หลายวันแล้วสินะครับที่ผมไม่ได้เขียนบล๊อก... จะว่าไปมันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องทำจนไม่มีอารมณ์มาคิดอะไรเขียน จะเขียนเป็นไดอารี่ก็เกรงว่าจะไม่อยากอ่านกัน...
จะถ่ายรูปอาหารที่ไปกินมาลงก็เกรงใจคนไม่ชอบกิน... เอารูปวิวที่ไปเที่ยวมาลงเดี๋ยวก็จะมีคนบอกว่า ไปที่นั่นอีกแล้วเหรอเนี่ย... จะเขียนวิจารณ์หนังหรือเพลงก็ไม่ค่อยจะวิเคราะห์อะไรแนวๆ นี้อยู่ เดี๋ยวจะเป็นการใช้รสนิยมส่วนตัวเกินไป....จะเอารูปลูกมาลงก็ไม่มี จะถ่ายรูปหมาที่เลี้ยงก็ไม่มีอีก (สรุปแล้ววันๆ ไม่ทำอะไรสนุกๆ เลยเหรอเฮีย)....
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับ เรื่องของเรื่องคือมันหมดมุขจริงๆ... วันก่อนเห็นพี่ท่านคนนึงซึ่งแกนี่ถือว่าเป็นเจ้าแม่แห่งสถาบันบล็อกแก๊งค์เลยนะครับ สมัยที่เจ๊แกอยู่ในช่วงรุ่งเรืองนี่วันนึงแกเขียนทีละเรื่องสองเรื่องกันเลย ลูกค้าของพี่แกก็เยอะแยะเต็มไปหมด แต่ตอนนี้เห็นว่าเบื่อกับการเล่นบล็อกเต็มทน.. ขนาดเจ๊แกเบื่อ แล้วเราจะไม่เบื่อได้อย่างไรกัน
ผมว่าสองปีอาจถือเป็นวิกฤตกาลของการเขียนบล็อกก็เป็นได้ เฉกเช่นเดียวกับการคบหาดูใจใครซักคนที่เขาว่า
7 years itch (7 ปีมีเฮ) แบบว่าพอเจ็ดปีทีก็จะหาเรื่องเบื่อหน่ายทะเลาะตบตีชิ่งหนีตีเขาเขย่าศอกขึ้นเขาพระสุเมรุจรเข้ฟาดหาง ฯลฯ เหวอออ...
เขียนบล็อกมาสองปีก็จะเริ่มหมดมุข ยิ่งคนที่เขียนสม่ำเสมอแบบวันละครั้งหรือสองสามวันครั้งนี่ยิ่งหมดตูดเลยสมัยก่อนจำได้ว่าเวลานึกอะไรออก เช่นนึกเปรียบเทียบอะไรได้เด็ดๆ ก็จะจดหัวข้อเอาไว้ในสมุดโน๊ต พอครบวาระการเขียนก็จะเปิดหาหัวข้อที่คิดไว้ในกบาลแล้วเริ่มบรรเลงเพลงบล็อก... ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเรื่องเด็ดๆ หรือหัวข้อเปรียบเทียบมันๆ มันต้องได้คุยกับเพื่อนและใครๆ เพื่อเป็นการบริหารสมองและความคิด.. เป็นการแลกเปลี่ยนทัศนะทางความคิดเพื่อให้เราได้แคะร่องสมองที่เริ่มตื้นเขินให้เกิดร่องความหยักเฉกเช่นเหล่าท่านปราชญ์แห่งราชวงศ์จิ๋นแห่งโบราณประเทศ.. โอ้ว
จะเรียกว่า
"ถึงจุดอิ่มตัว" ในการบล็อกก็อาจจะใช้ได้นะครับ... คำว่าอิ่มมันต้องนึกถึงเวลาเราสวาปามเอาอะไรเข้าปากไปเยอะๆ.. ประเภทไปกินพวกบุฟเฟ่โออิชิอะไรพวกนั้นหรือหมูกระทะเนื้อย่างเกาหลีหัวละไม่กี่ร้อยแล้วกลัวกินไม่คุ้มก็เลยซัดกันใหญ่... ซัดกันจนเกินงาม ซัดกันจนพุงกาง ซัดกันจนกระเพาะต้องเรียกตัวช่วยให้หัวใจรีบสูบฉีดเลือดเพื่อนำพาเอาออกซิเจนไปช่วยกล้ามเนื้อหน้าท้องให้เร่งมือปฏิบัติการย่อยอาหารที่กินเกินร่างกายจะรับไหวให้คลายความอึดอัดแทบหืดจับลมใส่ และทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อคลายความอิ่มเกินพอดีให้จางหายไป
เมื่อถึงจุดอิ่มตัวร่างกายมันจะไม่อยากรับอะไรอีก ใครชวนไปกินอะไรก็ส่ายหน้าหมดอาลัยตายอยาก แทบจะไม่อยากกลืนอะไรลงไปอีก... จังหวะอิ่มตัวของการกินก็ทำให้สมองขาดอ๊อกซิเจนและมึนๆ คิดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนกันนะ...
- เปรียบเสมือนคนเขียนบล็อกที่ร่างรำมาอย่างสม่ำเสมอมาจนเริ่มเบื่อ
- หรือเปรียบเหมือนคนทำงานกินเงินเดือนที่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานและกลับบ้านมาตอนเย็นเพื่อดูละครน้ำเน่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวันจนเริ่มเบื่อ
แต่คำว่าจุดอิ่มนั้นมันไม่ค่อยจีรังนักสำหรับสัตว์โลกทั่วไป... ถามจริงๆ ว่ามีใครอิ่มไปตลอดกาลบ้างไหม..
กินเข้าไปแค่ไหน อิ่มแค่ไหน ตื่นมาอีกวันก็อึ้งโกะเอาของเสียออกจากร่างกายและก็เริ่มหิวโหยอีกครั้ง... คนที่ว่าอิ่มสุขอิ่มรัก อาการเหล่านี้ก็เป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราวเท่านั้น เวลาผ่านไปความรักที่เคยว่าสุขสมอิ่มเอมก็กลับจางหายไปตามกาลเวลา ทำให้ผู้คนโหยหาความรักใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มกระเพาะแห่งความต้องการที่เป็นพื้นฐานของสัตว์โลก....
โอ้ว ร่ายยาวมาอย่างเมามันราวกับว่านี่มันไม่ใช่จุดอิ่มตัว... หรือพอดีเมื่อครู่ได้ไปอึ้งโกะแล้ว.. ร่างกายเริ่มหิวและเตรียมพร้อมสู่วงจรแห่งการกินต่อไป
Therefore การอิ่มตัวก็เป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราวเท่านั้น... ไม่นานนักเราก็จะหิวอีกครั้ง... same as การหมดมุขที่ก็คงจะหามุขใหม่ๆ มาเล่นกันได้อีก
เอเมน
เราอิ่มตัวจริงๆ นั่นละท่าน
ไม่ได้ตระเวนอ่านบล็อกชาวบ้าน
ใครมาเม้นท์ก็ไม่ได้ตอบเขา ไม่กลับไปเยี่ยมคืนตามมารยาทการบล็อก
หลังๆ นี่เขียนเสร็จก็เผ่น ไปนอกบ้านบ้าง คุยเอ็มติดลมบ้าง
อากาศร้อนๆ ก็อาจจะมีส่วนทำให้คิดอะไรไม่ออก
หมดอารมณ์บล็อกทุกชนิด 555
ท่านเขียนได้โดนใจจริงๆ บล็อกนี้