เดินเที่ยวย่านเมืองเก่า ภูเก็ต (3)
ทริปนี้ วันที่ 18 - 24 ตุลาคม 2558
ตอนที่ 3 แล้ว ครึ่งวัน เช้านี้ คือ เดินเล่น ถ่ายรูปย่านตึกเก่านี่ล่ะค่ะ
เป็นจุดประสงค์หลักในการมาเที่ยว เลยต้องหาที่พักในเมืองเพื่อการนี้
เมื่อปี พ.ศ. 2537 ทางเทศบาลนครภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานจากภาครัฐและองค์กรเอกชน องค์กรท้องถิ่นในเมืองภูเก็ต
ได้ร่วมกันพัฒนาและอนุรักษ์ย่านเมืองเก่าขึ้นมา มีการกำหนดให้พื้นที่ประมาณ 210 ไร่ ซึ่งครอบคลุม ถนนรัษฎา ถนนพังงา
ถนนเยาวราช ถนนกระบี่ ถนนดีบุก ถนนถลาง ถนนเทพกระษัตรี ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรม
โดยออกเป็นประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มีการควบคุมให้พื้นที่อนุรักษ์นี้ ให้มีความสูงอาคารได้ไม่เกิน 12 เมตร
และยังได้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาอาคารในรูปแบบดั้งเดิมไว้ อย่างเช่นมีการให้เว้นช่องทางเดินด้านหน้า
และคงรูปแบบอาคารลักษณะชิโนโปรตุกีสไว้ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต
ลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส คือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุโรปและศิลปะจีน กล่าวคือ
สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม หรือ อาคารแบบโคโลเนียล (Colonial Style)
ถ้าเป็นอาคารสองชั้นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยู่อาศัย (shop-house or semi-residential)
จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้ง (arch) ต่อเนื่องกันเป็นระยะๆ
เพื่อให้เกิดการเดินเท้า ที่ภาษาไทยเรียกทับศัพท์ว่า อาเขต (arcade) หรือที่ภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า หง่อคาขี่
ซึ่งมีความหมายว่า ทางเดินกว้างห้าฟุต
นอกจากอาเขตแล้ว อาคารแบบโคโลเนียลมีการนำลวดลายศิลปะตะวันตกแบบกรีก โรมัน
หรือเรียกว่า สมัยคลาสสิก เช่น หน้าต่างวงโค้งเกือกม้า
หรือหัวเสาแบบโยนิก หรือไอโอนิก (แบบม้วนก้นหอย)
และคอรินเทียน (มีใบไม้ขนาดใหญ่ประดับ) เป็นต้น
ภาพจาก //www.thetrippacker.com/
08.12 น. แยกกันเดินกับปะป๊า กว่าจะโทร. หากันเจอ ยิ่งเก่ง ๆ เรื่องทิศทางด้วยนะเรา
บ้านพระพิทักษ์ชินประชา
เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเกาะภูเก็ต มีอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ ในตัวเมืองภูเก็ต
เป็นบ้านของ ตระกูลตัณฑวณิช ผู้เป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ตัวอาคารและเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้านไว้เป็นอย่างดี
โดยมีความมุ่งหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง
ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูเก็ตผ่าน การใช้ชีวิตของผู้คนชาวภูเก็ต ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา
ลักษณะที่โดดเด่นของบ้าน คือ เป็นบ้านสองชั้น ประตูบ้านลงรักปิดทอง มีอักษรจีน มีหน้าต่างไม้หลายบาน
ซึ่งในบานหน้าต่างทำเป็นบานเกล็ดเปิดปิดได้ เมื่อเข้ามาในบ้านจะเย็นสบายอากาศถ่ายเทสะดวก
เนื่องจากตรงกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ และมีสระน้ำเล็ก ๆ อยู่กลางบ้าน พื้นกระเบื้องจากอิตาลี บันไดไม้มีลวดลายสวยงามมาก
เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นไม้ฝังมุกนำมาจากเมืองจีน มีเครื่องใช้ เครื่องครัวโบราณ ภาพถ่าย ภาพวาดในอดีตที่สวยงามและน่าสนใจ
ความเป็นมาของบ้านชินประชา บ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 (ค.ศ.1903) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง)
บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ (ตันเนียวยี่) เป็นชาวฮกเกี้ยนที่รับราชการทหารในประเทศจีน
ต่อมาบิดาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4
ได้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนัง
พระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) ผู้สร้างบ้านหลังนี้ ถือกำเนิดที่เกาะภูเก็ตในปี พ.ศ. 2426 (ค.ศ. 1883)
เมื่ออายุได้ 20 ปี ท่านได้สร้างบ้านหลังนี้ตามแบบ ชิโน-โปรตุกีส เป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกว่า อังม่อเหลา
เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษเมืองจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้นส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
เนื่องจากการค้าขายทางเรือผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต ในสมัยนั้นเฟื่องฟู เช่น รั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี ฯลฯ
บ้านชินประชามีอายุกว่า 100 ปี และมีลูกหลาน นับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว
ปัจจุบัน บ้านชินประชา เป็นร้านอาหาร และโรงเรียนสอนทำอาหาร Blue Elephant
https://www.facebook.com/BlueElephantPhuket/
//www.blueelephant.com/phuket/
//phuket.go.th/
8.17 น. เจอปะป๊ากับเมฆแล้วค่ะ หิวแทบเป็นลมกัน ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไร
จำไม่ได้ว่า เราจะไปกินร้านอะไรไม่รู้ แต่หาไม่เจอ เจอร้านขนมจีนป้ามัยโดยบังเอิญ ร้านนี้ละกัน
มาจากทางไหนไม่รู้ค่ะ เดินมั่วไปหมด
คนเยอะค่ะ แต่โชคดี ได้โต๊ะพอดี ...ไม่เคยกินขนมจีนเป็นมื้อเช้า
สั่งกาแฟโบราณ เค้ายกมาวาง ไม่ได้มอง พอถ่ายรูป เอ๊ะ ชานี่นา เลยบอกคืนเค้าไป
ผักเต็มจานนั่นของปะป๊าค่ะ
กาแฟมาแล้ว
ขนมจีนเรา ไม่เผ็ดมาก ต่อจากนี้คือถมผักเข้าไป ไม่ได้ถ่ายแล้วค่ะ ขอกินก่อน
3 คน แม่ ปะป๊า เมฆ มื้อนี้ 159 บาท
ลูกค้าลุกแล้ว ถ่ายได้ / ภาพดารา คนดังทั้งหลายที่มาร้านป้ามัย
อยากได้มากได้น้อยไปหยิบไปตักเองที่หน้าร้านเลยค่ะ
8.51 น. ไปแล้วค่ะ อิ่มแล้วเดินต่อ ...
เดิน ๆ มาเจอบ้านสวยอีกหลัง เห็นประตูเปิดอยู่ ดุ่ม ๆ เดินเข้าไปเลยค่ะ
เดิม ๆ คงสวยมาก นี่เก่าแล้วก็สวยแบบเก่า ๆ
ยังคงเป็นย่านตึกเก่า ถนนดีบุกค่ะ
อาจจะเพราะยังเช้าอยู่มัง ไม่ค่อยเจอนักท่องเที่ยวเดินถ่ายรูป
9.00 น. มาแวะซื้อขนมของฝากร้านนี้ เป็นขนมพื้นเมือง เห็นว่าอร่อยนะคะ เราไม่ได้ชิม
ดูตึกรามบ้านช่องเมืองภูเก็ต ยาว ๆ ไปเลยเนาะ ไม่รู้จะบรรยายอะไร
มองย้อนกลับไป
อาคารส่องเต็ก สโมสรไทยหัว
คุณต่อ บอกว่า หัว แปลว่า จีน - สโมสรไทยจีน
9.13 น. วนกลับมาที่ซอยรมณีย์ มองเข้าไป .. เงียบ ๆ
เดินผ่านร้านตีเหล็ก
จะเดินกลับที่พัก เอาของมาเก็บ แล้วค่อยออกมาเดินต่อค่ะ
9.17 น. ผ่านร้านระย้า อีกรอบ
สะพานดีบุก
9.18 น.
ผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ
9.21 น. ถึงที่พัก The Tint
เข้าห้องพัก เก็บของ ล้างหน้าล้างหนวด
9.42 น. ไปเดินกันต่อค่ะ
แวะมาเที่ยวภูเก็ตอีกครั้งกับครอบครัวคุณหนูค่ะ