มิถุนายน 2554

 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
สี่ปีผ่านไป อินเดียเปลี่ยนอะไรเราบ้าง ตอนที่ 3 ว่ากันด้วยแม่บ้านอินเดียและจิปาถะ
คราวที่แล้วพูดเรื่องแฟชั่น มีต่ออีกนิดหน่อย.. แฟชั่นทุกอย่างที่กล่าวมาในตอนที่แล้วเนี่ย เราลองมาแล้วทุกอย่างเลย ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไม่ได้ใส่ก็เก็บ ๆ ไว้ เห็นเค้าเจาะจมูกก็ไปเจาะบ้าง คนอื่นเค้าเจาะกันตามธรรมเนียม แต่เราเจาะเพื่อแฟชั่น เค้าใส่แหวนที่นิ้วเท้าเราก็ใส่บ้าง ข้อเท้าที่นี่ใส่กันสองข้าง เราก็ใส่แต่ใส่ข้างเดียว บางทีเดินไปไหนชอบมีคนแก่ทักบอกว่า อีหนูข้อเท้าหลุดหายไปข้างนึงน่ะ



รูปที่เห็นคือตอนที่ไปเจาะจมูก เจ็บมั่ก ๆ ขอบอก



และจากที่คลุกคลีอยู่กับวงการแฟชั่นอินเดีย (พูดให้ดูเหมือนมืออาชีพนิดนึง) ก็จะพอรู้มาบ้างว่า เมืองไหนบ้างที่เค้านิยมซื้อของอะไร เช่น ถ้าเป็นผ้าไหมทางใต้ต้องไป Mysore หรือ Chennai ถ้าผ้าที่เค้าเรียกกันว่า งานไก่ (chikan works เวลาเค้าออกเสียงเหมือนชิกเก้น อิอิ) ไอ้เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไก่ยังงัย แต่มันจะเป็นผ้าที่เค้าใช้ด้ายปักเย็บบนตัวผ้ารัยงี้ ก็ต้องมาจาก Luck now แล้วก็อื่น ๆ อีก ที่ไม่ได้พูดถึง



ผ้าไหมอินเดีย

ด้านล่างนี้งานไก่ กุ๊ก ๆ (chicken work) เค้าจะปักผ้าประมาณนี้



เบื่อแล้วสำหรับเรื่องแฟชั่น เปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องสวย ๆ งาม ๆ กันต่ออีกดีกว่า
..ถ้าจะถามว่าเวลาเราพูดถึงแม่บ้านอินเดีย จะนึกถึงอะไร.. ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เราจะนึกถึงผู้หญิงอวบ ๆ พุงพลุ้ยหน่อย ๆ กำลังทำกับข้าวหน้ามันเหงื่อหยดติ๋งอยู่ในครัว ข้างหลังก็จะมีพร๊อบนิดหน่อยคือแม่สามียืนชี้นิ้วอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ขอบอก ความคิดนั้นมันเก่าแล้ว เดี๋ยวนี้ผู้หญิงอินเดียพัฒนาขึ้นเยอะ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เมื่อสมัยก่อนเค้าไม่นิยมให้หญิงอินเดียเรียนหนังสือ เพราะโตขึ้นมาก็แต่งงาน อยู่กับสามี คือจะเก็บเงินค่าเล่าเรียนไปจ่ายค่าสินสอดให้ฝ่ายชายตอนแต่งงานว่างั้น และเมื่อก่อนนี้เค้าจะให้ลูกสาวแต่งงานเร็วมาก สิบเจ็ดสิบแปดก็แต่งกันแล้ว แต่เดี๋ยวนี้พ่อแม่รุ่นใหม่นิยมให้ลูกสาวลูกชายเรียนหนังสือเท่ากัน บางคนก็ส่งลูกเรียนถึงปริญญาเอก ปริญญาโทก็มี แต่ก็มีบางคนเรียนจบปุ๊บ ก็แต่งงานเลย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเรียนเพื่ออะไร แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไม อย่างหนึ่งคือเป็นหน้าตาของครอบครัวด้วย เช่นบ้านนั้นลูกสาวจบปริญญาโท ก็จะดูมีหน้าตาหน่อย บ้านนี้จบปริญญาเอก ก็จะยิ่งมีหน้ามีตามากหน่อย รวมถึงเวลาที่ครอบครัวฝ่ายชาย หาผู้หญิงที่จะแต่งงานให้กับลูกชายตัวเอง ถ้าลูกสาวบ้านไหนจบสูงหน่อยก็จะดูดีและมีความสนใจมากเป็นพิเศษ รวมถึงหลังแต่งงาน แม่สามีก็จะได้สามารถคุยกับคนอื่น ๆ ได้ว่า ลูกสะใภ้จบมาสูง และสามารถคุยกับคนอื่นได้อย่างภาคภูมิใจ หญิงบางคนแต่งงานแล้วก็ได้ทำงานก็ดีไปได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ แต่บางคนจบสูง ๆ มา จบปุ๊บแต่งเลย อยู่บ้านอย่างเดียวไม่ได้ทำงานแล้วเป็นงัยคะ.. ก็หน้ามันอยู่ในครัวเหงื่อหยดงัย แต่เดี๋ยวนี้บางคนเค้ามีตัวช่วยแล้ว เช่น จ้างแม่บ้าน จ้างคนทำกับข้าวให้ ก็ไม่ต้องทำเอง สบายไป โดยเฉพาะ ค่าจ้างที่นี่จะถูกกว่าบ้านเรา เช่นแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน เดือนนึงไม่เกินพันบาท ถ้าจ้างคนทำกับข้าวหรือคนขับรถต่อเดือนก็ไม่เกินพันห้า ดังนั้นทุก ๆ บ้านที่นี่ก็จะต้องมีแม่บ้าน (อันนี้พูดถึงคอนโดที่เราอยู่เป็นตัวอย่างนะ)



ทีนี่มีคนทำให้แล้วก็นั่งว่างชิมิ แม่บ้านอินเดียจะทำอะไรดี ก็เลยนั่งคิดถึงเรื่องคนอื่นแล้วก็เริ่มพูดถึงคนอื่นกันมากขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า “กอสซิบ” ซึ่งเราจะเจอแบบนี้ตลอด จริง ๆ เรื่องนินทาชาวบ้านนี่เราก็เป็นนะ แล้วทุก ๆ คนก็เป็น แต่ที่นี่ขอบอก เยอะกว่าบ้านเรา เพราะว่าอะไร เพราะว่าเธอว่างกัน ไม่มีรัยทำ เวลาเจอกันนั่งคุยกันก็ต้องคุยเรื่องคนอื่น มันจะสนุกกว่าคุยเรื่องครอบครัวตัวเอง ไม่มีใครมาเจอกันแล้วเล่าเรื่องครอบครัวตัวเองได้นานเท่าไร จะไม่ค่อยมีคนสนใจ เช่น “นี่เธอเมื่อเช้าชั้นตื่นสาย ทำกับข้าวให้สามีเกือบไม่ทัน เลยรีบมากทำโรตีไหม้ไปสองอัน..” คือเนื้อเรื่องมันดูเหมือนจะตื่นเต้น แต่..ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าเป็น.. “นี่เธอเมื่อเช้าชั้นตื่นสาย แต่ชั้นเห็นสามีบ้านตรงข้ามทำโรตีเองแล้วยัยภรรยายังนอนอยู่เลย..”อะนะ ถ้าเป็นอันนี้เนี่ย จะเริ่มสนุกขึ้น และพวกเธอก็จะเริ่มการสนทนาเกี่ยวกับบ้านนั้น “จริงหรอเธอ เดี๋ยวเย็นนี้ดูอีกนะว่าสามีกลับมาทำโรตีเองอีกหรือเปล่า” เนื้อหาจริงๆ แล้วก็แค่ “สามีทำโรตี” แต่มันจะตื่นเต้นและเพิ่มความสนใจให้กับผู้ฟังมากขึ้นนั่นเอง



อีกอย่างนึงที่แม่บ้านอินเดียทำกันก็คือการเสริมสวย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของหญิงสาวทุกคนทุกประเทศ แต่ที่อินเดียจะมีอะไรที่แตกต่างจากบ้านเราหน่อย คือที่ฮิตกันมากที่สุดและจะเป็นบริการอันดับแรกของทุก ๆ ร้านเสริมสวย คือ “Waxing หรือการแวกซ์ขน” นั่นเอง ซึ่งบ้านเราก็มีบ้างแต่ไม่เยอะ เพราะขนน้อย แต่หญิงอินเดีย “ขนเยอะและหนา” กว่าบ้านเรา (ไม่ติดเรทนะ) ซึ่งการแวกซ์เค้าจะแวกซ์กันทั้งตัวเลยทีเดียว (ยกเว้นบางจุดที่เข้าไม่ถึง ) และจะต้องทำกันเกือบทุก ๆ อาทิตย์ เพราะทำแป๊บ ขนใหม่ก็ขึ้นอีก เราก็เห็นเพื่อนทำ อยากทำบ้าง..บอกขอลองหน่อยได้ไหม เค้าก็แวกซ์ไปหัวเราะไป มันไม่มีขนติดออกมาเลย แต่เราก็ไม่แคร์ อยากทำเฟร้ยถึงไม่มีขนแต่มีตังค์เฟร้ย และอีกอย่างที่นิยมทำกันก็คือ “การกันคิ้วและขนหน้าโดยใช้เส้นด้าย” ที่บ้านเรามีหญิงคนนึงนั่งทำอยู่แถว ๆ เยาวราชถ้าบางคนเคยเห็น ที่เค้าใช้ด้ายเอามาถู ๆ กับหน้า เพื่อกันขนที่หน้า ทำให้หน้าขาวผ่อง ซึ่งที่นี่ขอบอก เป็นบริการปกติของทุก ๆ ร้านเสริมสวย และคนอินเดียทำกันเป็นปกติทุกคน เค้าเรียกว่า threading เราก็นะ ไม่ลองได้งัย เค้าก็อะ อยากทำก็ทำให้ ถึงแม้หน้าไม่มีขน ขนาดคิ้วยังไม่ค่อยจะมีเรย แต่ทำเสร็จแล้วก็เหมือนกับเอาขี้ไคลออกไปก็เลยดูขาวขึ้นนิดนึง ฮี่ ๆ



เปลี่ยนเรื่องดีกว่า นอกจากเรื่องกอซซิบ กับเรื่องเสริมสวยแล้ว เราจะทำอะไรดี อยู่ที่นี่ต้องทำตัวให้ไม่ว่าง ไม่งั้นจะเริ่มฟุ้งซ่านคิดถึงเมืองไทย คิดถึงเพื่อน คิดถึงตลาดน้ำดอนหวาย..คะน้าหมูกรอบ..กระเฉดไฟแดง..เป็ดย่างเอ็มเค.. ฟูจิ.. ฯลฯ (ขอสงบสติอารมณ์แป๊บ................................................) เราก็เลยหาอะไรอื่น ๆ ทำ เช่นตอนนี้ก็มีโยคะบ้าง เรียนเต้นบ้าง ให้ลูกเรียนสเก็ต เรียนวาดรูป เรียนอื่น ๆ ตามที่เค้าชอบ เพราะที่นี่ไม่ค่อยแพงถ้าเทียบกับบ้านเรา ก็เลยเรียนทุกอย่างที่ขวางหน้า จนรู้สึกว่าตอนนี้มันเหมือนมากเกินไปยังงัยไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่เบื่อและอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข..


นอกจากนี้ก็มีเรื่องอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวเรา และบางเรื่องที่ไม่รู้มาก่อนและตอนนี้ก็ได้รู้และได้สัมผัสมากขึ้น อย่างเช่น



- สนใจเกี่ยวกับแวดวง Bollywood อุตสาหกรรมหนังอินเดียมากขึ้น จากที่อยู่เมืองไทยดาราโปรดแอนทองประสม ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Karina Kapoor และจากพี่เคนธีรเดชตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็น Amir Khan อย่างนี้เค้าเรียกเมืองไทยเสียดุลป่าวหว่า

- คนที่นี่เวลาเห็นคนไทยก็จะชอบถามว่า มาจาก Assam หรือ Manipur หรือเปล่า ซึ่งคนทางแถบนั้นหน้าตาจะออกคล้าย ๆ เรา คือตี๋ ๆ หมวย ๆ หน่อย เลยจะมาคล้าย ๆ กับคนไทยที่ออกหมวย ๆ หน่อย ไม่ก็จะถามว่าเป็นเนปาลีหรือเปล่า ประมาณนี้ จนเราบางทีก็เออ ออไป อะ ใช่ก็ใช่วะ โดยเฉพาะถ้าไปซื้อของ ถ้าบอกว่าใช่เผื่อได้ราคาคนอินเดีย แต่ถ้าบอกเราเป็นคนต่างชาติกลัวมานจะบอกราคาสูง (คิดเองเออเอง)




- ที่นี่ถ้าจะฝากเงินมากกว่าห้าหมื่นฝากไม่ได้นะคะ จะต้องมีเอกสารยืนยันที่มาว่าเอาเงินนี้มาจากไหน ถ้าไปปล้นเค้ามาก็ต้องให้คนที่โดนปล้นมายืนยันอะไรประมาณนี้

- คนอินเดียน้ำลายเยอะมากเคยเห็นเวลาเค้าถ่มน้ำลายกันปะ คือแยกไม่ออกเลยทีเดียวว่าเค้าถ่มน้ำลายหรือบ้วนปากหลังแปรงฟัน

- วัฒนธรรม Dowry ของอินเดียที่อยากจะพูดถึง เรื่องนี้ต้องว่ากันยาว เอาไว้จะเขียนเล่าคราวหน้าจ้า





Create Date : 19 มิถุนายน 2554
Last Update : 19 มกราคม 2555 20:27:42 น.
Counter : 6655 Pageviews.

15 comments
  
ตอนเห็นภาพแรกๆคิดว่าถอนฟัน ยังเสียวๆเลย พอเห็นเจาะจมูกก็ยิ่งเสียวกว่าเพราะไม่เคยเห็นที่เขากำลังเจาะ
เจาะจมูกกับสนตะพายต่างกันอย่างไรทราบไหมครับ

เล่าเรื่องได้ดี อ่านเพลินเลยครับ
โดย: อิสวาสุ IP: 98.231.188.19 วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:0:42:00 น.
  
ขอบคุณค่ะ แต่เย้ยยย สนตะพายนี้เค้าใช้กับควายอะค่ะ ความหมายของสนตะพาย -> กิริยาที่เอาเชือกร้อยช่องจมูกวัวควายที่เจาะ ซึ่งเรียกว่าตะพาย, ใช้โดยปริยายแก่คนว่า ถูกสนตะพาย หรือ ยอมให้เขาสนตะพายหมายความว่า ถูกบังคับให้ยอมทําตามด้วยความจําใจ ความหลง หรือความโง่เขลาเบาปัญญา.

จริง ๆ ก็เจาะเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้เอาเชือกร้อยง่ะ
โดย: ปุ๊ก (Moti ) วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:8:13:02 น.
  
ชอบอ่านบล๊อกคุณปุ๊กมากๆ เลยค่ะ เราเป็นคนที่ชอบอินเดียมากๆ ไปมาสี่ห้ารอบแล้ว เลยอยากรู้ว่าคนอินเดียเค้ามีชีวิตอะไรยังไง มาเล่าต่อไวๆ นะคะ
โดย: confetti IP: 124.120.225.122 วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:21:48:54 น.
  
น่าสนใจจังค่ะ เราเคยกรรคิ้วแบบเอาด้วยทำแบบนี้เลยค่ะ เจ็บจนน้ำตาไหลเลย

สักพักมันก็ขึ้นมาตามเดิมอีก ลูกสาวทั้งสองสวยคมมากค่ะ

เราว่าผู้หญิงอินเดีย ตาสวย คมดีค่ะ ชอบอยู่
โดย: หนูริวจัง วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:21:51:11 น.
  
อ่านเพลินดีค่ะ (^_^)
โดย: Punthita IP: 1.46.102.149 วันที่: 22 มิถุนายน 2554 เวลา:14:27:11 น.
  
ในรูปตอนเจาะจมูกพี่ปุ๊กกำมือแน่นเรย แสดงว่าเจ็บมว๊ากกกอ่ะ เรื่องนี้สนุกดีจัง แต่เด๋วจะรอติดตามเรื่อง Dowry อีกนะคะ :)
โดย: น้ำหวาน IP: 202.91.23.2 วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:12:49:20 น.
  
ขอขอบคุณมิตรรักแฟนบล๊อคทุกท่านที่เค้ามาติดตามอ่านน๊าาา

น้ำหวาน..ถูกต้อง เห็นมือป่าวล่ะ เกร็งสุด ๆ เจ็บง่ะ จมูกพี่หนาขนาดเน้.. แล้วจะรีบอัพบล๊อคตอนต่อไปนะจ๊ะ
โดย: Puk (Moti ) วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:10:37:20 น.
  
ฮาตรงที่บอกว่า ถ้าไปปล้นเค้า แล้วจะเอาเงินไปฝาก ต้องเอาคนที่โดนปล้นมายืนยัน
โดย: MR.ITANRICH วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:32:03 น.
  
ถ้าพี่จะบอกว่าปุ๊กมีพรสวรรค์ในการเขียนปุ๊กจะเชื่อพี่มั้ยเนี่ย พี่ว่าปุ๊กน่าจะออก Pocketbook นะ ปุ๊กเขียนได้น่าอ่านและน่าติดตามมาก มาก ขอบอก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวจริงๆ ข้อความลื่นไหลได้ดีไม่มีสะดุด และไม่เกิดความสงสัย รักปุ๊กนะ

โดย: พี่จุ IP: 101.109.145.58 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:12:16:49 น.
  
กรี๊ดดด ขอบคุณค่ะพี่จุ
โดย: Puk (Moti ) วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:18:15:57 น.
  
Amir Khan หล่อค่ะ แต่ตอนนี้ชอบหลานชายเขาแทนแร่ะ แหะๆ
โดย: 1 IP: 27.130.164.140 วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:15:52:40 น.
  
พี่ปุ๊กเจาะจมูกเจ็บไหมอ่ะแล้วถ้าเอาออกมาันจะเป็นรูใหญ่หรือเปล่า
โดย: Patravarin วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:21:11:26 น.
  
Patravarin: เจ็บมั่ก ๆ น้ำลาย เอ้ย น้ำตาไหลเลยละ แล้วถ้าคนจมูกหนาอย่างพี่เนี่ยนะ เวลาเปลี่ยนตุ้มจมูกยากมาก เพราะมันทะลุรูบนแล้วมันหารูล่างไม่ค่อยเจออะ ก็ต้องทิ่ม ๆ ไปเรื่อย ๆ
โดย: Puk (Moti ) วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:23:22:40 น.
  
สนุกมากเลย จะแวะมาอ่านบ่อยๆนะคะ ขอติดตามคะ
โดย: matana IP: 115.67.98.59 วันที่: 3 กันยายน 2556 เวลา:1:33:22 น.
  
ขอบคุณคร่าาาคุณ Matana
โดย: ปุ๊ก (Moti ) วันที่: 5 กันยายน 2556 เวลา:20:55:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Moti
Location :
Chandigarh  India

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 136 คน [?]



Moti เป็นภาษาฮินดี้ แปลว่าอ้วน ซึ่งตรงกับชื่อเล่นของเรา ปุ๊ก จากกรุงเทพ ไปตั้งรกรากอยู่บังกะลอร์เกือบเจ็ดปี ที่บังกาลอร์อยู่ลำพังกับลูก ๆ สองปีเพราะสามีย้ายไปทำงานดูไบ หลังจากนั้นก็ย้ายตามสามีไปดูไบได้สามปี ตอนนี้กลับมาตั้งหลักที่ไทยละจ้า

ขอเกร่นก่อนสำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาอ่าน เรื่องราวและข้อความทั้งหมดใน Blog นี้มาจากความคิดเห็นและประสบการณ์ของเจ้าของ Blog ซึ่งอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจบางคนที่เข้ามาอ่าน ถ้าหากอ่านแล้วรู้สึกไม่ชอบใจก็สามารถกดเครื่องหมาย x ที่มุมบนขวาได้ จะดีกว่าเข้ามาเม้นท์เพื่อก่อกวนนะจ๊ะที่รัก

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ งานเขียนและภาพประกอบในบล็อคนี้เป็นลิขสิทธิ์ตามกฏหมายนะคะ กรุณาอย่าลอกหรือก๊อปปี้ไปใช้ที่อื่นเลยนะค๊า
มาดามภารตะ - Motigang page

Instagram
New Comments