เทศกาลฟุตบอลโลกระเบิดแข้งกันไปได้เกือบอาทิตย์แล้วนะครับ.. เห็นบ้านเมืองอื่นที่เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันแล้วก็รู้สึกอิจฉาและพาลให้คิดว่า จะมีบ้างไหมที่วงการฟุตบอลบ้านเราพัฒนาจนมีศักยภาพ
ข้ามกำแพงที่ขวางกั้นทีมอ่อนหัดกับยอดทีมระดับโลกออกจากกันได้
พูดถึงการข้ามกำแพงแล้ว ในชีวิตคนเราก็มีกำแพงต่างๆ ให้เราได้กระโดดข้ามกันอยู่ตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้นะครับ.. สำหรับคนเลวอาจจะคิดกระโดดข้ามกำแพงบ้านชาวบ้านเพื่อเข้าไปขโมยของในบ้านคนอื่นเขา.. คนละกำแพงกันนะครับ.. อันนี้ผมพูดถึงกำแพงสมมติที่มันโผล่มาขวางทางเราเสมอเวลาที่เราเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ
ไอ้กำแพงสมมตินี้มันถูกสร้างขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อคอยกีดกันเราหรือแบ่งแยกเราให้อยู่ในระดับหรืออยู่ในพื้นที่ๆ จำกัด.. บางทีการข้ามกำแพงนั้นก็แสนยาก บางกำแพงนั้นก็แสนจะง่าย และเมื่อเราได้ข้ามกำแพงใดๆ ไปแล้วนั้น เราก็จะข้ามมันได้ไปเรื่อยๆ...
- ในวัยเรียน กำแพงที่ปรากฏให้เราเห็นกันทุกชั้นปีคือการสอบไล่ การจะข้ามกำแพงนี้ก็คงต้องพยายามฝึกซ้อมและขยันหมั่นเพียรจนเข้าใจการข้ามกำแพงไปจนได้
- บางทีกำแพงก็มาในรูปแบบของความกล้า.. เช่นกำแพงแห่งความกลัวที่กดให้เราไม่กล้าข้ามมันไปเพื่อแสดงออกถึงความคิดเห็นต่อหน้าคนอื่น
- กำแพงแห่งวัฒนธรรมบางทีก็โผล่มากดเราไม่ให้ข้ามไปสื่อสารกับคนต่างชาติต่างวัฒนธรรมได้
- กำแพงแห่งความเร็วที่นักแข่งรถหรือนักวิ่งพยายามจะข้ามพ้นขีดจำกัดบางอย่างเพื่อถีบตัวเองให้อยู่เหนือคนอื่น
- ความกลัวในการขับรถมักเกิดกับทุกคนที่เริ่มหัดขับรถ โดยเฉพาะบนถนนในกรุงเทพฯ ก็เป็นกำแพงที่ทุกคนต้องข้าม
- บางทีเราแอบไปชอบใครเข้า กำแพงแห่งความกลัวก็จะถูกก่อขึ้นมาเองจนเราไม่กล้าที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกหรือข้ามกำแพงนั้นไป.. ในการนี้ถ้าอีกฝ่ายมีใจ อาจมีการ
ทอดสะพานเพื่อข้ามกำแพงแห่งคนสองคนและพบเจอกันในอีกพื้นที่หนึ่งได้
- กำแพงแห่งจิตที่คนที่จะข้ามผ่านได้คงต้องเป็นผู้ทรงศีลและข้ามไปสู่มิตินั้นได้
- กำแพงบางทีก็ถูกสร้างขึ้นจากยศตำแหน่งหรือฐานะทางสังคม มันถูกสร้างขึ้นเพื่อกีดกันคนต่างระดับไม่ให้ข้ามกำแพงมาสร้างความรำคาญให้ผู้คนที่เจ้ายศเจ้าอย่างได้
- กำแพงแห่งความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้านายกับลูกน้องบางทีก็เกิดขึ้นเองจากความไม่เป็นกันเองหรือความเคร่งเครียดในสถานที่ทำงาน
และหลายๆ ครั้งสิ่งที่อยู่อีกฝั่งนึงของกำแพงก็ยั่วยวนมากจนหลายคนเลือกที่จะกระโดดข้ามกำแพงไปได้ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ
- บางคนใช้เหล้าเพื่อทำให้ตัวเองลืมว่าเคยอ่อนแอแล้วข้ามกำแพงเหล่านั้นไปแสดงความกล้าต่อหน้าคนอื่น
- บ้างก็ลืมความกลัวด้วยเพราะอีกฟากของกำแพงมันแสนจะหอมหวาน คล้ายๆ กับ
พระกระโดดกำแพง อาหารจีนรสเลิศที่ตั้งชื่อแสดงความเด็ดดวงขนาดที่ผู้ทรงศีลยอมแหกกฎกระโดดข้ามกำแพงไปลิ้มรสนั้น
- กำแพงเบอลินที่กั้นความตึงเครียดก็ถูกทำลายลงไปเพราะคนที่อึดอัดอีกฟากหนึ่งทนความหอมหวานของอิสรภาพไม่ไหว แม้แต่กำแพงหนาๆ ก็ต้านแรงปรารถนาไว้ไม่อยู่
และเมื่อข้ามกำแพงใดๆ ไปแล้ว การข้ามกำแพงนั้นอีกก็คงไม่ยากอีกต่อไป.. แต่มันก็จะมีกำแพงใหม่ๆ ให้เราได้ข้ามเสมออยู่เรื่อยเชียว....
จะว่าไป กำแพงบางอันผมก็ยังข้ามไม่ได้ซักที ไม่รู้ทำไมสินะ... สงสัยต้องไปออกกำลังกายและกำลังใจเพื่อจะข้ามกำแพงบางอย่างให้ได้....