าสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาคงจะเป็นภาพวีดีโอในมือถือเมื่อวันวานและเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซียนคอมพ์อย่างเขา จังหวะนี้ดูเขาระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ไม่แน่ว่าเขาอาจไม่ไว้ใจผมมากขึ้นก็เป็นได้... แต่ในเหตุการณ์แบบนี้บางทีผมก็ไม่รู้จะไว้ใจใครเหมือนกัน โดยเฉพาะการพบกันในโลกสมมติแห่งไซเบอร์... เหตุการณ์หลังจากการนัดเจอกับคานิซาว่าเมื่อวานนี้ยิ่งตอกย้ำความหวาดระแวงให้เพิ่งดีกรีมากยิ่งขึ้น....


..........................................
ค่ำวันศุกร์

หลังจากผมแยกกับคานิซาว่าที่ร้านกาแฟย่านทองหล่อแล้ว ผมก็กลับมานั่งคิดหนักต่อที่ห้องพักถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้มันช่างแปลกประหลาด แต่มันก็ยังชี้ชัดไม่ได้ถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดแม้ศูนย์กลางของเรื่องจะเป็น CyberGal666 ก็ตามที... ยังไงมันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นไปในทางอื่น...

ในค่ำวันนั้น ผมลองเปิดคอมพ์เพื่อลองหาข้อมูลอื่นๆ อีกครั้งหนึ่ง... พอเปิดเครื่องได้ไม่นาน โปรแกรมสื่อสารก็โหลดตัวมันเองอย่างอัตโนมัติ... ด้วยความไม่อยากจะออนไลน์เข้าระบบ ผมรีบจัดแจงเปิดหน้าต่างของตัวโปรแกรมเพื่อเปลี่ยนสถานะให้เป็น offline แต่ยังไม่ทันจะได้เปลี่ยน ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชื่อบุคคลที่อยู่ในวงจรของเรื่องนี้. “ธนา” ผู้หายจากการติดต่อ..

ผมรีบทักทายเพื่อนด้วยความยินดี.. “เฮ้ย นึกว่ามึงโดนจับตัวไปซะอีก เมื่อวานไปหาที่ห้องมึง.. รู้รึเปล่าวะ”

“หวัดดีเบิ้ม.. เออ รู้.. มึงเข้ามาห้องกู” ธนาตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แล้วมึงไปไหนมาวะ กูโทรไปมือถือมึงก็ปิด”
“มือถือเสียน่ะ.. มีไรวะ ทำเป็นตกใจ”
“ไอ้เวร คนเขาตกใจนึกว่ามึงหายตัวไปไหน ตามหากันให้ทั่ว” ผมกล่าวแสดงความเป็นห่วง

“ทำธุระนิดหน่อยว่ะ มึงไปเจอไอ้คานิซาว่า คิติเวรุ มาเหรอวะ”
“โว้ว เรียกซะเต็มยศเลยนะมึง... เออ กูไปปรึกษาเรื่องมึงมา แล้วมึงรู้ได้ไงวะว่ากูไปเจอมันมา... กูก็นึกว่ามึงโดนจับตัวไป…. เออ ห้องมึงติดกล้องแอบถ่ายไว้ด้วยเหรอวะ แล้วส่งไปให้ไอ้คานิซังทำไมวะ มันเครียดตกใจเลยนะเว้ย”
“ตกใจทำไมวะ... ไม่มีอะไรหรอก”.... ธนาทำนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ....
“แล้วเรื่องโน๊ตนั่น มันยังไงวะ” ผมซักถึงเรื่องข้อความในกระดาษโน้ตที่พบเจอในห้องของธนาเมื่อวันก่อน

“อ๋อ โน๊ตที่มึงว่าได้รับจากแป๋มอะไรนั่นน่ะเหรอ.... มึงไม่ได้บอกอะไรละเอียดในเศษกระดาษนั่นนี่หว่า”
“เฮ้ย คนละแผ่นกัน... อันนี้กูเจอที่ห้องมึงนะเว้ย!!” ผมเริ่มงงกับปฏิกิริยาของเพื่อนและเริ่มไม่ไว้ใจในการสนทนาครั้งนี้......


“โน๊ตอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง..... มันเขียนว่าอะไรวะ” ธนาถามกลับ
ผมเริ่มเกิดอาการหวาดระแวงและแกล้งไม่บอกถึงรายละเอียดในข้อความ... “ช่างมันว่ะ กูคงเข้าใจผิดไปเอง... ว่าแต่ว่า เสียงผู้หญิงในโทรศัพท์มึงนี่ใครกันน่ะ.. เด็กหลงผิดเหรอวะ” ผมลองเปลี่ยนประเด็น
“อ๋อ เพื่อนน่ะ.. คงเอามือถือกูไปกดเล่น.. ไม่มีไรมั้ง” ธนาคลายความสงสัยของผมต่อเสียงผู้หญิงลึกลับนั้น

“เออ ค่อยยังชั่วหน่อย... เออ อีกเรื่องคือ มึงได้คุยกับไซเบอร์เกิลรึเปล่านะ ตั้งแต่ที่กูให้มึงคุยด้วยหลายวันก่อนน่ะ”
“ไม่เห็นเจอเลย” ธนาตอบอย่างห้วน... “กูว่ามึงคิดมากไปเองว่ะ... ไม่เห็นจะมีอะไรเลย.... คนในเน็ทมึงจะไปจริงจังอะไรมากว่ะ แค่เห็นว่าออนไลน์ก็น่าจะพอแล้วมั้ง”

ผมนิ่งเงียบและเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจและยังคาใจเรื่องว่าทำไมมันต้องส่งคลิ๊ปวีดีโอเข้าเครื่องของคานิซาว่า... ผมนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับคานิซาว่าเมื่อตอนบ่าย และเรื่องสมมติฐานที่ว่า ไซเบอร์เกิลอาจเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งและสามารถตรวจความเคลื่อนไหวของเราได้ทุกที... แล้วถ้าเกิดว่าคนที่เราคุยด้วยไม่ใช่เพื่อนเรา แต่เป็นคนอื่นที่แอบเข้ามาใช้ชื่อมันล่ะ

“เฮ้ย เดี๋ยวกูไปหามึงที่บ้านละกัน.. อยากคุยไรด้วยหน่อย” ผมบอกธนาเพราะคิดว่าการคุยกันแบบเห็นตัวเป็นๆ น่าจะคลายความสงสัยต่างๆ ได้ดีที่สุด
“อย่าเลย ไม่ค่อยสะดวก ไม่ค่อยสบายว่ะ อยากนอนพัก”
“แล้วมึงหายไปหลายวัน แอนแฟนมึงไม่ว่าอะไรเหรอวะ” .... ผมแกล้งยกชื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมาหลงใหลในตัวเสี่ยหุ้นอยู่พักหนึ่ง.. ซึ่งเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วธนาคารเพิ่งจะยอมรับกับผมว่า จริงๆ แล้วมันเป็นเกย์ และมีแฟนหนุ่มที่เป็นกับตันของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งความลับในเรื่องนี้มีเพียงผมและเพื่อนสนิทของมันอีก 4-5 คนเท่านั้นที่รู้

“อ๋อ ไม่ว่าไรหรอก เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่ว่า โน๊ตที่มึงเจอที่ห้องกูเนี่ย.. คืออะไรวะ”

คำตอบที่ได้รับทำให้ผมรู้สึกไม่ไว้ใจบุคคลที่กำลังสนทนาอยู่ด้วยยิ่งนัก... หรือคนที่เรากำลังคุยอยู่ด้วย ที่ใช้ชื่อว่า “ธนา” จะไม่ใช่ไอ้ธนา จอมประชดแห่งสะพานใหม่.....

“มันเป็นเศษกระดาษใบเสร็จรับเงินที่มึงเขียนว่าให้ช่วยจ่ายค่าไฟให้หน่อยน่ะ”... ผมแกล้งพูดส่งเดช
“อ๋อ... จริงเหรอวะ”....
“เดี๋ยวกูไปนอนดีกว่าว่ะ.. ขี้เกียจเล่นแล้ว ปวดคอยังไงไม่รู้”
“เฮ้ย เป็นไรไปวะ อยู่ๆ ก็ไป.... 55555555555555555555555555”

ผมนิ่งอึ้งอยู่พักนึง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรไปยังเครื่องของธนาดูอีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม... “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก”..... ผมถอนหายใจยาวและนั่งทำใจอยู่ซักพักหนึ่งก่อนจะกดปุ่มปิดไฟที่ตัวเครื่องอย่างไม่สนใจใยดีต่อโปรแกรมที่เปิดใช้อยู่...

ถ้าจะพิสูจน์ความมีอยู่จริง ต้องเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น... ผมคิดในใจ

มองไปนอกหน้าต่าง ปล่องควันที่ด้านบนของตึกสูงที่เบื้องหน้าปล่อยไอจางๆ สีขาวลอยหายไปในอากาศ.. รถไฟลอยฟ้ายังวิ่งในยามค่ำคืนเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสู่สถานีที่ไกลออกไปเหมือนเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจของประเทศนี้.... บนท้องฟ้าเมฆเคลื่อนตัวตามแรงลม เปิดฟ้าให้เห็นดาวจุดเล็กๆ เพียงน้อยนิด... ผมหันไปดึงปลั๊กเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนกดปิดมือถืออย่างเบื่อหน่ายและเอนตัวลงนอนบนเตียงที่ยับย่นอย่างไร้ระเบียบ...

............................................................
ณ สถาบันเทมาเส็ก

รถไฟโมโนเรลขบวนเล็กค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดที่ชานชาลาโครงเหล็กสีเงิน ผมและคานิซาว่าเดินเข้าประตูโมโนเรลพร้อมกับนักศึกษาวัยรุ่นอีกสามคนเข้าสู่ตัวรถ... ประตูรถค่อยๆ เลื่อนปิดและเคลื่อนตัวเลี้ยวเข้าสู่ภายในของศูนย์.. เบื้องล่างของรางเหล็กสีเงินคือสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ที่ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ

“ยินดีต้อนรับสู่สถาบันเทมาเส็ก... อาคารที่เราจะเดินทางไปถึงจะเป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและห้องสมุดสำหรับวิจัย”

เสียงอธิบายเส้นทางในขบวนโมโนเรลชี้แจงให้ผู้เดินทางรับทราบ.... ภาพเบื้องหน้าของเราคืออาคารสูง 5 ชั้นคอนกรีตสำเร็จสีเทาสไตล์ minimalism ด้านหน้าของอาคารเป็นผนังกระจกใสเผยให้เห็นทางเดินภายในและกิจกรรมของทั้ง 5 ชั้น... เพียงชั่วอึดใจจากสถานีแรกที่ด่านทางเข้า รถไฟก็มาจอดเทียบท่าที่สถานีทางเดินที่เชื่อมเข้าสู่อาคารศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ.... ผมหันไปมองหน้าเพื่อนก่อนที่เราจะก้าวเดินพ้นประตูรถไฟเข้าสู่ทางเดินพื้นเหล็กสแตนเลสเจาะรู (perforated) ที่สูงจากพื้นสนามหญ้าด้านล่างประมาณ 5 เมตร มันทอดยาวสู่อาคารที่อยู่ด้านหน้า จุดหมายการเดินทางของเราในวันนี้....

เราเดินเข้าสู่ตัวอาคารและมาหยุดที่โถงต้อนรับหลัก... ภายในที่สูงโปร่งมองขึ้นไปเห็นหลังคากระจกใสด้านบน ด้านหน้าของเรามีผนังกระจกฝ้าอยู่สูงตระหง่าน มีภาพวีดีโอ 3 มิติฉายถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ที่เทมาเส็กมอบให้แก่สังคม.. มันช่างดูยิ่งใหญ่อลังการเสียนี่กระไร... ผมนึกในใจ...

อาคารแห่งนี้มีลักษณะเป็นทรงกลมซ้อนกันสองวงและมีทางเดินที่รอบนอก (corridor)เชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆ ป้ายสัญลักษณ์ที่เป็นกระจกใสแสดงเส้นทางสู่ส่วนต่างๆ ของอาคาร เรามุ่งหน้าตามทิศทางสู่ส่วนของห้องสมุดที่อยู่ที่จุดศูนย์กลางของอาคาร

ภายในอาคารที่ดูทันสมัยตัวพื้นหินแกรนิตสีขาวที่มันวาวตัดกับผนังคอนกรีตสีเทา เจ้าหน้าที่และนักวิจัยที่ทำงานในวันอาทิตย์ยืนสนทนากันภายในบริเวณอาคารอย่างบางตา.... เราเดินจากโถงไปอีกไม่นานก็มาพบกับพื้นที่ห้องสมุดที่ยิ่งใหญ่ของเทมาเส็ก..

ลักษณะการจัดวางภายในห้องสมุดเป็นแบบทรงกลม ชั้นหนังสือต่างๆ ถูกเรียงกันเป็นวงกลมล้อมรอบศูนย์ข้อมูลข่าวสารที่เป็นกลุ่มโต๊ะทรงโค้ง มีจอคอมพิวเตอร์แบบกระจกใสจัดวางเรียงรายเป็นรัศมีเข้าสู่ศูนย์กลางที่ตกแต่งให้เป็นลักษณะแท่นแกนกลางกระจกใสเรืองแสงที่พุ่งขึ้นสู่หลังคากระจกใสทรงกลมที่ด้านบนสุดของอาคาร

“แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งภูมิปํญญาอันทรงพลัง” ผมอ่านป้ายบรรยายสัญลักษณ์ของห้องสมุดแห่งนี้...


คานิซาว่ามองตรงไปยังศูนย์กลางของห้องที่มีศูนย์คอมพ์ตั้งตระหง่านอยู่ เขาล้วงกระเป๋าเสื้อและหยิบเศษกระดาษที่มีตัวเลขรหัสที่ได้จากอีเมล์ประหลาดที่ผมได้รับในวันก่อน
10.107.25.45

เขาเดินนำไปยังศูนย์คอมพ์ที่มีผู้คนใช้บริการอยู่ไม่มากนักและนั่งลงที่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เขาลองกดปุ่มที่แป้นพิมพ์และกระจกใสเบื้องหน้าก็ปรากฏภาพกราฟฟิกของห้องสมุดแห่งเทมาเส็กขึ้น


ยินดีต้อนรับสู่ฐานข้อมูลแห่งสถาบันเทมาเส็ก
Login name : __________________
Password : ___________________


อ่านต่อฉบับหน้า



Create Date : 03 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 23 ธันวาคม 2549 10:05:46 น.
Counter : 377 Pageviews.

9 comments
  


ไม่มีความเห็นเลยพี่.....สำหรับตอนนี้ขณะนี้.....มัน....อยากอ่านต่ออย่างเดียว.....

*** เรื่องราวมันเหมือนกำลังจะเข้าสู่ความจริงบางอย่าง แต่อาจไม่ใช่ความจริง

*** ขอชมนิดนึง....เขียนดีจังเลยตอนนี้
โดย: belittle big (lekkikoo) IP: 61.47.103.67 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:46:42 น.
  
อดเจิมเลย

มาจองที่ไว้ก่อนค่ะ
เย็นๆแว๊ปมาอ่าน
โดย: Michiyo วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:03:39 น.
  

ตอนนี้เขียนได้น่าติดตาม เห็นภาพอลังการงานสร้าง

รออ่านตอนต่อไปด้วยใจระทึก .. ตึก.. ตึก..โป๊ะ !
โดย: .. PONNIPA .. IP: 124.120.10.59 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:25:49 น.
  
อ่ะ อ่ะ มาตามอีกแล้ว ตื่นเต้ลลลล์ ค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:33:01 น.
  
แวะมา แต่ยังไม่อ่าน เพราะตอนนี้ยาว แล้วก็มีธุระด่วนต้องรีบไป
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาอ่านครับผม
โดย: sTRAWBERRY sOMEDAY วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:56:37 น.
  
มาจองที่มั่ง
โดย: rebel วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:24:02 น.
  
อืม...
โดย: Sugar and spice วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:44:31 น.
  
คุณบิ๊กกก บรรยายได้เห็นภาพดีครับ
โดยเฉพาะตอนบรรยายตึก
สนุกขึ้นเรื่อยๆ ครับ
มีคุณค่าทางวรรณกรรมอีกต่างหาก
(พูดเหมือนมีภูมิเลยเนอะ 555 ไม่มีหรอกครับ แต่อ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้น )

โดย: King Of Pain วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:06:12 น.
  
สไตล์ minimalism

เป็นยังไง?

โดย: keyzer วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:48:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biggg
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



my everyday life on EARTH

New Comments
พฤศจิกายน 2549

 
 
 
1
2
4
6
8
9
11
13
14
16
17
18
19
21
22
24
26
27
28
29
30
 
 
3 พฤศจิกายน 2549