สองสามวันนี้เริ่มมีลมเย็นมาปะทะผิวกายกันแล้วนะครับ.. ก็รู้สึกดีทีเดียว อะไรๆ มันดูสดใสขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ตามจังหวัดต่างๆ นอกเมืองหลวงแห่งนี้คงจะเย็นกว่านี้แน่ๆ แต่ในเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้ อากาศเย็นคงจะเป็นเหมือนสิ่งที่แสดงถึงช่วงเทศกาลวันหยุดและความสุขเล็กๆ น้อยๆ..
เมื่อเริ่มมีลมหนาวนิดหน่อย ก็เริ่มจะได้เห็นการโฆษณาของเบียร์ยี่ห้อนึง ที่จะเอาผ้าห่มไปแจกชาวบ้านไว้แก้หนาว.. เห็นว่าแจกไปล้านกว่าฝืนแล้ว ดูๆ ไป ชาวบ้านต่างจังหวัดไกลโพ้นนี่เขาลำบากยากแค้นกันจริงๆ เลยนะครับ.. หนาวทีก็ไม่มีผ้าห่มหรือเสื้อผ้าหนาๆ ใส่กัน เรื่องเครื่องทำความร้อนคงลืมไปได้เลย.. คืออาจจะเพราะบ้านเมืองเรามันร้อนเสมอ หนาวแว๊ปเดียวเอง... แต่ก็ใช่ว่าทุกที่จะหนาวแล้ว เพราะฟังในวิทยุยังมีให้โอนเงินบริจาคช่วยเหลืออุทกภัยกันอยู่เลย.. แปลกเหลือเกิน
มานั่งคิดๆ ดู บ้านเมืองเรามันทำไมแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ซักที เดี๋ยวพอผ่านหน้าหนาวอันแสนสั้น ก็จะพ้นภัยหนาว (ในบางจังหวัด) และจะเข้าสู่ภัยแล้ง.. รัฐก็จะเอางบประมาณหลายพันล้านไปแก้ภัยแล้ง.. ไม่รู้แก้ไปได้แค่ไหน ไม่นานหลังจากภัยแล้งก็จะเจอภัยน้ำท่วม.... ก็ต้องเรี่ยรายเงินบริจาค และรัฐก็ต้องเอาเงินงบประมาณไปแก้ปัญหาภัยน้ำท่วมอีกหลายพันล้าน... และวนมาสู่ภัยหนาว... และวนไปวนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล..
แล้วทำไมเขาไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุกันนะ แปลกจัง.. จะสร้างที่อ่างเก็บน้ำสำหรับเก็บน้ำตอนหน้าฝน แล้วใช้ตอนหน้าแล้งไม่ได้เลยเหรอ.. แล้วภัยหนาวที่ชาวบ้านไม่มีแม้แต่ผ้าห่มเนี่ย รัฐฯ ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ.. หรือเพราะบ้านเมืองเราคนจนจะจนเสียจนติดดิน.... จนเยี่ยงทาส.. ทำนาก็ไม่ได้กำไร ทำแทบตายปีละหนสองหน ยังไม่พอใช้หนี้ของนายทุนเลย.. พูดไปแล้วก็ไม่รู้จะช่วยยังไงกับปัญหาเหล่านี้... ออกแนวเครียดอีกแว้ว..
ก็น่าจะเรียก หน้าน้ำท่วม กับหน้าแล้งแบบคนสมัยโบราณกันไปเลยนะครับ ง่ายดี ตรงไปตรงมา เพราะเราไม่คิดจะแก้ปัญหาอยู่แล้ว ก็อยู่กับธรรมชาติและปัญหาที่มนุษย์ตัวเล็กๆ พบเจอในโลกใบใหญ่นี้ไปเลยดีกว่า .. ดีเหมือนกัน แต่ก็น่าจะปลูกป่าหรือทำอะไรให้มันเหมือนสมัยโบราณกันไปเลย จะได้ไม่มีน้ำหลากมากมายนัก...
ลาก่อนหน้าน้ำหลาก ...ยินดีต้อนรับสู่ฤดูแล้งครับ...
มากกว่าการเอาอ่างคอนกรีตไปสร้างโดยลดทอนผืนป่าที่มีน้อยอยู่แล้วลงไปอีกนะคะ