เมษายน 2550

1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
ผิดๆถูกๆกับการออกกำลังกาย -=By หมอแมว=-
ผิดๆถูกๆกับการออกกำลังกาย

ตอนนี้ที่โรงพยาบาลของผมกำลังมีโครงการ "โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ" มีการสนับสนุนแกมบังคับให้คนทุกคนได้มีการออกกำลังกายไม่ว่าจะมีหรือไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าบอกในที่นี้ประโยชน์ของการออกกำลังกายที่พอจะนึกได้ก็คือส่งเสริมสุขภาพร่างกาย และ ลดน้ำหนัก
การส่งเสริมสุขภาพ เป็นการออกกำลังกายที่แพทย์ต้องการให้คนทั่วไปได้ทำกัน เพราะว่าเป็นผลประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว แต่ข้อด้อยคือ คนที่ทำบางคนมักไม่สนใจเพราะว่าไม่เห็นผลในระยะสั้น หรือแม้แต่ระยะยาวบางคนก็นึกไม่ออกว่ามันมีประโยชน์อะไร ... ยกเว้นจะไปเห็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเพื่อนฝูงเป็นโรคนั้นโรคนี่กันไปหมดแล้วแต่ตนเองแข็งแรงอยู่คนเดียว
การลดน้ำหนัก เป็นการออกกำลังที่มุ่งเน้นเรื่องการให้น้ำหนักลด เห็นผลได้เร็ว แต่ข้อด้อยคือ การลดน้ำหนักกับสุขภาพอาจจะไม่ได้ไปด้วยกัน
วันนี้ผมจึงมาคุยเรื่องราวเกี่ยวกับการออกกำลังเพื่อให้ได้ทั้งสุขภาพและรักษาหุ่นไปพร้อมๆกัน...... แต่ก่อนจะไปคุยเรื่องวิธีการออกกำลังกายที่น่าเบื่อและได้ยินกันบ่อย ผมว่าเรามาลองคุยเรื่องที่เข้าใจผิดกันเกี่ยวกับการออกกำลังกายดีกว่า

1. ออกกำลังสามารถลดน้ำหนักได้ / ออกกำลังไม่สามารถลดน้ำหนักได้
ผมเข้าอินเตอร์เนทบ่อยพอที่จะเห็นความเชื่อทั้งสองแบบ ซึ่งความเชื่อทั้งสองเป็นความเชื่อที่ถูกครึ่งนึงผิดครึ่งนึง เพราะถ้าจะให้พูดเต็มประโยคคือ การลดน้ำหนักจะต้องมีการออกกำลังกายและควบคุมอาหารไปพร้อมกัน ส่วนการลดอาหารโดยไม่ออกกำลัง หรือ การออกกำลังโดยไม่ลดอาหาร ต่างไม่ให้ผลดีต่อสุขภาพซ้ำร้ายบางครั้งทำลายสุขภาพเสียอีก
เนื่องจากคนเราที่เดินไปเดินมาต้องการพลังงานอยู่ประมาณ 2000CAL ถ้าออกแรงน้อยก็ต้องกินให้น้อย ถ้าออกแรงมากก็กินให้มากขึ้น แต่ถ้าออกแรงน้อยแต่ดันกินมากก็จะไปสะสมอยู่ในร่างกายกลายเป็นไขมัน
ครับ ไม่ว่าคุณจะกินอะไรก็ตามที่ให้พลังงาน ร่างกายสามารถเอาไปเปลี่ยนเป็นไขมันได้ ไม่ว่าจะกินอาหารพวกโปรตีน แป้งน้ำตาล หรือไขมัน ลงท้ายมันกลายเป็นไขมันหมด และถ้าจะให้เห็นชัดขึ้น ถ้าคุณกินน้ำอัดลมวันละกระป๋อง(มีน้ำตาลทรายประมาณ5ช้อนโต๊ะ) ทุกวันโดยไม่ใช้พลังงานส่วนนี้เลย ภายใน1เดือนจะน้ำหนักขึ้น2กิโล ในหนึ่งปีก็สามารถน้ำหนักขึ้นได้20กิโล
สองปีก่อนผมใช้ชีวิตแบบออกกำลังกายอาทิตย์ละ3วัน วันละ30นาที แต่กินไม่เลือก ... ผลคือน้ำหนักขึ้น10กิโลในหนึ่งปี -_-' นี่ขนาดออกกำลังนะนี่
ดังนั้น การจะควบคุมน้ำหนักให้ดี ต้องทั้งกินและออกกำลังให้พอดีกันครับ
2. เด็กๆอ้วนไม่เป็นไร ตอนเติบใหญ่เดี๋ยวลดไปเอง
เดี๋ยวนี้เด็กอ้วนจ้ำม่ำเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่วนนึงเพราะการเลี้ยงดูที่ตามใจมากขึ้น การที่เด็กเข้าถึงขนมหวานได้ง่ายขึ้น พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ตามใจไม่ขัดใจ รวมไปถึงการละเล่นของเด็กที่ไม่เน้นการใช้กำลังกาย ตั้งแต่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ wii(ออกแรงนิดเดียว) play2 ฯลฯ หรือพวกหมากล้อม Scrabble แตกต่างจากเด็กรุ่นก่อนๆที่เล่นพวกวิ่งไล่จับ แปะแข็ง บอลลูน ซึ่งใช้กำลังกายมาก
จากงานวิจัยชุดหนึ่งของอาจารย์พิภพ จิรภิญโญ กุมารแพทย์ศิริราช ได้ทำการศึกษาเด็กตั้งแต่อยู่ชั้นประถม เรื่อยไปจนถึงมัธยมเป็นเวลาหลายปี ซึ่งก็พบว่าเด็กที่อ้วนตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นก็มีแนวโน้มว่าจะอ้วนต่อไป ซึ่งเป็นการทุบความเชื่อเดิมๆที่ว่าพอเด็กโตขึ้นก็ผอมลงได้เอง
นอกจากนี้เด็กในปัจจุบันยังมีภาวะไขมันในเลือดสูงอย่างน่าตกใจอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน อันเนื่องมาจากการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ... สังเกตนะครับว่าผมไม่ใช้คำว่าอาหารตะวันตก เพราะว่าอาหารของภาคพื้นยุโรปหลายชนิดเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและลดไขมัน ในขณะที่อาหารตะวันออกหลายชนิดเป็นตัวการของไขมันสูงอย่างดี
ในเด็กเราคงควบคุมให้ออกกำลังกายมากไม่ได้ แตที่เราคุมได้คือวินัยในการกิน
(ผมเกลียดเด็กอ้วนเป็นการส่วนตัวครับ เพราะเวลาป่วยมาโรงพยาบาลจะประสบปัญหามาก เด็กอ้วนๆจะแทงเส้นน้ำเกลือยากมาก (ประกอบกับคนที่เลี้ยงมักมีอุปนิสัยตามใจเด็ก พอแทงไม่ได้เด็กร้องก็มักจะโวยวาย)
3. ไขมันที่เกาะในเส้นเลือด เป็นเฉพาะคนอายุมาก
ความเชื่อเรื่องนี้มีอยู่ที่เดิมเชื่อกันว่าเรื่องไขมันอุดตันเส้นเลือดหัวใจและสมองจะพบเฉพาะคนที่สูงอายุ แต่สมัยผ่านชั้นเรียนนิติเวช หรือจากการเข้าประชุมที่มีการผ่าชันสูตรศพ จะพบว่าแม้เป็นคนหนุ่มอายุ20-25ปี ก็สามารถมีไขมันพอกในเส้นเลือดหัวใจได้แล้ว ซึ่งคนที่มีไขมันเกาะในเส้นเลือดเช่นนี้มีแนวโน้มที่อนาคตจะเป็ฯโรคหัวใจและโรคสมองเร็วแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน
4. ไม่มีเวลาออกกำลังกายบ่อย ออกหนักๆวันเดียวก็ได้
ในคำแนะนำทั่วไป ให้ออกกำลังกายสัปดาห์ละ3วัน วันละ30นาที ... บางคนที่บอกว่าตนเองไม่มีเวลา ก็มักจะใช้วิธีออกกำลังกายสัปดาห์ละ1-2วัน ครั้งละหนักๆนานๆ
การออกกำลังกาย สัปดาห์ละ3วัน วันละ30นาที ได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายสัปดาห์ละวัน 180นาทีครับ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
เพราะว่าในการออกกำลังกาย จะมีการสร้างฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการสร้างเสริมการไหลเวียนของเลือด การสร้างเส้นเลือด และฮอร์โมนที่สั่งการให้มีการปรับการหดขยายของเส้นเลือด เจ้าสารพวกนี้มีการไหลเวียนในร่างกายประมาณ2-3วัน ดังนั้นถ้าเราออกกำลังกายสัปดาห์ละวันเดียว ร่างกายจะไม่มีการกระตุ้นให้สร้างสารพวกนี้ ทำให้หัวใจและอวัยวะภายในไม่ได้รับผลดีเท่าที่ควร และการออกกำลังกายในคราวเดียวหนักๆ ก็อาจจะให้ผลเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
5. การทำงานบ้านประจำวันคือการออกกำลังกาย
จริงอยู่ครับที่ว่าการทำงานบ้านในแต่ละวันก็ดีกว่าไม่ทำอะไร แต่ว่าแค่การทำงานบ้านธรรมดา ไม่ถือเป็นการออกกำลังกายที่เพียงพอหรอกครับเพราะหัวใจไม่ได้ทำงานมากพอ (ยกเว้นว่างานบ้านจะหนักจริงๆ) ดังนั้นการที่ทำงานบ้านหรือทำงานในออฟฟิศที่แสนจะปวดเมื่อยตัว ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงเสมอไป
6. อากาศร้อนๆ เหงื่อออกมาก ไม่ต้องออกกำลังกายก็ได้เพราะร่างกายเผาผลาญพลังงานมาก
การที่อากาศร้อนหรือหัวใจเต้นเร็วโดยที่เราไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายอาจจะเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติเล็กน้อย แต่ไม่ได้มากพอที่จะทดแทนการออกกำลังกายได้ครับ ... ดังนั้นถ้าหัวใจเต้นเร็วหรือรู้สึกเหนื่อยจากการ กินชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง อบซาวน่า อากาศร้อน ใส่เสื้อผ้าที่รัดทำให้เหงื่อออก ก็ไม่ได้มีค่าเท่าการออกกำลังกายครับ
7. มีโรคประจำตัว ออกกำลังกายไม่ได้
เป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกายของหลายๆคน ซึ่งความจริงแล้วคนที่มีโรคประจำตัวก็สามารถออกกำลังกายได้แต่อาจจะต้องระวังและออกกำลังกายในระดับที่เบากว่าปกติ อาทิเช่นผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจวาย โรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด ... ถ้าเป็นโรคอยู่แล้วทางที่ดีให้สอบถามแพทย์ก่อนที่จะออกกำลังกาย ซึ่งการเลือกวิธีการออกกำลังกายจะแตกต่างกันไปตามโรคและระดับที่เป็น
โรคประจำตัวบางอย่างก็มีผลต่อการเคลื่อนไหวเช่นกลุ่มข้อเสื่อม ซึ่งก็มีการออกกำลังกายที่พอจะทดแทนหรือปรับระดับได้
ดังนั้นก่อนที่จะพูดคำว่า "ฉันมีโรคประจำตัว ออกกำลังกายไม่ได้" ขอให้อย่างน้อยถามแพทย์ที่ดูแลประจำก่อนครับว่าร่างกายของคุณถึงขนาดที่ออกกำลังกายไม่ได้จริงหรือไม่
8. การกินอาหารหรือยาให้เลือดลมไหลเวียนดี ก็ไม่จำเป็นต้องออกกำลัง
ผู้ป่วยหลายคนไปเชื่อหนังสือพิมพ์หรือเชื่อคำบอกเล่าประเภทที่ว่า การกินอาหารหรือยาที่ทำให้ใจเต้นเร็วเหงื่อออก จะทำให้หัวใจทำงานพอที่จะไม่ต้องออกกำลังกาย
ดังนั้นก็จะเห็นบางคนที่แก้ตัวเรื่องไม่ออกกำลังกายว่า "ตอนนี้กินเหล้าวันละกั๊กเลือดลมพลุ่งพล่านเลี้ยงหัวใจดี ไม่ต้องออกกำลัง" หรือบางคนไปหาซื้อยาลดไขมันกับยาแอสไพรินมากินเอง แล้วบอกว่า "กินยาลดไขมันแล้ว ไม่ต้องออกกำลังกายก็ได้"
เป็นความเชื่อที่ผิดโดยสิ้นเชิงครับ และคงไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอกนะครับ



การออกกำลังกายที่ดี
การออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพในปัจจุบันเราจะเน้นการทำให้หัวใจและปอดแข็งแรง ดังนั้น การออกกำลังกายก็จะเน้นที่การออกกำลังกายแบบaerobic และตั้งเป้าที่การเต้นของหัวใจ

การออกกำลังแบบแอโรบิค aerobic คืออะไร
บางคนเข้าใจไปว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ได้ยินกัน คือการเต้นแอโรบิค .... จริงๆไม่ใช่แค่นั้นครับ การออกกำลังอย่างอื่นก็ถือเป็นaerobicได้
การออกกำลังกายแบบaerobicคือการออกกำลังกายที่เน้นให้ร่างกายใช้ออกซิเจน ... นั่นคือให้มีการเผาผลาญพลังงานอย่างพอดี
ในเวลากล้ามเนื้อใช้พลังงาน กล้ามเนื้อจะเอาออกซิเจนจากเลือดไปใช้เป็นเชื้อเพลิง ได้ของเสียออกมาเป็นน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ถ้าการออกกำลังมากเกินไปเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ทันก็จะทำให้กล้ามเนื้อใช้พลังงานจากแหล่งอื่นนอกจากออกซิเจน ซึ่งเราเรียกว่ากระบวนการAnaerobic ซึ่งจะได้ของเสียเป็นกรดแลคติกซึ่งมาทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ดังนั้นการทำงานทุกชนิดที่มีการขยับกล้ามเนื้อ จึงเป็นการใช้พลังงานแบบaerobic (ส่วนจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงใดเดี๋ยวจะว่ากันต่อ)
แต่หากการเคลื่อนไหวนั้นใช้กำลังเยอะเกินความสามารถของเส้นเลือด ก็จะเกิดการใช้พลังงานแบบAerobic... ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพและร่างกายนัก

ใช้เกณฑ์อะไรในการวัดการออกกำลังกาย
การบอกว่าออกกำลังกายด้วยวิธีไหนหรือถึงจะดีต่อสุขภาพนั้นไม่มีเกณฑ์ตายตัวเพราะว่าแต่ละคนนั้นมีสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งอายุ โรคประจำตัว ความฟิตเดิม ดังนั้นการออกกำลังที่ใช้ได้กับคนนึงอาจจะไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่ง การวัดหรือหลักเกณฑ์ที่ใช้ได้ทั่วไปจึงเป็นเรื่องการวัดอัตราเต้นของหัวใจ

ครั้งถัดไปผมจะมาเล่าวิธีออกกำลังกายและการจัดระดับการเต้นของหัวใจเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพครับ






Create Date : 02 เมษายน 2550
Last Update : 2 เมษายน 2550 18:14:49 น.
Counter : 3758 Pageviews.

8 comments
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะคะ

เพิ่งออกกำลังกายมาได้สัปดาห์นึงค่ะ 6 วันติดกัน เว้นวันเดียว วันละ 45 นาที ( เต้นแอโรบิค ) คงไม่มากเกินไปใช่มั๊ยคะ

โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:18:36:08 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆที่นำมาแบ่งปันให้ทราบ


โดย: gripenator วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:22:17:11 น.
  
ชอบข้อมูลชุดนี้มากครับ

เรื่องการออกกำลังกายนี่ ผมได้เพียรบอกแฟนผมตลอดเวลาว่า มันดีอย่างงั้นดีอย่างโน่น... เธอเฉยๆครับ จนต้องบอกว่า ออกแล้วหุ่นจะเพียวงาม ผิวพรรณสดใส ที่สำคัญคือน้ำหนักลด.. และแล้วเธอก็ไปซื้อจักรยานแบบในฟิตเนตมาปั่นครับ (ทั้งๆที่มีจักรยานปั่นอยู่แล้ว) ดีที่ว่ามีตัวบอกระยะ บอกเวลา ที่สำคัญบอกว่าเผาแคลอรีไปเท่าไหร่แล้ว ผมหวังว่าเธอคงจะปั่นมันนานๆครับ

ส่วนผมน่ะเหรอครับ ทุกวันนี้ จ-ศ ปั่นจักรยานแล้ววัด ฮาร์ทเรด ให้อยู่ในระดับ แอโรบิกซัก 45 นาที ครับ (แต่ระยะเวลาปั่นจักรยานจริงๆแล้วร่วม 2 ชม.) บังเอิญว่าผมชอบจักรยานเป็นทุนเดิมอยู่น่ะครับ

แต่ขอเสียของผมมีอยู่อย่างเดียวคือขี้เกียจพกขวดน้ำขณะปั่นน่ะครับ มีคนตำหนิผมหลายคนแล้วเรื่องไม่ชอบจิบน้ำขณะปั่น (ผมเคยปั่น 2 ชม. ไม่กินน้ำเลยซักหยด) เคยอ่านเจอมาว่า สมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบมิใช่น้อย ดังนั้นเวลาขาดน้ำอย่างแรง สมองอาจจะปวดตึ๊บขึ้นมาได้ ทุกวันนี้ก็แก้ไขด้วยการแวะเซเว่นเอา
โดย: merf1970 วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:22:45:19 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ...ได้เรียนรู้อีกเยอะเลยค่ะ
โดย: จันทร์สวย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:3:40:55 น.
  
จำหน่ายอาหารเสริมสำหรับนักเพาะกาย สินค้าที่จำหน่ายคือ
1. Optimum Whey Protein 5 ,10 Lbs.
2. Optimum Weight Gainer 12 Lbs.
3. Optimum Creatine 600 g.
4. Optimum Amino acid 325 Tabs
5. Optimum Glutamine 240 capsules
6. Optimum thermocut 100 caps (สูตรเดียวกับ Hydroxy cut)
******ราคาไม่แพงน่ะครับ

ผมไม้ได้เป็น MLM สำหรับฟิตเนส อาหารเสริม นะคับไม่ต้องกลัวหรอกสั่งมาจากอเมริกา
หลายคนรู้ดีว่าโปรตีน คือ สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนนั้นมีอะไรบ้าง “หางนม” หรือ whey แหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์แบบ เป็นแหล่งรวมอะมิโนแอซิด หน่วยย่อยของโปรตีนที่สามารถดูดซึมไปใช้ในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และย่อยง่าย จากการศึกษาพบว่ากลุ่มนักกีฬาและนักเพาะกายจำเป็นต้องได้รับโปรตีนในปริมาณมากกว่าคนปกติทั่วไป ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงนิยมใช้ “โปรตีนจากหางนม” (whey protein) ช่วยในการเพิ่มสมรรถนะของร่างกายทั้งก่อนออกกำลัง ขณะออกกำลังและหลังออกกำลัง ด้วยประสิทธิภาพของตัวมันเอง ปัจจุบันจึงมีผู้นำมาใช้ในแง่ของการบำรุงสุขภาพ เสริมสร้างร่างกายและการฝึก ทำไม whey protein จึงน่าสนใจนัก? ในขั้นตอนของการผลิตเนยแข็ง (cheese) ของเหลวใสซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการแปลงนมให้กลายเป็นเนยแข็ง คือหางนม แหล่งรวมโปรตีนมากมาย ซึ่งเรียกว่า “โปรตีนจากหางนม” หรือ “whey protein” ที่น่าสนใจมากไปกว่านี้คือ เราได้อะมิโนแอซิดจำเป็น ทั้ง 8 ชนิด ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้จาก whey protein นอกจากนี้ยังพบ branched – chain –amino acids (BCAAs) คือ leucine , isoleucine และ valine ทั้ง 3 ตัว มีความสำคัญในการช่วยฟื้นฟู เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ดี
whey มีส่วนประกอบมากมาย โดยโปรตีนหลักที่อยู่ในนั้น คือ lactalbumin ซึ่งมีปริมาณมากกว่า 90% ของโปรตีนทั้งหมด และตัวโปรตีนรองก็คือ lactoglobulins จากการศึกษาพบว่าโปรตีน lactalbumin มีอะมิโนแอซิด ที่นักกีฬาทุกคนต้องการ นั่นก็ คือ BCAAs ในปริมาณสูง และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ด้วยการเพิ่มระดับของ glutathione ซึ่งเป็นสารต้าน ออกซิเดชั่น (anti oxidation) ที่สังเคราะห์เองได้ในร่างกาย ในการทดลองวัดหาปริมาณโปรตีนที่อยู่ใน whey ไข่ นมถั่วเหลือง ข้าว เนื้อวัว ข้าวสาลี พบว่า whey มีปริมาณโปรตีนสูงกว่าอาหารเหล่านี้มาก แม้แต่ในไข่ซึ่งจัดว่ามีโปรตีนสูงตัวหนึ่ง
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง whey และไข่ ก็คือ ปริมาณของ BCAAs ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม whey จึงเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีกว่าสำหรับนักกีฬาและนักเพาะกาย โดยในขณะออกกำลังกายร่างกายสามารถใช้ BCAAs เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งกล้ามเนื้อ จะเปลี่ยนจาก BCAAs ไปเป็นน้ำตาลกลูโคส และพบว่า BCAAs สามารถให้พลังงานได้ถึง 10-15 %ของพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายต้องการขณะออกกำลัง จากกลไกต่างๆๆ เหล่านี้เป็นผลให้กล้ามเนื้อไม่ลีบ ฝ่อในระหว่างที่ไม่ได้ออกกำลัง ช่วยให้ออกกำลังได้นานขึ้น ไม่อ่อนล้าง่าย และยังช่วยลดไขมันบริเวณรอบๆๆ ช่องท้องได้ด้วย
นอกจาก BCAAs และ whey protein ยังมี arginine และ lysine ในปริมาณสูง โดยอะมิโนแอซิดทั้งสองตัวนี้ทำหน้าที่ในการกระตุ้นการปลดปล่อยฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (growth hormone) ซึ่งเป็น anabolic hormone หรือ ตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ นักเพาะกายมักนิยมใช้ยาในกลุ่ม anabolic ซึ่งมีขายกันโดยทั่วไป ยาในกลุ่มนี้ช่วยทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น แต่ค่อนข้างอันตราย ในปัจจุบันได้ถูกห้ามขายไปแล้ว จึงหันมาใช้ whey protein ซึ่งมี anabolic steroids และเป็นสารจากธรรมชาติทดแทน
อะมิโนแอซิดที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งซึ่งพบได้ใน whey protein นั่นคือ glutamine เป็นอะมิโนแอซิดที่ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีน และไกลโคเจน เพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ กระตุ้นระดับของ growth hormone และเพิ่มภูมิคุ้มกัน
คนส่วนใหญ่ที่ไม่รับประทานอาหารจำพวกนมจะไม่ได้รับ whey protein แต่ก็ยังสามารถหาจากแหล่งอื่น ๆ ได้ แหล่งอาหารที่คุณสามารถพบ whey protein คือ ไอศกรีม ขนมปัง ซุปกระป๋อง สูตรอาหารสำหรับทารก และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใส่ whey protein เข้าไป whey protein แต่นักกีฬาควรได้รับ whey protein วันละประมาณ 25 กรัม ส่วนนักเพาะกายอาจต้องการมากถึง 2 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักร่างกายต่อหนึ่งวัน จากการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารจำพวกโปรตีน ควรบริโภคภายใน 2 ชั่วโมงของช่วงเวลาการออกกำลัง อาจจะเป็นก่อนหรือหลังการออกกำลังก็ได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อต้องการใช้เป็นแหล่งอาหารในระหว่างช่วงเวลาของการเริ่มกระบวนการซ่อมแซม และเสริมสร้างเซลล์

ขาย โปรตีนคับ whey optimum 100%
ขนาด 5 ปอนด 10 ปอนด์ wheyth95@yahoo.com
01-1715235 ติดต่อ PALM
โดย: PALM IP: 58.137.0.58 วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:13:28:27 น.
  
เหตุผลที่ผมเจอบ่อยสุดคือ "ขี้เกียจ" ครับ
นอกจากนี้หลายๆคน ยังไม่เห้นคุณค่าของการออกกำลังกาย เพราะกว่าที่จะเห็นผลมันก็อาจจะสายไปเสียแล้ว
โดย: Marquez วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:14:39:03 น.
  
เวย์ ราคา ตั้งแต่ 700 บาท ติดต่อ
0 8 1 1 7 1 5 2 3 5
โดย: whey IP: 61.19.52.106 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:11:20:46 น.
  
ขอขอบคุณ
สำหรับความรู้นี้
โดย: yawaiam IP: 118.172.164.2 วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:0:01:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมอแมว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]