ช่วงนี้คงเข้าช่วงสอบของสถาบันการศึกษาของไทยแล้วสินะครับ.. คิดว่าทุกๆ ท่านคงได้ผ่านการเรียนการสอบของประเทศราชนี้กันมาแล้วนะครับ นอกเหนือจากความสนุกสนานในการได้ไปเจอเพื่อนๆ ที่โรงเรียนแล้ว ส่วนใหญ่เราก็จะรู้สึกว่าการเรียนเป็นภาระกรรมที่ต้องเผชิญ และเราก็ไม่ค่อยจะใส่ใจการเรียนซักเท่าไหร่
ที่มองเห็นความแตกต่างระหว่างการเรียนของไทยกับของฝรั่งมีที่เด่นชัดอยู่สองสามอย่าง ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นวัฒนธรรมระดับชาติของเราเลยทีเดียว.. มันพัฒนาให้คนไทยเป็นคนไทยอย่างทุกวันนี้...... อะไรบ้างหนอ
ความไม่ตั้งใจ เวลาเรียนเท่าที่สัมผัสได้คือ เด็กจะเข้าห้องพร้อมกับความว่างเปล่าในสมอง.. เข้าไปเพื่อฟังอาจารย์พูดให้ฟัง เพื่อได้ความรู้ที่จะป้อนสู่สมอง ฟังหรือไม่ฟังก็อีกเรื่อง แล้วเวลาสอบค่อยมาอ่าน มาติว หรือไปเรียนพิเศษ และเท่าที่เคยเห็นพวกฝรั่งเวลามันเรียนจะคอยโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอน คือมีการอ่านหนังสือหรือเตรียมการมาก่อนเข้าห้อง การสอนจะเป็นการขยายความรู้ความเข้าใจ... จะอยากตอบคำถาม ส่วนของเรามักจะหลบหน้าหลบตา ไม่ยอมนั่งหน้า ไม่อยากตอบ เดี๋ยวตอบผิดจะอายเพื่อน
ความขี้โกงทุกห้องสอบจะต้องมีการโกง.. น่าแปลกนะครับที่มันพัฒนากลายเป็นนิสัยประจำชาติไปแล้วสิ.. และคนไทยก็โกงเก่งซะด้วยสิ.. บางวิชานี่แทบไม่ได้ความรู้เลย ได้แต่คะแนนมา
เคยเจอฝรั่งเวลาสอบมันไม่ยอมให้ลอกเลยนะครับ.. จะรู้สึกเหยียดหยามชาวเอเชียมากที่มาชะเง้อคอดู.. มันจริงจังกันมาก ขอบอก
การไม่เห็นความสำคัญของเนื้อหา พูดถึงการเรียน เวลาเข้าห้องเรียนก็ไม่ค่อยฟังอาจารย์เท่าไหร่ ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ถ้าไม่ต้องเช็คชื่อนี่ก็โดดกันกระจาย.. คือต้องบังคับมันถึงจะเรียนกัน แปลกไม๊ครับ..
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เวลารับปริญญานี่จะดีใจกันมาก เหมือนเป็นเทศกาลอะไรซักอย่าง ถ่ายรูปกับเป็นสิบม้วน ญาติมากันตรึม เต็มฮอล.. แต่ที่เคยเห็นประเทศฝรั่งมันไม่ค่อยจะแคร์การรับปริญญาซักเท่าไหร่.. ไม่มีการซ้อม ไม่มีการแต่งตัวภายในชุดครุยเต็มยศ มันใส่ยีนไว้ด้านในเลย.. ถ้ามองกันแบบนี้ก็เหมือนว่า เราให้ความสำคัญกับพิธีการมากกว่าเนื้อหา ส่วนเขาสนใจเนื้อหามากกว่าเรื่องไร้สาระ
ทั้งหมดนั้นถูกพัฒนาต่อมาครับ....- กลายเป็นนักการเมืองที่(อาจจะ)ขี้โกง
- กลายเป็นผู้รับเหมาที่(อาจจะ)ชอบให้คอมมิชชั่นเพื่อได้งาน
- กลายเป็นเจ้านายที่(อาจจะ)ชอบตัดริบบิ้นเปิดงานมากกว่ารายละเอียดของเนื้องาน
- กลายเป็นเจ้าหน้าที่ ที่ทำงาน(อาจจะ)เช้าชามเย็นชาม
- กลายเป็นคนที่สนใจเรื่อง gossip ดารา ผีสางเทวดา ความเชื่องมงาย
- กลายเป็นคนไทย ที่ใช้เทคโนฯ การสื่อสารในการหาคู่ มากกว่าหาความรู้
- กลายเป็นประเทศที่(อาจจะ)ไม่มีนักวิจัย.. ไม่มีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์
- ก็เลยมีคนที่จบปริญญา แต่(อาจจะ)ไม่มีคุณภาพ
- และมีพนักงานที่(อาจจะ)ทำงานได้ไม่ค่อยดี
เพระฉะนั้น ----
มีเหตุ ก็เลย มีผล ตามมา เช่นนี้แล
ต้องงงงงง
นะคร้าบบบบบบบบ
เห็นด้วยเช่นกันนะพี่ท่าน
ปลายทางนิสัยเป็นงัย ก็คงต้องมุดดูต้นทางด้วยนะว่าเคยเป็นอย่างไร