" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

0146. 2 มิถุนายน 2544 คำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในรายการ “นายกฯ ทักษิณพบประชาชน”

คำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ในรายการ “นายกฯ ทักษิณพบประชาชน”

ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่น F.M 92.5

เวลา 08.00 น. วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2544

------------------------------------------

สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพรักทุกท่าน

พบกันอีกเช่นเคยทุกวันเสาร์ เวลา 8 นาฬิกา ผมจะได้เล่าถึงการทำงานของรัฐบาลที่พี่น้องประชาชนได้ให้ความไว้วางใจ ซึ่งได้ปฏิบัติในแต่ละสัปดาห์นะครับ เพื่อที่ท่านจะได้ทราบว่าขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมการแก้ปัญหาแต่ละเรื่องไปถึงไหนบ้างแล้ว

มอบนโยบายเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก

สัปดาห์นี้จะขอเริ่มต้นด้วยการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เราได้เรียกกงสุลใหญ่และเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลกเข้ามาประชุมกัน เพื่อที่จะรับทราบนโยบายและแนวทางในการทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งได้ทำกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ผมเองได้มีโอกาสไปเป็นประธานในพิธี ก็ถือโอกาสใช้สิ่งที่เคยได้วางระบบไว้เมื่อตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อประมาณปี 2537 ต่อปี 2538 ตอนที่ผมเป็นอยู่ประมาณ 105 วัน ได้วางนโยบายเพื่อให้กระทรวงการ ต่างประเทศนั้นผสมผสานทฤษฎีของการบริหาร ด้วยระบบเศรษฐกิจและระบบการเมืองผสมกันก็ได้วางแผนไว้ แต่ระยะหลังนี้ด้านเศรษฐกิจเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น ผมเลยไปเน้นและอธิบายให้คณะทูตได้เข้าใจแนวนโยบายของประเทศ ซึ่งต้องให้เขาเน้นย้ำให้กับต่างประเทศได้เข้าใจ เพราะบางครั้งพอเราเน้นย้ำการแก้ปัญหาระดับพี่น้องประชาชนที่เป็นคนยากคนจนที่เป็นเกษตรกรในชนบทนั้น ทำให้ต่างประเทศเกิดความสับสนมองว่าประเทศไทยไม่พัฒนาในกระแสโลกาภิวัฒน์หรืออย่างไร ซึ่งผมต้องอธิบายให้เขาฟังว่าวันนี้ประเทศไทยเรายังเป็นประเทศที่มีสังคมที่แตกต่างสองสังคมอยู่ เพราะฉะนั้น นโยบายจะต้องใช้นโยบายที่ผสมผสานกันทั้งสองสังคม เช่น นโยบายเกี่ยวกับการเตรียมตัวแข่งขันในเวทีโลก ขณะเดียวกันนโยบายที่แก้ปัญหาความยากจนของพี่น้องคนจนต้องทำควบคู่กันไป

นโยบาย “ทีมไทยแลนด์”

ซึ่งผมได้อธิบายให้บรรดาเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่มาประชุมกันทราบ และ

พยายามเน้นย้ำว่าเราอาจจะต้องมีการแก้ระเบียบการบริหารของข้าราชการไทยในต่างแดนใหม่ โดยให้ เอกอัครราชทูตนั้นเป็นหัวหน้าคณะข้าราชการไทยที่ไปประจำอยู่ต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนราชการไปประจำอยู่หลายหน่วยงาน ก็ใช้นโยบายที่เรียกว่า “ทีมไทยแลนด์” คือให้เขามองยุทธศาสตร์ของการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยกับประเทศที่เขาไปอยู่ โดยมีเอกอัครราชทูตเป็นหัวหน้าทีมใหญ่ และจะมาดูกันว่าแต่ละประเทศนั้นเรามีข้าราชการแต่ละฝ่ายไปอยู่มากไปหรือน้อยไป การทำงานร่วมกันเป็นอย่างไร ผมมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานในการมองยุทธศาสตร์ทีละประเทศ เพื่อเราจะได้มีโอกาสเพิ่มศักยภาพการขยายขอบเขตการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวซึ่งกันและกันให้มากขึ้นนะครับ ซึ่งผมคิดว่าใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งประเทศไทยน่าจะพัฒนาศักยภาพตัวนี้ได้อีกเยอะครับ

แต่งตั้งผู้แทนทางการค้าของไทย

ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ ได้มีการตั้งผู้แทนทางการค้าของไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 คนคือ ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล ซึ่งเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศมานาน เคยอยู่ประจำสำนักงานสหประ- ชาชาติมา ตอนนี้ก็เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทย ผมได้มอบให้เขาดูแลตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา ก็จะทำให้เรามีผู้แทนทางการค้าของไทยเกิดขึ้นที่จะดูแลทั้งด้านเอเชีย แอฟริกา ก็คือ ท่านประจวบ ไชยสาส์น ดูแลตลาดญี่ปุ่น คือ ดร.ทนง พิทยะ ดูแลตลาดอเมริกาและยุโรปคือ ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล ทั้ง 3 ท่านจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่จะวางยุทธศาสตร์และเดินยุทธศาสตร์ในระดับจุลภาคมากขึ้น เพื่อจะทำให้เราค้าขายได้คล่องตัวขึ้น

ร่างกฎหมายจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย

ในส่วนที่สองอยากจะขอเล่าให้พี่น้องฟังถึงเรื่องการประชุมคณะรัฐมนตรีครับ คณะรัฐมนตรีประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีกฎหมายสำคัญที่ผ่านไปคือ กฎหมายจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือ ทีเอเอ็มซี ซึ่งได้มีการแก้ไขมีการพิจารณาอย่างกว้างขวางโดยรัฐมนตรีแต่ละคนช่วยกันดูเพื่อให้เกิดความรอบคอบ เพราะจะเป็นกฎหมายที่อาจจะต้องออกเป็นพระราชกำหนด เพราะสภาปิดไปแล้วเมื่อวันพฤหัสฯ คือสภาผู้แทนราษฎรและวันศุกร์คือวุฒิสภาได้ปิดการประชุมไปเรียบร้อยแล้ว แต่พระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภานั้นจะสิ้นสุดวันที่ 3 มิถุนายนนี้นะครับ เราต้องเร่งกฎหมายฉบับนี้ออกมาใช้เพื่อการแก้ปัญหาหนี้เสียซึ่งนับวันจะหมักหมมมากขึ้น การแก้ปัญหาช้าไปเลยต้องจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารที่เป็นธนาคารของรัฐคือธนาคารที่รัฐบาลที่แล้วได้ไปยึดมาเอามาเป็นธนาคารของรัฐเพื่อแก้ปัญหาในช่วงที่เกิดวิกฤต เราก็ต้องเอาหนี้เสียออกให้มากที่สุดให้เร็ว ที่สุด

ร่างพระราชบัญญัติวิสาหกิจชุมชน พ.ศ….

นอกจากนั้นก็มีกฎหมายที่สำคัญอีกฉบับหนึ่งแต่ยังไม่ได้ออกเป็นกฎหมาย แต่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำไปร่างเป็นกฎหมาย ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่สำคัญของพี่น้องที่อยู่ในชนบทคือ กฎหมายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งพี่น้องที่อยู่ในชุมชนทั้งหลายถ้าจดทะเบียนเป็นบริษัทก็ต้องใช้คนจำนวนหนึ่ง ถ้าคนจำนวนมากก็ต้องเป็นบริษัทมหาชน เมื่อเป็นบริษัทมหาชนข้อบังคับต่าง ๆ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กับข้อบังคับตามกฎหมายบริษัทมหาชนนั้นมากมาย ทำให้พี่น้องชนบทจะทำกิจกรรมร่วมกันลำบาก เลยจัดตั้งเป็นกฎหมายวิสาหกิจชุมชนเพื่อทำให้พี่น้องที่อยู่ในชุมชนนั้นร่วมกันทำกิจกรรมในเชิงพาณิชย์ได้ และสามารถใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งจะไปเสริมกับโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล เลยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการร่างกฎหมายนี้โดยด่วน

การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2545

อีกเรื่องที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและส่งสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมการที่จะประชุมคือการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2545 ก็เป็นงบประมาณซึ่งมียอดรวมทั้งสิ้น 1.023 หรือ 1 ล้านล้านกับอีก 2 หมื่น 3 พันล้าน ส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายประจำถึง 7 แสน 7 หมื่น 2 พันล้าน เพิ่มขึ้นประมาณ 9 หมื่น 3 พันล้านเป็นปกติของการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ค่าสาธารณูปโภคทั้งหลายขึ้น ก็เป็นร้อยละ 75 ของงบประมาณทั้งหมด ส่วนงบลงทุนมีเพียง 2 แสน 2 หมื่น 4 พันล้าน ประมาณ 22 % งบคืนเงินกู้มีทั้งดอกเบี้ย เงินต้น ก็ประมาณแสนกว่าล้าน ผมยังตั้งงบค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไว้อีก 58,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่ถ้าคำนวณแล้วไม่นับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 58,000 ล้านก็คือเป็นงบประมาณที่ใกล้เคียงกับการจัดทำงบประมาณปีที่แล้ว พี่น้องคงจำได้เราพูดกันถึงโครงการที่จะจัดการแก้ปัญหาความยากจนในหลาย ๆ อย่างนั้น หลายคนก็มองว่าเป็นการใช้งบประมาณที่มาก เราจะจัดไหวหรือเราเป็นหนี้เป็นสินเยอะแล้วจะสู้ไหวหรือ นี่คือการจัดการงบประมาณที่ในที่สุดแล้วถ้าไม่มีงบสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือเท่า ๆ กับทุกปี เพราะรัฐบาลพยายามตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออก และตั้งงบประมาณเพื่อนโยบายเร่งด่วนคือแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน อาทิเรื่อง การพักหนี้เกษตรกร การตั้งกองทุนหมู่บ้าน การจัดตั้งธนาคารประชาชน การจัดโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นก็เป็นนโยบายซึ่งสามารถทำได้ทั้งหมด และจัดงบประมาณลงไปในงบปี 2545 ได้ทั้งหมดครับ ก็เป็นสิ่งที่ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า สิ่งที่ได้พูดกับพี่น้องประชาชนนั้นทำได้และกำลังทำแล้ว

มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกของประเทศ

เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องก็คือการแก้ปัญหาของภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกของประเทศ เราต้องยอมรับว่าตอนนี้การส่งออกชะลอตัว อันเกิดจากสาเหตุที่ตลาดหลัก ๆ ของประเทศไทยเราคือ ตลาดอเมริกา ตลาดญี่ปุ่น ตลาดอาเซียน ทุกส่วนมีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งนั้น ทำให้การส่งออกต้องชะลอตัวไปด้วย แต่เราก็ไม่ยอมแพ้เราต้องแก้ไขปัญหาในส่วนของเราให้แข็งแรง ส่วนของต่างประเทศนั้นเราพยายามที่จะต่อสู้ต่อไป ส่วนของเราที่ได้แก้ไขกันก็คือได้กระตุ้นให้ธนาคารของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารศรีนคร ธนาคารนครหลวง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าก็ตาม ให้ได้พิจารณาวงเงินสินเชื่อให้แก่ผู้ส่งออก โดยผมไปเน้นให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าและธนาคารศรีนครให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษโดยมองอนาคตไม่ใช่มองอดีต เพราะผู้ส่งออกบางครั้งอาจเป็นผู้ที่ประสบเคราะห์กรรมจากวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันนั้นก็มีใบสั่งซื้อจากต่างประเทศ มีแอลซีจากต่างประเทศ ซึ่งพร้อมที่จะส่งออกได้ถ้ามีเงินทุนหมุนเวียน กรณีอย่างนี้รัฐบาลก็ควรที่จะหาทางช่วยเลยให้ธนาคารของรัฐให้ดูแลเป็นพิเศษ เพื่อที่จะให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะส่งสินค้าออกได้

การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

เรื่องที่สองคือให้แก้ไขปัญหาความล่าช้าในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่เราก็มีกติกาว่าบริษัทที่ได้รับส่งเสริมสามารถนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศและไม่เสียภาษี รวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย แต่ขณะเดียวกันถ้าเกิดบริษัทนั้นต้องซื้อวัตถุดิบในประเทศกลับต้องไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งทำให้สินค้าในประเทศเสียเปรียบจึงต้องแก้ไขในจุดนี้ ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปหาทางแก้ไข เพื่อที่จะให้การแก้ปัญหาทั้งด้านโครงสร้างภาษีนำเข้า วัตถุดิบทั้งระบบ ด้านการคืนภาษี ได้ทำไปพร้อม ๆ กัน

พิจารณาขยายการทำงานในวันหยุดเพื่อให้การส่งออกคล่องตัวขึ้น

ส่วนเรื่องให้บริการอีกอันหนึ่งคือ สินค้าบางตัวจะต้องได้รับอนุญาตในการส่งออก แต่

ปรากฏว่าบางครั้งก็ไม่สามารถที่จะทำงานล่วงหน้าได้ เช่น การทำใบอนุญาตในวันหยุด เลยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาประชุมร่วมกันว่า ถ้าจะต้องขยายการทำงานในวันหยุดก็คงต้องทำเพื่อให้การส่งออกคล่องตัวขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าการส่งออกชะลอตัวอยู่ แต่วันนี้รัฐบาลขอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งเรากำลังแก้ปัญหาโดยการเพิ่มวงเงินการค้าการขายการลงทุนในระบบทวิภาคีมากขึ้น จากการที่ผมไปเยือนมาเลเซีย เวียดนาม และจีน อินโดนีเซียมาเยือนไทยนั้น เราได้หาทางแก้ไขเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน และตอนนี้กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ดีมาก โดยเฉพาะกับมาเลเซียและเวียดนาม และเมื่อวานนี้รัฐมนตรีพาณิชย์ได้รายงานผมว่าเพิ่งเซ็นสัญญาขายข้าว 100% ให้กับอิหร่านไป 1 แสนตัน กรณีอย่างนี้เรากำลังทำกันมากขึ้น เชื่อว่าสักระยะหนึ่งเราคงแก้ปัญหาที่ชะลอตัวในหลาย ๆ เรื่องได้ แต่รัฐบาลเพิ่งทำงานมาครบ 3 เดือนพอดีในสัปดาห์ที่แล้ว สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์แรกของเดือนที่ 4

โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ผมขอเรียนให้ทราบอีกเรื่องหนึ่งคือ โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ได้เริ่มทดลองปฏิบัติเมื่อวานนี้อีก 15 จังหวัด เดิมทีเดียวได้ทำแล้ว 6 จังหวัด ตอนนี้เพิ่มอีก 15 จังหวัดเป็น 21 จังหวัดแล้วถึงวันนี้ 15 จังหวัดที่เริ่มต้นเมื่อวานนี้ได้แก่ นนทบุรี สระบุรี สระแก้ว เพชรบุรี สุรินทร์ นครราชสีมา หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ แพร่ เชียงใหม่ ภูเก็ตและนราธิวาส เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขได้ไปดูการเริ่มโครงการวันแรกที่เชียงใหม่ ไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ก็พบว่า มีผู้ป่วยคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุมาผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เพิ่งตกงานจากกรุงเทพฯ กลับบ้าน ต้องไป ผ่าตัดซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องเสียเงินประมาณเกือบ 20,000 บาท ก็โชคร้ายและก็โชคดี โชคร้ายที่เกิดอุบัติเหตุ โชคดีคือเป็นวันแรกของการเริ่มต้นบริการ 30 บาท ที่นครพิงค์เลยให้บริการผ่าตัดสุภาพบุรุษคนนี้ไปด้วยเงิน 30 บาท และมีทำคลอด 3 ราย ขอเรียนว่าเป็นนโยบายซึ่งขณะนี้พี่น้องประชาชนใน 6 จังหวัดพอใจมากและ 15 จังหวัดนี้เชื่อว่าจะพอใจ เราก็พยายามที่จะขยายโอกาสในการรับบริการดูแลสุขภาพให้กับ พี่น้องประชาชนให้ทั่วถึง คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเงินเพื่อจะให้โครงการนำร่อง 15 จังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยให้เกิดความมั่นใจแก่ทุกโรงพยาบาลว่า จะมีเงินเพียงพอในการจะให้บริการประชาชน ท่านเชื่อมั๊ยครับว่า 6 จังหวัดที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้ใช้เงินเพิ่มจากงบประมาณเดิมที่จัดสรรแบบเดิมแล้วการให้บริการประชาชนไม่ได้ทั่วถึงนั้นเพียงน้อยมาก ถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งที่ประชาชนได้รับการบริการที่ทั่วถึงจากเดิม ซึ่งผมเชื่อมั่นในนโยบายนี้ว่าจะทำได้ทั้ง 76 จังหวัด กำลังเร่งดูผลศึกษาอีก 15 จังหวัด เพื่อให้จังหวัดที่เหลือเกิดความมั่นใจที่จะเข้าร่วมโครงการโดยด่วนครับ

การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว

อีกเรื่องหนึ่งที่มีการประชุมไปคือ เรื่องการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว เรามีการประชุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ต้องขอเรียนว่าปัญหาแรงงานต่างด้าวนั้นยิ่งแก้ก็ยิ่งมากขึ้น ส่วนหนึ่งคงเกิดจากการที่ระดับของเศรษฐกิจที่ต่างกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีการไหลของ แรงงานที่ไม่มีงานทำในประเทศหนึ่งเข้ามาสู่ประเทศไทย ก็ทำให้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในวันนี้ โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับความมั่นคง ปัญหาการแพร่กระจายของเชื้อโรค เชื้อโรคหลายตัวที่เคยหายไปจากประเทศไทยแล้ววันนี้กลับเข้ามาใหม่ เช่น โรคเท้าช้างบ้าง โรคไข้มาเลเรียบ้าง ซึ่งวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ประเทศไทยจะต้องจัดการปัญหาอย่างเด็ดขาด ผมจึงได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี นายเดช บุญ-หลงและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ไปร่วมกันประชุมโดยด่วนและภายในปลายเดือนนี้จะต้องมีข้อยุติที่ชัดเจนถึงการที่จะดูทั้งด้านอุปสงค์ อุปทาน คือหมายความว่า จริง ๆ แล้วเราต้องการแรงงานต่างด้าวอีกประมาณ เท่าไหร่ และมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทยแล้วเท่าไหร่ และเราจะจัดการอย่างไรกับแรงงานเหล่านี้ ต้องเอาให้ชัดเจน เพื่อเราจะได้ควบคุมได้และจะได้จัดการอย่างถูกต้องให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดรวดเร็ว ก็เลยมอบหมายให้ไปเอาตัวเลขเอาข้อมูลที่ชัดเจน และผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง

ความคืบหน้าระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

อีกเรื่องที่จะขอเรียนคือความคืบหน้ากองทุนหมู่บ้าน ขณะนี้ระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติไปเรียบร้อยแล้ว หลักการคือ จะมีคณะกรรมการทุกหมู่บ้านซึ่งเป็นผู้นำธรรมชาติที่ชาวบ้านจะเลือกกันเอง หมู่บ้านละ 15 คน ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาคำขอกู้เงินของชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น ๆ ซึ่งจะให้อนุมัติกู้ได้ไม่เกิน 20,000 บาท ก็จะทำให้พี่น้องมีวงเงินในการที่จะไปสร้างงานสร้างอาชีพ ไปขยายโอกาสได้ ก็คงจะประมาณต้นเดือนกรกฎาคมน่าจะทำให้เงินหมู่บ้านละ 1 ล้านบาทลงถึงพี่น้องประชาชนได้

ชี้แจงการถอดถอนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

อีกเรื่องที่จะขอชี้แจงซึ่งถือว่าเป็นข่าวใหญ่พอสมควรคือ เรื่องการถอดถอน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรที่ไม่ดี เป็นเรื่องของการขัดแย้งเชิงนโยบายเท่านั้น และก็ไม่ได้เป็นการที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นขาดความเป็นอิสระ ความจริงแล้วความเป็นอิสระนั้นต้องเข้าใจว่าอิสระแค่ไหน คือ ธนาคารกลางของทุกประเทศนั้นจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดนโยบายการเงิน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดนโยบายการคลัง แต่ทั้งสองนโยบายนั้นอยู่ในระบบเดียวกันคือระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะฉะนั้น ถ้าต่างคนต่างทำโดยที่ไม่คล้องจองกันนั้นน่าจะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศไทย โดยเฉพาะวันนี้เราเป็นหนี้มากเราขาดดุลงบประมาณมามากแล้ว ฉะนั้น เราไม่สามารถจะตั้งงบประมาณขาดดุลอีกมากนัก นโยบายการคลังจึงมีข้อจำกัดถ้าใช้มากเกินไปจะทำให้เกิดหนี้เสียมากขึ้น ส่วนนโยบายการเงินนั้นวันนี้เราก็มีข้อจำกัดเราจะใช้นโยบายดอกเบี้ยมากก็ไม่ได้ เพราะเนื่องจากว่าเรามีภาวะหนี้เสียอยู่สูง และรัฐบาลมีภาระโดยกองทุนฟื้นฟูต้องเข้าไปรับภาระจากความล้มเหลวของการแก้ปัญหาที่ใช้เวลายืดเยื้อนั้นเป็นภาระอยู่มาก เพราะฉะนั้น สองตัวนี้มีข้อจำกัดทั้งคู่ เมื่อมีข้อจำกัดทั้งคู่การทำงานของสองนโยบายนั้นต้องสมดุล ต้องคล้องจองกัน ถึงแม้ว่าคิดอิสระแต่ต้องให้มันสมดุลกัน เพราะว่าเรามีช่องในการที่จะขยับน้อยเหลือเกิน ถ้ายิ่งขัดแย้งกันก็ยิ่งทำให้ความเสียหายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นจะมากขึ้น ก็เลยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเปลี่ยนตัวเป็น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล มาแทน ท่านก็เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในวงการเงินคนหนึ่ง ส่วนอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นผมยังไม่ได้พบกับท่าน ก็อยากจะเชิญท่านมาทำงานในด้านอื่น ซึ่งท่านก็เป็นนักวางระบบที่ดีคนหนึ่ง เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถคนหนึ่ง แต่ว่าการทำงานนั้นถ้านโยบายไม่ตรงกันก็อาจจะทำงานด้วยกันไม่คล่องตัวเท่าที่ควร อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างเข้าใจกัน ไม่มีปัญหาอะไรที่จะทำให้ไม่เข้าใจกันขนาดนั้นนะครับ ก็กราบเรียนพี่น้องประชาชนจะได้ไม่ลำบากใจในส่วนนี้นะครับ

งานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ผมได้มีการเลี้ยงพบปะสังสรรค์ระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกนะครับ อย่างที่ผมเรียนพี่น้องไปว่า วันนี้พี่น้องประชาชนคงอยากจะเห็นนักการเมืองที่เลือกเข้ามาไม่ว่าให้มาเป็น ส.ส. มาเป็นรัฐมนตรี มาเป็นวุฒิสภา เป็นฝ่ายค้านเป็นฝ่ายรัฐบาล คนเหล่านี้ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนอยากเห็นระดมกำลังการทำงานให้กับประชาชน อยากให้เกิดการทำงานถ่วงดุลในระบบอย่างสร้างสรรค์ การถ่วงดุลไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนละชาติ เราเป็นคนต่างประเทศ คนไทยหรือคนสัญชาติต่างกันที่จะต้องมีความเห็นต้องขัดแย้งกันตลอดเวลา ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนอยากเห็นความรักความสามัคคีที่จะทำงานร่วมกันถ่วงดุลกันอย่างสร้างสรรค์มากกว่า เพราะฉะนั้น ผมเลยจะพยายามสร้างบรรยากาศให้มีความคุ้นเคยกันมากขึ้น ก็เลยไปเชิญทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภามาร่วมงานเลี้ยงเพื่อที่จะฝากการบ้าน ซึ่งเป็นการบ้านของพี่น้องประชาชนไปช่วยดูเป็นหูเป็นตาว่า ขณะนี้พี่น้องประชาชนในแต่ละที่เป็นอย่างไรบ้าง มีทุกข์อย่างไร มีข้อเดือดร้อนที่รัฐบาลควรจะรับรู้อย่างไร บรรดาสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายจะต้องกลับไปเยี่ยมราษฎรในช่วงปิดสมัยประชุมอยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสนอกจากสังสรรค์แล้วก็เลยฝากว่า ช่วยกลับไปดูพี่น้องประชาชนว่านโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลทั้งหลายนั้น พี่น้องประชาชนได้รับบริการมากน้อยแค่ไหน แล้วยังมีอะไรที่รัฐบาลควรจะทำเพื่อเราจะได้มารวบรวม และกำหนดนโยบายแนวทางใหม่เพิ่มขึ้นอีก เพื่อจะได้แก้ปัญหาของพี่น้องโดยเร็วที่สุด ก็ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดีก็มาร่วมกันมากพอสมควร แต่อันนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดพลาดที่รัฐบาลมีเวลาเตรียมตัวน้อยไปนิดหนึ่ง จึงบอกล่วงหน้ากระทันหันไป เลยอาจทำให้สมาชิกหลายท่านที่ติดงานอยู่มาร่วมงานไม่ได้นะครับ

ใช้สนามเสือป่า กองบัญชาการทหารสูงสุดขยายเป็นที่ทำการรัฐสภาใหม่อีกแห่ง

อีกเรื่องที่เกี่ยวกับทางสภาฯ นะครับ ตัวผมเอง ท่านประธานอุทัยและประธานมนูญกฤต ได้ร่วมกันประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อธิบดีกรมธนารักษ์ สำนักงบประมาณ มาร่วมกันหาแนวทางที่จะขยายที่ทำการของรัฐสภา ซึ่งวันนี้แออัดมากนะครับ โดยที่เราก็ไม่อยากไปใช้เงินมากมายในการไปสร้างใหม่ ย้ายใหม่ทั้งหมด เพราะเสียดายสิ่งที่ลงทุนไปแล้วคือ ห้องประชุมที่สามารถประชุมได้ 700 คนของรัฐสภา ที่มีอยู่และบริเวณอาคารก็ยังดีอยู่มาก ท่านประธานอุทัยเลยมองว่าสนามเสือป่า กองบัญชาการทหารสูงสุด ที่กำลังจะย้ายออกไปก็อยากจะลองดูว่าจะมีที่ที่จะให้รัฐสภาขยายบางส่วนออกไปได้หรือไม่ เลยเชิญส่วนที่เกี่ยวข้องมา และมีการตัดสินใจว่าชั่วคราวในช่วงแรกขอให้กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 600 คนย้ายออกไปเช่าตึกที่ไหนอยู่ก่อน และเขาจะไปสร้างอีกตึกหนึ่งเพิ่มในกองบัญชาการทหารสูงสุดแห่งใหม่ จะใช้เงินประมาณ 400 ล้านบาท และไปเช่าอยู่ชั่วคราวประมาณ 3 ปี เพื่อที่จะให้รัฐสภาที่แน่นอยู่แล้วขยายไปใช้ตึกของกองบัญชาการทหารสูงสุดชั่วคราวอีก 3 ปี และสำนักงานทรัพย์สินฯ จะยกที่ให้ 7 ไร่เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการของ ส.ส. กรรมาธิการฯ วุฒิสภา เพิ่มขึ้นอีกในเนื้อที่ 7 ไร่ซึ่งอยู่ในบริเวณสนามเสือป่า ก็จะทำให้รัฐสภาไม่ต้องสร้างใหม่เพียงแต่สร้างเพิ่มนิดหน่อย ก็จะทำให้การทำงานของรัฐสภาคล่องตัวขึ้น ใช้สถานที่เดิมเพียงแต่ย้ายกองบัญชาการทหารสูงสุดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็จะใช้เงินประมาณหนึ่งพันกว่าล้านเศษนิดหน่อย ประมาณ 500 ล้านบาทใช้สำหรับการย้ายกองบัญชาการทหารสูงสุด อีกประมาณ 500 กว่าล้านบาทใช้สำหรับสร้างอาคารใหม่ให้รัฐสภา ก็ถือว่าเป็นการใช้เงินที่น้อยและได้ผลเท่ากันคือทำให้รัฐสภามีสถานที่ทำงานที่คล่องตัว ใกล้และก็ไม่ขาดตอนในการที่จะทำงานโดยการที่สามารถไปใช้ที่ทำการชั่วคราวของกองบัญชาการทหารสูงสุดได้เลย ก็ได้รับความกรุณาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง ก็ขอขอบคุณทุก ๆ ฝ่ายที่มีความพร้อมอกพร้อมใจในการแก้ปัญหาร่วมกัน ก็ทำให้การแก้ปัญหาของที่ทำการรัฐสภาเสร็จสิ้นเสียที

รัฐบาลขอเวลาในการทำงาน

พี่น้องที่เคารพรักครับ ช่วงนี้เป็นช่วงซึ่งมีภาวะของเศรษฐกิจที่ยังต้องเป็นห่วงอยู่ ขอกราบเรียนว่ารัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่และดูทุก ๆ ส่วนของปัญหา ก็ขอใช้เวลาอีกสักนิดหนึ่ง เราก็จะแก้ปัญหาได้หลาย ๆ จุด ก็ขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนได้ทราบประจำสัปดาห์นี้เท่านี้นะครับ เพราะว่าเรายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะ ก็คงมาเล่าให้พี่น้องประชาชนได้ฟังทุก ๆ วันเสาร์เวลา 8 นาฬิกา ขอขอบคุณอีกครั้งที่ได้ติดตามรับฟังมาอย่างต่อเนื่องครับ

ขอขอบพระคุณครับ

------------------------------------------

ฝ่ายวิเคราะห์ข่าว สำนักโฆษก

จินตนา /ถอดเทป/พิมพ์


Resource:
//www.thaigov.go.th/webold/news/speech/thaksin/sp2june44.htm




 

Create Date : 12 มีนาคม 2551
0 comments
Last Update : 6 มกราคม 2552 13:47:58 น.
Counter : 1236 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.