แม้อากาศบ้านเราช่วงนี้เดี๋ยวบางวันฝนตก แต่ก็ยังคงร้อนอบอ้าวเป็นพื้นฐาน เราจึงสรรหาเมนูคลายร้อนอีกมาให้คุณ ตามคอนเซ็ปต์ YOU ARE WHAT YOU EAT เป็นเมนูอาหารเด็ด ที่กินแล้วชุ่มฉ่ำ กระปรี้กระเปร่าสุดๆ

       กับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารการกิน นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ สัปดาห์นี้ท่านมาพร้อมกับเรื่องราวของอาหาร ที่เหมาะจะทานในหน้าร้อนแบบนี้ แถมให้ความรู้อีกด้วยว่า อาหารชนิดใดที่ควรเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายคุณร้อนระอุ ปะทุจนแทบปรอทแตกไปซะก่อน

       “อาหารที่ดับร้อนกลับกลายเป็น ว่าเป็นอาหารที่ทำให้ร้อนในตอนแรก” คุณหมอกฤษดา ขึ้นต้นประโยคที่ชวนให้สงสัย ก่อนจะเฉลยให้รู้ว่า อาหารที่ทำให้ร้อนในตอนแรก แต่ดับพิษร้อนได้ชะงัดคือ “พริก” นั่นเอง 


“พริก” เผ็ดจี๊ด แต่ลดร้อนในตัวได้ชะงัด      
       “จริงๆ แล้ว พริกคือ อาหารดับร้อนครับ ส้มตำ อาหารไทยที่เผ็ดๆ นี่แหละ เพราะลองสังเกตว่า เวลาเราทานส้มตำ หรืออาหารเผ็ดๆ ทานกันเหงื่อตก หน้าแดงร้อนไปหมด แต่สักพัก พอกินเสร็จกลับรู้สึกเย็นสบาย มีความสุข และไม่ได้สุขเพราะอิ่มนะ แต่เป็นเพราะว่า หลังจากธาตุเผ็ด หรือแคปไซซิน (capsaicin) ของพริกมันออกมาแล้วเนี้ย มันจะกระตุ้นธาตุสุข หรือ สารเอนดอร์ฟิน (endorphin) ให้หลั่งออกมา สารตัวนี้จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง เส้นเลือดขยายขึ้น ความดันลดลง มีความสุขขึ้น ลมพัดผ่านมาเย็น ใครพูดอะไรนิดหน่อยก็ถูกหู หัวเราะได้ นี่แหละคือ เอนดอร์ฟิน หรือธาตุดับร้อน ที่มาจากการกินเผ็ด ฉะนั้นการกินเผ็ดก็ดับร้อนได้”

       แม้พริกจะทรงอานุภาพในการดับพิษร้อน ทว่าหลายคนฟังแล้วต้องส่ายหน้า ไม่กล้าสู้เผ็ด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารของเราเลยแนะวิธีกินพริกแบบไม่ทรมานนักมาให้

   “ถ้าอยากกินพริกให้ได้สารดับพิษร้อน แต่ไม่อยากให้เผ็ดนัก ให้จำเคล็ดง่ายๆ คือ ให้ดึงเอารกพริกออก รกพริกก็คือ ไส้พริกตรงกลาง เพราะตัวที่ทำให้เผ็ดจริงๆ คือ รกพริก ไม่ใช่เม็ดพริก หรือเปลือกพริก

       อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ (ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช) เคยเขียนไว้ในเรื่องน้ำพริกว่า ถ้าอยากจะตำน้ำพริกให้สีสวย แต่ไม่เผ็ด ให้ลอกรกพริก กับเอาเม็ดมันออก แล้วเอาแต่ตัวเปลือกใส่ แล้วมันจะสีสวย และไม่เผ็ดมาก แต่ตัวเปลือกพริกก็มีประโยชน์ ทั้งวิตามินเอ (Vitamin A) เบต้าแคโรทีน (Beta - Carotene) มีธาตุเหล็กครบเลย และตัวที่ช่วยดับร้อนได้คือ น้ำมันเผ็ดของพริก ฉะนั้นต้องยอมเผ็ดก่อน แล้วเดี๋ยวจะดี” 

“ข้าวแช่” อีกเมนูไทย เปี่ยมวิตามินคลายร้อน
       มีเมนูเผ็ดร้อนเป็นอาหารเยี่ยมยอดในการดับพิษร้อนไปแล้ว เมนูถัดมาที่ช่วยดับพิษร้อนได้เช่นกัน คุณหมอเสนอเป็น “ข้าวแช่” อาหารไทยๆ ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามิน

       “เมนูดับร้อนอื่นๆ ถ้าเป็นเมนูใกล้ตัวเรา ก็อย่างเช่น ข้าวแช่ ที่คนไทยนิยมนี่แหละครับ เพราะในข้าวแช่ก็มีวิตามินบีที่ได้จากข้าว ยิ่งถ้าเป็นข้าวไม่ขัดสีก็ยิ่งมีวิตามินบีเยอะ และเราทานข้าวแช่กับกะปิหวาน ไชโป๊ว และพริกสอดไส้ต่างๆ พวกนี้มีวิตามินเอ ที่ช่วยดับร้อนได้ เช่นเดียวกับวิตามินบี ซึ่งวิตามินพวกนี้จะช่วยทำให้ระบบประสาทสงบ และช่วยให้ผิวเย็นลงด้วย”  

ผลไม้ฉ่ำน้ำ... มากด้วยเส้นใย อาหารเลิศดับร้อน
       และอาหารเปี่ยมประโยชน์อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยในหน้าร้อน ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ท่านแนะว่าเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำทั้งหลาย โดยเฉพาะมังคุด มะม่วงสุก และแตงโม

“ผลไม้ดับร้อน มีหลายอย่างด้วยกัน อาทิ มังคุด มะม่วงสุก เพราะมันฉ่ำน้ำ มีวิตามินเอเยอะ และที่สำคัญ ผลไม้จะมีเส้นใย ซึ่งเส้นใย หรือกากใยตัวนี้ จะช่วยลดพวกคราบไขมันทั้งหลาย ทำให้ความร้อนข้างในบรรเทาลง หรืออย่างแตงโมก็ดีครับ เพราะแตงโมมีธาตุลดร้อนคือ วิตามินเอตัวหนึ่งที่เรียกว่า ไลโคปีน (Lycopene) เป็นตัวเดียวกับที่มีในมะเขือเทศเลย แตงโมจะมีธาตุตัวนี้ที่เหมือนเป็น ไวอากร้า (Viagra) ธรรมชาติ คือ มันเป็นธาตุที่ช่วยขยายหลอดเลือด

       ธาตุตัวนี้เป็นกรดอะมิโน ที่ชื่อ อาร์จินีน (Arginine) ตัวนี้มันจะทำให้หลอดเลือดขยาย มันทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่ทานแตงโมแล้ว คงไม่ถึงกับซู่ซ่า อย่างไวอากร้า ขนาดนั้นนะครับ แต่ก็ช่วยเรื่องหลอดเลือดได้ เพราะฉะนั้นเมื่อใดก็ตามที่หลอดเลือดขยาย มันก็ช่วยขับความร้อนออกไป”

ชาร้อน-กาแฟเย็น กินดับร้อนได้ แต่ต้องเลือกให้ถูก
       หลายคนมีความเชื่อว่า กินน้ำดื่ม หรือเครื่องดื่มอุ่นๆ ถือเป็นเรื่องดีสำหรับร่างกาย ซึ่งแพทย์หนุ่มของเราให้คำตอบว่า “ใช่เลย” ทว่าบ้านเมืองเรามันร้อนรุ่มได้ใจเยี่ยงนี้ การดื่มน้ำเย็นจึงพออนุโลมได้ ทว่าก็ไม่ควรเย็นจัดนะคะ

       “จริงๆ แล้วกินน้ำอุ่น ดับร้อนได้ดี แต่บ้านเราอากาศร้อน มันเลยทำให้คนไม่ค่อยอยากกินน้ำอุ่น ถ้าเราบอกว่าให้คนกินน้ำอุ่น เขาก็จะไม่อยากกิน ดังนั้นก็อาจจะให้กินน้ำเย็นได้ เพียงแต่ว่า เลี่ยงน้ำที่ใส่น้ำแข็ง แต่ถ้าเป็นน้ำเย็นที่แช่ตู้เย็นธรรมดาก็พอได้ เพราะในร่างกายเรามีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียล โดยประมาณ ดังนั้นก็ต้องเอาสิ่งที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกันเข้าไป”

       หรืออีกเมนูที่อากาศร้อนทีไร สาวๆ ต้องหาซื้อมาดูดดื่มให้ฉุ่มฉ่ำอย่าง “กาแฟเย็น” คุณหมอว่าทานได้ค่ะ แต่ก็ต้องเลือกกันนิ๊ด...

       “ถ้าอยากกินกาแฟเย็นให้ดับร้อน ต้องอย่าใส่วิปครีมครับ เพราะวิปครีมคือ ตัวที่ทำให้ร้อน ทำให้ผิวอักเสบ และผิวแก่เร็วด้วย เนื่องจากวิปครีมคือ พวกครีมเทียม ที่มีไขมันแปรสภาพอยู่ ซึ่งไขมันชนิดนี้ถือเป็นตัวร้าย ที่ทำให้เกิดการอักเสบที่หลอดเลือกหัวใจได้ ดังนั้นกาแฟที่ใส่วิปครีม หรือนมข้นหวานเยอะๆ ก็ต้องระวัง”

เมื่อถามถึงเครื่องดื่มที่เหมาะสุดๆ กับหน้าร้อนอย่างนี้ คุณหมอยกนิ้วให้กับเมนูชาร้อนทั้งหลายค่ะ

       “เครื่องดื่มอีกอย่างที่ดื่มแทนกาแฟดับร้อนได้ดีคือ ชาเขียวครับ สมควรกินในหน้าร้อน เพราะนอกจากจะคลายร้อนแล้ว ยังทำให้รู้สึกชุ่มชื่นด้วย แต่พูดถึงชาเขียว บางคนอาจกลัวเรื่องหวาน ก็ให้เลือกชาเขียวรสธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาล หรือจะกินชาจีน ชาฝรั่ง หรือชาไทยก็ยังได้ เน้นแค่ว่าไม่ใส่นมข้นหวานเยอะ”

อาหารไฟสุมขอน บั่นทอนความสุขหน้าร้อน
       เมื่ออธิบายถึงสารพัน อาหารดับร้อนกันไปแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรวัฒน์ จึงยกตัวอย่างอาหารต้องเลี่ยง และหลีกให้ไกลในหน้าร้อนมาด้วย

       “อาหารที่ค่อนข้างร้อนจริงๆ แล้วไม่ควรกินก็คือ อาหารที่มีกำมะถันเยอะ หมอชอบเรียกว่า อาหารไฟสุมขอน จะเห็นภาพชัดเลย อย่างเช่น ทุเรียน ผลไม้ชนิดนี้มีกำมะถันเยอะ หรือพวกเนื้อแพะ เนื้อวัว หรือเนื้อแดงทั้งหลาย จำง่ายๆ ว่าเนื้อแดงไม่ควร อย่างสเต็ก หมูย่าง หมูกะทะ พวกนี้ต้องถอยเลย หรือแม้แต่เนื้อแดงที่เป็นเนื้อไม่ติดมัน ก็ยังมีเปลวมันที่แทรกอยู่ เป็นมันละเอียดๆ ที่เรามองไม่เห็น หรือหัวหอมใหญ่, กระเทียม หรือผลไม้ที่หวานและมีในหน้าร้อน เช่น ลำไย ขนุน พวกนี้จะค่อนข้างทำให้ร้อนง่าย เพราะพวกนี้ก็เป็นอาหารที่มีกำมะถันเยอะ”

       และไม่ใช่แค่อาหารมันค่ะ อาหารหวานก็ยังเป็นผู้ร้าย สำหรับหน้าร้อนแบบนี้

       “อาหารหวานยังเป็นผู้ร้ายอีกในหน้าร้อน ทำไมถึงพุ่งเป้าแต่อาหารหวาน ลองนึกง่ายๆ ว่า ถ้าอาหารหวาน ไม่ให้พลังงานสูง เขาคงไม่เอาไปทำพวกแก๊สโซฮอลล์ (Gasohol)หรอก แต่ที่เอาไปทำ เพราะพวกนี้มันให้พลังงานสูง และพลังร้อนแรง ฉะนั้นน้ำตาลคือ ผู้ร้าย ที่นอกจากจะทำให้ผิวแก่แล้ว ก็ยังทำให้เกิดการร้อน และอักเสบด้วย”  

Create Date : 26 เมษายน 2555
Last Update : 26 เมษายน 2555 21:03:09 น.		1 comments
Counter : 1331 Pageviews.
Share Tweet