" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
0120. 19 เมษายน 2544 คำกล่าวของ นายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร )ในโอกาสที่ คณะกรรมการบริหารและคณ

คำกล่าวของ นายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร )

ในโอกาสที่ คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการกลาง

จาก 37 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี

ณ ตึกสันติไมตรี ( หลังนอก )

วันที่พฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2544 เวลา 11.20 น.


-----------------------------------------------------


ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ท่านเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ท่านที่ปรึกษา ผู้แทนจากรัฐวิสาหกิจทุก ๆ ท่าน ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสพบกันอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เราเคยได้ปรึกษาหารือถึงแนวทางในการที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจของประเทศ ซึ่งผมเองก็ได้พูดคุยกับหลายท่าน ทั้งอย่างเป็นทางการบ้างไม่เป็นทางการบ้างตลอด เพราะว่านโยบายตอนที่เป็นพรรคไทยรักไทย และนโยบายตอนที่เป็นรัฐบาลนี้ เราใช้นโยบายที่เป็นการเขียนนโยบายแบบมีส่วนร่วม เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้คิดเองทำเองก็พยายามปรึกษาหาความคิด แม้กระทั่งในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคไทยรักไทย ก็เอาปัญหาสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจในอดีตมารวมอยู่ด้วย เพื่อต้องการที่จะให้มีส่วนร่วม แล้ววันนี้ก็มาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อต้องการให้มีส่วนร่วม ส่วนช่วยคิด เพราะว่ารัฐบาลเอง นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีไม่สามารถรู้ทุกเรื่อง แล้วรู้ก็อาจจะรู้ไม่จริง ก็เลยต้องให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมมากที่สุด นั่นคือวิธีคิดทั้งหมด ไม่ได้คิดเอง ในสิ่งที่ท่านเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ได้พูดไปเมื่อสักครู่ รวมทั้งท่านที่ปรึกษาและเป็นประธานสหภาพแรงงานของรถไฟด้วยคือคุณสมศักดิ์ ฯ ก็เป็นจุดที่รัฐบาลต้องขอขอบคุณ ที่ได้เอาข้อที่กังวลใจมาพูดกัน เพราะว่าอยากให้ทุกฝ่ายได้ทำงานและเดินหน้าไปด้วยกันด้วยความเข้าใจกัน เพราะวันนี้ประเทศเราไม่มีเวลาที่จะเกิดความขัดแย้งในสังคม เราต้องพยายามเดินหน้าด้วยความสมานฉันท์ เข้าใจซึ่งกันและกัน และมุ่งยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แล้วเราถึงจะเดินหน้าเอาประเทศรอด

วันนี้ถามว่าประเทศไทยเดินหน้าไหม ผมว่าเดินหน้าแต่ในความเร็วที่ช้ากว่าความเร็วโลก นั่นก็เท่ากับว่าเราถอยหลัง ทั้ง ๆ ที่เราเดินหน้าแต่ความเร็วมันช้ากว่ากัน เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะต้องเร่งความเร็วของเรา แล้วขณะเดียวกันที่เร่งความเร็วนั้นต้องพาเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ข้างหลังไปด้วย ไม่ใช่ไปคนเดียว นั่นคือสิ่งที่เราจะพยายามทำกันอยู่ในวันนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องทุกเรื่องที่เป็นปัญหาของสังคมในวันนี้ เราต้องพยายามขจัดความขัดแย้งและคิดร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ คิดโดยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แล้วหลังจากนั้นพวกเราทุกคนเป็นคนไทย เมื่อประเทศชาติถึงฝั่งพวกเราถึงฝั่งเหมือนกันหมด แต่ถ้าประเทศชาติไม่ถึงฝั่ง ใครคนใดคนหนึ่งในวันนี้ที่ดูเหมือนเป็นผู้ชนะก็จะเป็นผู้แพ้ในโอกาสต่อไป เพราะว่าประเทศไปไม่รอด เพราะฉะนั้นวันนี้ยิ่งผมเข้ามาเห็นตัวเลขเห็นอะไรแล้ว เห็นภาระผูกพันที่เรามีในวันข้างหน้าแล้วผมห่วง สังเกตดูไหมครับว่าผมพยายามระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน เพราะเนื่องจากเขาบอกว่าให้กระตุ้นเศรษฐกิจเอาเงินไปใช้ ผมใจเย็น ๆ ผมขอดู ใช้แล้วมันรั่วไหล แม้กระทั่งเรื่องของประกันราคาพืชผล ถ้าประกันแล้วถึงมือเกษตรกรนี่ผมไม่เสียดายเงินเลย เพราะเกษตรกรคือคนจน เมื่อเงินถึงมือเขาแล้ว เขาใช้เงิน แต่บังเอิญว่ามันถูกพักระหว่างทางมาโดยตลอด อันนี้คือสิ่งที่ผมไม่สบายใจ ผมถึงพยายามระมัดระวังและปรับปรุงมาโดยตลอด แล้ววันนี้อย่างเรื่องข้าวที่เราทำไป เวลานี้ราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ราคาก็ดีขึ้นแล้ว เพราะเมื่อไม่มีกลไกอะไรมาบิดเบือนกลไกตลาดแล้วมันก็ไปได้ เพราะฉะนั้นเรื่องของแรงงานก็เช่นกันครับ

ผมอยากเห็นผู้ใช้แรงงานของเรามีสวัสดิการที่ดี แต่ขณะเดียวกันนั้นต้องมีคุณภาพไปในตัวพร้อม ๆ กัน เพราะว่าเรามีสวัสดิการไม่มีคุณภาพ หรือมีคุณภาพไม่มีสวัสดิการก็คงไม่ได้ ผมไม่อยากให้มองอะไรด้านเดียว ต้องมองสองด้านตลอดเวลา เพราะฉะนั้นวันนี้เรื่องของคอรัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่มากของประเทศไทย คอรัปชั่นถูกปล่อยปละละเลยมาจนเกือบจะเป็นบรรทัดฐานของประเทศไปแล้ว เกิดการยอมรับกลายเป็นเรื่องธรรมดา ไปแล้ว คนขี้โกงคุยกันเป็นเรื่องปกติ เขาคุยกันแบบเหมือนคนไม่มีอะไรผิด ซึ่งผมฟังแล้วไม่สบายใจ แล้ววันนี้ผมถึงเริ่มต้นที่ผมใช้คำว่าประกาศสงครามกับคอรัปชั่น ถ้าเราไม่ประกาศสงครามคือเราไม่เอาจริงจังเท่าไร เราทำแก้บนไปไม่มีประโยชน์ จะทำจริง ๆ แล้วก็ต้องบอกว่าประกาศสงคราม ประกาศสงครามคือใช้ทุกวิถีทาง เพื่อให้ไปสู่จุดนั้นให้ได้ โดยผมเริ่มต้นที่ระดับรัฐบาล เมื่อเริ่มต้นที่ระดับรัฐบาลแน่นอนครับข้าราชการชั้นผู้ใหญ ่เขารู้แล้วครับว่า เขาจะสนองรัฐบาลนี้ด้วยเงินไม่ได้แล้ว ต้องด้วยงาน เขาก็จะปรับเปลี่ยน เมื่อปรับเปลี่ยนด้วยงาน งานจะเป็นผลได้ต้องไม่มีคอรัปชั่น หรือคอรัปชั่นต้องน้อยที่สุดมันถึงจะเป็นผล ถ้าเมื่อไรงานมีคอรัปชั่นมันก็ไป

วันนี้เราพยายามครับ แต่ว่าอย่าเพิ่งคาดหวังว่าความพยายามในวันนี้มันจะเปลี่ยนชั่วข้ามคืนมันไม่มีทาง เพราะมันฝังรากลึกและใช้เวลาพอสมควรในการทำ แต่ผมก็จะไม่ลดละและจะทำต่อ เพราะฉะนั้นที่คุณเสน่ห์ ฯ บอกว่าสนับสนุนเห็นด้วยนั้น รัฐวิสาหกิจเป็นขุมทองของนักการเมืองมาโดยตลอด วันนี้เราจะต้องพยายามปิดขุม เพราะทองมันจะไม่เหลือ ตอนนี้มันเหลือดินแล้ว หลายที่มันไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะต้องปิดหลุม เพื่อเราจะได้ให้ตรงนี้อย่างน้อย ๆ ก็คือหลุมมันอย่าใหญ่ อย่าเปิดรูกว้างนักเอามือขุดดีกว่า เราพยายามจะทำให้ได้ ต้องขอความร่วมมือกันแน่นอน อย่างที่ท่านสมศักดิ์ ฯ ได้บอกว่า อยากให้มามีส่วนร่วมให้สหภาพ ฯ เข้ามามีส่วนร่วม อันนี้ผมจะพยายามดูว่าจะมามีส่วนร่วมอย่างไร เพราะยิ่งโปร่งใสเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น

ผมจะกลับมาพูดถึงเรื่องแนวทางที่ได้เป็นห่วงกันว่าจะขายเหมือน ปรส.หรือเปล่า ต้องเรียนว่าผมพูดตลอดเวลาให้ยกชั่งกิโลขายอย่างนั้นยังไม่มี ไม่มีแน่นอน แล้วผมไม่เห็นด้วยเลย แล้วเอาของไปขายยกกิโลขายเป็นล็อตขายเป็นกุรุสถูก ๆ ในยามที่อย่างนี้ขายของถูก ๆ อย่างนี้ไม่มี ไม่ใช่นิสัย เพราะผมเป็นคนค้าขายเป็น เพราะฉะนั้นผมต้องรู้ว่านี่คือวันนี้เท่ากับผมกำลังจะผันตัวเองมาทำธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นธุรกิจเพื่อชาติไม่ใช่ธุรกิจของตัวเอง นั่นก็คือว่าการดูแลรัฐวิสาหกิจให้ทำเงิน กรณีรัฐวิสาหกิจที่เป็นรัฐวิสาหกิจต้องแข่งขันอย่างเช่นการบินไทย การบินไทยนี่ผมสั่ง DD ผมว่าท่านไปเตรียมการทำ Long Term Plan ผมจะไปเป็นประธานในการทำ Long Term Plan ให้กับการบินไทย เพราะว่าวันนี้เราขายของเก่ากิน เรากินบุญเก่ามามากแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องคิดว่าข้างหน้านี้ จะแข่งขันกับเขาอย่างไร ผมเห็นเก้าอี้เฟิร์สคลาสการบินไทย ผมก็บอกว่าไม่ไหวแล้วต้องปรับเปลี่ยน ผมเห็นวันนี้สิ่งที่ยังเข้มแข็งก็คือความเป็นการบินไทย และการบริการที่ดีของพนักงาน ที่เหลือผมยังมองไม่เห็น Strategy ผมยังต้องหาทางปรับปรุง นั่นคือยกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะต้องหาทางช่วยรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ให้สามารถที่จะบริหารอย่างดี

ทีนี้หลักที่ผมพูดกันตลอดเวลาว่ารัฐวิสาหกิจกู้ชาติคืออะไร ต้องเรียนว่าวันนี้หนี้ภาครัฐมีอยู่ 2.8 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากปัญหาของสถาบันการเงิน การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท แล้วสมมติแล้วว่าธนาคารที่รัฐเอามาเป็นสมบัติของรัฐนั้น ในอีก 4 – 5 ปีข้างหน้าจะขายออกไปได้ราคา 1.5 เท่าของราคาตามบัญชี หักแล้วคือ 1.3 ล้าน ๆ เพราะฉะนั้นเราเสียหายตรงนี้มาก และขณะเดียวกันวันนี้รัฐวิสาหกิจมีรายได้ 1.1 ล้าน ๆ มีรายจ่าย 1.2 ล้าน ๆ เราขาดทุนอยู่รวมกันแล้ว 40,000 กว่าล้าน แล้วก็ตัวกระแสเงินสดขาดประมาณ 200,000 ล้านต่อปี นั่นก็คือต้องมีการลงทุนเพิ่ม ซึ่งตรงนี้คือจุดที่วันนี้เหมือนกับว่าวันนี้ประเทศมีเงินอยู่น้อย เราจะต้องใช้เงินเหล่านี้ให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด

ผมจะมองประเทศทั้งระบบ เพราะฉะนั้นผมจะต้องดูตัวเลขอย่างนี้ทั้งระบบ แล้ววันนี้ผมนั่งดูตัวเลขรายได้ ผมเรียนวันนั้นที่ผมเคยพูดเรื่องความจริงประเทศไทย งบประมาณปี 2545 ตั้งงบไว้ชำระหนี้ 115,000 ล้านเป็นดอกเบี้ย 90,000 กว่าล้าน ชำระเงินต้นเพียง 20,000 กว่าล้าน แล้วนับวันส่วนของการชำระเงินต้นจะบางลง ๆ เพราะเนื่องจากว่าดอกเบี้ยเพิ่ม เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราคิดว่าจะหาเงินมาใช้หนี้เพียงอย่างเดียวนั้น เราจะใช้เวลานานมากแล้วจะทำให้ประเทศเกิดความน่าเชื่อถือที่อ่อนแอลง การทำบัญชีมี 2 ข้าง บัญชีรายรับ บัญชีรายจ่าย บัญชีทรัพย์สิน บัญชีหนี้สิน นี่คือหลัก เพราะฉะนั้นผมจะต้องทำอย่างไรให้ประเทศ ให้นักลงทุนทั่วโลกก็ดี ให้บริษัทที่กำหนดความน่าเชื่อถือของประเทศก็ดี มองว่าถึงแม้เรามีหนี้แต่เรามีทรัพย์สิน และทรัพย์สินเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องขาย แต่ต้องมีราคาอ้างอิงที่เป็นมาตรฐาน นั่นคือหลัก เพราะฉะนั้นผมจะต้องให้เห็นบัญชี 2 ข้าง ถ้าเห็นบัญชีข้างเดียวเมื่อไร ความน่าเชื่อถือของประเทศไม่มี คนก็ไม่มาลงทุน

วันนี้ตามลำพังของประเทศเรา ถ้าเราจะเติบโตด้วยกระแสเงินสดในประเทศ ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีกระแสเงินสดจากต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนการท่องเที่ยว การที่คนเอาเงินมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศ นั่นคือสิ่งที่ลงทุน ลงทุนทั้งแบบไหน แบบในตลาดหลักทรัพย์และแบบลงทุนระยะยาว อันนั้นคือสิ่งที่เราจะต้องทำอย่างไรให้การลงทุนนั้นเราไม่ถูกกินมากเกินไป นี่คือสิ่งที่ผมมองภาพรวมทั้งหมด

เพราะฉะนั้นวันนี้ในแง่ของภาครัฐวิสาหกิจผมมองอย่างไร รัฐวิสาหกิจคือธุรกิจที่รัฐเป็นเจ้าของ แสดงว่าเมื่อรัฐเป็นเจ้าของถ้าตรงนี้มันคือสินทรัพย์ภาคหนึ่งของรัฐบาล ถ้าสินทรัพย์เหล่านี้ถูกมีราคาอ้างอิงที่เหมาะสม ก็จะทำให้ภาพของการที่รัฐบาลมีหนี้สินกับทรัพย์สินมันดูสมดุลกัน เพราะฉะนั้นผมคิดตัวเลขหยาบ ๆ ก่อนว่า ถ้าหากเราหักอันที่เป็นสาธารณูปโภค ที่จะต้องบริการประชาชนขึ้นมาอีกหลายประเภท ประเภทที่เป็นสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่จะต้องถือว่าเป็นบริการประชาชนไม่ได้มีโอกาสค้ากำไร กรณีอย่างนั้นเราหยุดไว้ เราเอาสิ่งที่เป็นค้ากำไรที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นเพราะว่า องค์การการค้าโลกบังคับว่าเราจะต้องเปิดให้มีการแข่งขัน เราเตรียมความพร้อมในวันนี้แล้วเอาสิ่งเหล่านี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ ไปจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เกิดมูลค่าการตลาด ซึ่งมูลค่าการตลาดนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องขายออกไปทั้งหมด เขาใช้วิธีราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้น ออกมาเท่าไรนั่นคือมูลค่าการตลาด มันก็จะเห็นมูลค่าการตลาดของรัฐบาล คำนวณดูแล้วน่าจะอยู่ประมาณ 2 ล้านล้าน ถ้าสมมติว่าเราจดทะเบียนหมด ก็จะกลายเป็นว่าสินทรัพย์มีอยู่ 2 ล้านล้าน หนี้สินมีอยู่ 2.8 ล้านล้าน ก็ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะมันมีสินทรัพย์โชว์ แต่วันนี้เขาไม่เห็นว่าเรามีสินทรัพย์อยู่เท่าไร แต่ความจริงมีมาก แต่การโชว์ตรงนั้นไม่ได้ว่าขายหมด ไม่รู้จะขายไปทำอะไร แล้วก็ไม่มีใครมีเงินมาซื้อมากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าใครจะไปขายก็ไม่มีคนซื้อขนาดนั้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ บางบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีมูลค่าการตลาดอยู่ 100,000 ล้าน อยากจะขายทั้งหมดก็ไม่มีใครซื้อ เพราะมันไม่มีใครจะมาซื้อขนาดนั้น ก็ขายได้ที 20 เปอร์เซ็นต์อย่างมาก ก็ 20,000 กว่าล้าน หมดแล้ว เพราะว่าจำนวนนักลงทุนมันไม่มีมากพอขนาดนั้น แต่บริษัทนั้นถูกราคาอ้างอิงว่ามีมูลค่า 100,000 ล้าน ยกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐวิสาหกิจทั้งหมด การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นั้น

ผมต้องการให้ท่านภาคภูมิใจว่า รัฐวิสาหกิจนั้นสามารถที่จะทำให้ชาวโลกเห็นว่า เป็นสินทรัพย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ มีมูลค่าใกล้เคียงกับหนี้สินที่รัฐบาลมี เพื่อสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือของประเทศทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขายไปทั้งหมด ขายบางส่วน การขายบางส่วนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารอย่างมืออาชีพแน่นอน ถ้าไม่มีประสิทธิภาพในการบริหาร รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นก็จะไม่ได้ราคา แล้วเกิดการเปรียบเทียบมาตรฐานอุตสาหกรรมจากคนทั่วไป จะทำให้การคอรัปชั่นนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น แล้วเหลือน้อยลง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ราคาเครื่องบิน 1 ลำ ถ้าการบินไทยซื้อเครื่องบินแพงกว่าสิงคโปร์ แอร์ไลน์ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เหมือนกัน เราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเปรียบเทียบกัน ถ้าการบินไทยซื้อแพงกว่าสิงคโปร์ นักวิเคราะห์บอกได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่การบินไทย พวกนี้จะมีมาตรฐานเทียบ จะทำให้การทุจริตคอรัปชั่นมากนั้นยากขึ้น องค์การโทรศัพท์ซื้อสวิทชิ่ง 1 ตัวมีความจุเท่านี้ ราคาทำไมซื้อแพงกว่าที่อื่น มันจะถูกเปรียบเทียบทันที นี่คือการที่เราจะพัฒนาให้รัฐวิสาหกิจนั้นมีระดับการบริหารแบบมืออาชีพ เมื่อมีระดับการบริหารแบบมืออาชีพมากขึ้น แน่นอนครับพนักงานก็ได้รับการฝึกฝน แต่ก่อนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ต้องพูดคุยกันในแต่ละรัฐวิสาหกิจ แน่นอนการกระจายหุ้นเบื้องต้นต้องไปที่พนักงาน เป็นสวัสดิการบางส่วน เป็นสิทธิบางส่วนอะไรก็แล้วแต่ ก็คือเป็นสิ่งที่เราจะพูดคุยกัน

ผมไม่ทำอะไรโดยไม่คุยกัน เพียงแต่ว่าฝากบอกกัน แล้วหลังจากนั้นเราจะคุยกัน แล้วก็กระจายหุ้นเข้าสู่ตลาด แต่การกระจายหุ้นนั้นในยามที่ตลาดไม่ดีเรากระจายน้อย เพื่อให้กระตุ้นความหิว แล้ววันหลังพอราคาหุ้นดีก็ค่อยกระจายต่อ การกระจายนั้นกระจายจำกัดไม่กระจายเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าต้องการให้เราเป็นเจ้าของ แล้วสิทธิการบริหารยังเป็นของเราตลอดไป การกระจายนั้นส่วนใหญ่แล้วจะกระจายเป็นรายย่อย กระจายพวกสถาบัน นักลงทุนสถาบัน กระจายแบบนี้เขาไม่มายุ่งเกี่ยวกับการบริหาร แต่เขามาตรวจสอบการบริหารว่าโปร่งใสไหม มีประสิทธิภาพไหม ถ้าไม่โปร่งใสไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่เขาทำได้คือขายหุ้นทิ้ง ราคาหุ้นก็ตก เพราะว่าเราเองไม่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่อไรเรามีประสิทธิภาพ เรารักษาผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นรายย่อย นั่นก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่โกงผู้ถือหุ้นรายย่อย ก็เท่ากับบริษัทไม่ถูกโกงไปในตัว กรณีอย่างนี้ก็จะทำให้หุ้นราคาดี พนักงานที่ถือหุ้นอยู่ถ้าอยากจะขายก็ได้ราคาดี เพราะฉะนั้นพนักงานก็จะรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ก็จะทำให้บริษัทนี้ดี เมื่อบริษัทดีบริษัทเป็นของรัฐบาล รัฐบาลก็ดี ประเทศก็ดี นั่นคือสิ่งที่เรากำลังมองให้มันเป็นปฏิกริยาลูกโซ่ ที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ดี ๆ ขึ้นกับองค์กรของท่าน เพื่อนำมาสู่ประเทศ นี่คือวิธีที่ผมคิด

แล้วสังเกตดูครับว่ารัฐวิสาหกิจนั้น ต่อไปนี้เราจะไม่ให้มีการบริหารแบบรัฐวิสาหกิจ คือหมายความว่าทุกอย่างรัฐบาล ไปคุมเข้มหมด แล้วทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกท่านจะต้องบริหารกันเองให้มากขึ้น เพราะฉะนั้นต้องวางระบบ เมื่อวางระบบแล้วการบริหารจะต้องเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพของตัวเอง วันนี้ผมกำลังจะทำการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องของการปรับปรุงระเบียบบริหารทั้งหลาย ทั้งของราชการและรัฐวิสาหกิจ เพราะผมไม่อยากให้เราออกกติกาจนแน่น เพื่อระวังคนเลว 3 เปอร์เซ็นต์ไม่ให้โกง แล้วคนดี 97 เปอร์เซ็นต์ทำงานอะไรไม่ได้เลย นี่คือประสิทธิภาพที่ล้มเหลวทั้งภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ เพราะฉะนั้นผมจะพยายามคุยกันในเรื่องแนวนี้ ท่านทั้งหลายจะได้มีส่วนร่วม เพื่อเราจะได้ผ่อนปรนกติกา จากนี้จะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่าย เราจะมีการพูดคุยกัน ผมจะขอให้ท่านทั้งหลายมามีส่วนร่วมในการคิดด้วยกัน เราต้องคิดว่าเป้าหมายของเราคือประเทศ เอาประเทศให้รอด แล้วก็รักษาองค์กรของท่านโดยประเทศใหญ่ที่สุด องค์กรใหญ่ที่สอง แล้วตัวเราถึงมาสุดท้าย ถ้าเราเอาตัวเราก่อนเมื่อไรก็ไปไม่รอด ถ้าทุกคนเห็นแก่ตัวหมดประเทศเจ๊งเลย

เพราะฉะนั้นวันนี้ผมถึงเรียกร้องว่าทุกฝ่ายวันนี้เราไม่มีเวลาทะเลาะขัดแย้ง ขัดขากันอีกแล้ว เรามีอย่างเดียวคือคิดร่วมกันแก้ปัญหาร่วมกันด้วยเหตุผล โดยมีเป้าหมายเอาประเทศเป็นที่ตั้ง ถ้าเราทำอย่างนี้ทุกเรื่องผมว่าไม่มีอะไรที่ขวางสมองคนไทยได้ ท่านสมศักดิ์ ฯ พูดเมื่อสักครู่นี้ว่า ต่างชาติที่จ้างที่ปรึกษานั้นเลิกไปได้ไหม ผมวันนี้ให้นโยบายไปแล้วครับ เลิกให้มากที่สุด เหลือให้น้อยที่สุด จนเวลานี้สื่อต่างประเทศบางประเทศไม่เข้าใจ ไปหาว่าผมเป็นประเภทชาตินิยมจนชนิดที่ไม่คบฝรั่ง มันไม่ใช่ครับคนละเรื่องกัน ผมบอกว่าเวลาฝรั่งมาถามผม ผมมักจะอ้าง help your self before got I help you ก็คืออัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ผมต้องช่วยตัวเองก่อน ประเทศไทยไม่ช่วยตัวเองจะยืมจมูกคนอื่นหายใจมันไม่ไหวหรอก เราช่วยตัวเองเรายืนบนแข้งเรา ๆ รู้ทิศทางที่จะไปแล้ว โอเค คุณมาช่วยผมตรงนี้หน่อยนะ ไม่เป็นไรเพราะเรารู้ว่าเราจะใช้อะไรเขา แต่วันนี้ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าเราจะใช้อะไรเขา แต่จ้างเขามาเพราะเขาเสนอว่าจะมาช่วย ก็เลยจ้างเขามา หมดค่าที่ปรึกษาไปร่วมหมื่นล้านปีหนึ่ง ทั้งภาครัฐวิสาหกิจ ภาคสถาบันการเงินและภาคราชการ เงินเหล่านั้นเสียดาย

ผมเชื่อว่าสมองคนไทยมีเยอะพอ แต่เพียงแต่ว่าไม่มีการนำเพื่อบอกกับเขาว่าจะใช้เขาทำอะไรบ้างอย่างไร เพราะจุดอ่อนของคนไทยก็คือว่าเป็นคนซึ่งรักความสงบ ไม่ค่อยอยากเสนอตัวเท่าไร ส่วนใหญ่พวกเสนอตัวก็ธรรมดา ๆ พวกเก่ง ๆ ไม่ค่อยเสนอตัว เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะใช้สถาบันการศึกษาของไทยเราที่มีครูบาอาจารย์เก่ง ๆ แต่มาประกอบขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ ให้กับรัฐวิสาหกิจบ้าง ให้กับสถาบันการเงินบ้าง วันนี้กำลังทำอยู่หลายเรื่องที่ต้องเรียนว่าเราคิดเหมือนกันเลย คิดตรงกันเลย การที่จะรักษารัฐวิสาหกิจของเราไว้ให้เป็นสมบัติของลูกหลานนั้นเป็นสิ่งที่ผมยึดมั่น แต่เพียงแต่ว่าการกระจายหุ้นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น จำเป็นเพื่ออะไร ท่านเชื่อไหมว่ามันมีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า Other people money แปลว่าเงินชาวบ้าน คือการขยายธุรกิจหรือรัฐวิสาหกิจในอนาคตข้างหน้า มันจะใช้เงินรัฐหรือก่อหนี้ภาครัฐต่อไปไม่ค่อยไหว มันต้องใช้เงินสาธารณะเงินของนักลงทุนจากทั้งไทย และต่างประเทศ นั่นเป็นการเพิ่มทุน เพิ่มทุนขายหุ้นในตลาด เงินเหล่านั้นก็มาขยาย

ผมยกตัวอย่างชีวิตผม ผมเอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ผมเพิ่มทุนมาโดยตลอด จนมูลค่าการตลาดเพิ่มเป็นหมื่นล้านแสนล้าน ทั้ง ๆ ที่เงินผมมีไม่มาก แต่เพราะว่าเราไปทำงานบริหารให้มันมีประสิทธิภาพ แล้วก็ให้เกิดความน่าเชื่อถือ เราเพิ่มทุนทีไรก็มีคนมาลงทุนกับเรา แล้วผลสุดท้ายก็ขายกันไปขายกันมา วนกันอยู่อย่างนี้ ปรากฏว่าเรายังมีหุ้นใหญ่ ไม่ได้เสียสิทธิการปกครองการดูแลอะไรสักอย่างหนึ่งแต่ถูกบังคับขึ้นทุกวัน ๆ ให้โปร่งใส ให้มีประสิทธิภาพ ให้รักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อองค์กร เพราะฉะนั้นการกระจายหุ้นผมมองไม่เห็นว่ามีอะไรเสีย ถ้าเราไม่ยกกิโลขาย นี่บริษัทนี้เอาไปสัก 50 เปอร์เซ็นต์สิ ขายถูก ๆ แล้วหวังคอรัปชั่นกันอย่างนั้น อย่างนั้นเลว อย่างนั้นไม่มีไม่ทำ แต่การกระจายหุ้นต่อสถาบันการเงินต่อผู้ลงทุน อันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา อย่างกรณีที่ Strategic Partner มันมีบางข้อ ขององค์การโทรศัพท์ กรณีอย่างนั้นต้องคิดให้รอบคอบ ต้องถามว่าคุณมีอะไรมา Offer มีอะไรที่ Offer ที่ดีกว่าผมขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าไม่มีไม่รู้เอามาทำไม ถ้ามาเข้ามาซื้อ 5 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีบทบาทในการบริหาร แต่ว่าจะเป็นพันธมิตรกันทำมาหากินร่วมกัน อย่างนั้นน่าคิด แต่ผลสุดท้ายเราก็ต้องกลับมาล็อคที่อำนาจการคุม ไม่ให้มันหลุดพ้นจาก 51 เปอร์เซ็นต์ อันนี้คือหลักที่ถือว่าดีที่สุด แต่ของเรานี่ที่พูดรัฐวิสาหกิจพูดเผื่อมามากหลายปีแล้ว มันไม่ไปถึงขนาดนั้นหรอก คิดดูว่ามูลค่าการตลาดตั้ง 2 ล้านล้าน ขาย 10 เปอร์เซ็นต์ได้เท่าไร 2 แสนล้าน 20 เปอร์เซ็นต์ได้ 4 แสนล้าน 20 เปอร์เซ็นต์นี่ก็ไม่รู้ว่าใครมาซื้อแล้วหมดแล้ว เงินไม่มีแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ มันใหญ่ มันไม่ได้ขายไปรวดเร็วขนาดนั้น สมมติว่าเก็บไว้ 51 เปอร์เซ็นต์ขายไป 49 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 1 ล้านล้าน เงินที่ไหนมี 1 ล้านล้าน มันไม่มี เข้าใจไหมครับ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ผมพูดเผื่อยาวไปเลยอีก 10 – 20 ปีข้างหน้า ซึ่งมันคงไม่เป็นขนาดนั้น ถ้าถึงวันนั้นเราเพิ่มทุนไปเรื่อย ๆ เราก็ได้ทุนจากแหล่งทุนต่างประเทศ ก็ทำให้รัฐวิสาหกิจเติบโตแทนที่จะเพิ่มทุนจากการก่อหนี้ภาครัฐ เพราะหนี้ภาครัฐก่อไปอีกมันลำบาก แต่ถ้าถามว่ารัฐวิสาหกิจต้องขยายทุนไหม ต้องขยาย ไฟฟ้าต้องขยายไหม ต้องขยาย เพราะว่าครัวเรือนมีมากขึ้น ต้องขยายกำลังการผลิต ยิ่งเศรษฐกิจดียิ่งต้องขยาย แล้วถามว่าไฟฟ้าจะเอาเงินภาครัฐต่อไปตลอดไหวไหม มันไม่ไหว แต่ถ้ากระจายทุนกระจายหุ้น ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้เงินเข้ามา ก็มาขยายการลงทุนขยาย ๆ ก็ขยายได้ แต่ถามว่าสิทธิการบริหารยังอยู่ไหม เต็มร้อย ถึงแม้หุ้นไม่ถึงร้อยก็บริหารได้เต็มร้อย นี่คือสิ่งที่เรามองรัฐวิสาหกิจทั้งหมด

ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยคิดจะยกรัฐวิสาหกิจขายเป็นกิโล ขายถูกขายทิ้งขายขว้างไม่มี แต่ต้องการประสิทธิภาพในการบริหาร ต้องการมาตรฐานในการบริหาร แล้วสิ่งที่คุณสมศักดิ์ ฯ เป็นห่วงว่าจะค้ากำไรจนไม่บริการประชาชนหรือไม่นั้น อันนั้นดูเป็น case by case ถ้า case ไหนเป็น case ที่ต้องบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ case ที่ถูกบังคับว่าต้องมีการแข่งขันจากข้อตกลงองค์การการค้าโลกที่เราไปเซ็นต์มาแล้ว ตรงนั้นต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ ถ้าเราไม่พร้อม วันนั้นวันที่เขามาเปิดแข่งกับเราแล้วเราตาย สิ่งที่ท่านหวงทั้งหลายมันจะตายไปหมด มันไม่มีอะไรเลย เพราะว่ามันแพ้การแข่งขันอย่างราบเรียบ เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวเองให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ เพื่อเมื่อองค์การการค้าโลกมีผลบังคับใช้ วันนั้นเราพร้อมแล้วเราแข็งแรงแล้วเราภูมิใจ เชิญมาเลยมาแข่งในสนามประเทศไทยสู้ผมไม่ได้หรอก อันนั้นอย่างนั้นจะเข้าท่ากว่า นั่นคือสิ่งที่เราจะเตรียม เพราะฉะนั้นอันไหนที่เราจะต้องถูกบังคับมาแข่งขัน เราจะเริ่มผลักดันให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ แล้วใช้วิธีกระจายหุ้นแล้วก็ไม่ยอมเสียการควบคุม ให้ตกเป็นของใครเด็ดขาด ยังเป็นของรัฐบาลไทย แต่บริหารแบบมืออาชีพไม่บริหารแบบราชการอีกแล้ว บริหารแบบราชการไม่เอาแล้ว กว่าจะซื้อของชิ้นหนึ่งเขียนเสป็คแล้ว ประกวดราคาเสร็จร้องกันไปร้องกันมา ได้ของล้าสมัยพอดี พอแล้วอย่างนี้ไม่เอาแล้ว กติกาอย่างนี้ตายเลย เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วโดยเฉพาะทางไอที

วันนี้ท่านทั้งหลายต้องช่วยกันปรับองค์กรแล้วก็ให้พรรคพวกของเราปรับตัว เพราะว่าเราจะต้องเจอการแข่งขัน เพราะวันนี้ถ้าเราบอกว่าเราไม่รับการแข่งขันใด ๆ ทั้งสิ้น ผลสุดท้ายพี่น้องเพื่อนร่วมชาติเราเกษตรกร 60 เปอร์เซ็นต์ของประเทศขายของไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นกติกาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องยอมให้มีการแข่งขันตามพันธะกรณีที่มีมาแล้วในองค์การการค้าโลก แต่ขณะเดียวกันเขาก็ต้องเปิดตลาดให้เรา ถ้าใครเบี้ยวมาผมก็เบี้ยวไป ผมไม่มียอมให้เขาเบี้ยวข้างเดียวแน่ ไปถึงประเทศนี้ปิดไม่ยอมให้สินค้าเราเข้าทั้ง ๆ ที่ตกลงกันแล้ว ผมก็กลับมาดูว่าประเทศเขาเข้ามาทำอะไรเราก็ปิดเหมือนกัน ผมจะไม่มียอม ผมไม่มีเป็นหมูให้ใครเด็ดขาด เพราะฉะนั้นตรงนี้คือเรามองภาพรวมของประเทศว่าฐานะประเทศเรามีพันธะกรณีอย่างไร เราจะต้องรักษาของเราอย่างไรที่รักษาแล้วรอด ไม่ใช่รักษาแล้วไปตายในวันข้างหน้า นี่คือวิธีที่คิดครับ

ขอเรียนว่าสิ่งที่รัฐบาลห่วงทั้งหลาย รัฐบาลห่วงเหมือนท่านแล้วรัฐบาลก็หวงพวกท่าน ไม่ใช่ว่าปรับเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วท่านถูกปลดออกกันหมด แต่แน่นอนครับมันจะต้องมีการปรับปรุงมีการฝึกเพื่อให้ท่านเก่งขึ้น แล้วต่อไปเมื่อเข้าตลาดแล้วมันมีแต่เพิ่มคนไม่มีลดคนเพราะมันขยาย เริ่มจากการเพิ่มทุนการขยายทุนมันเกิดขึ้นก็ขยายตัวเร็วมาก ไม่มีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพบริษัทไหนที่หดตัว นอกจากบริษัทนั้นมีผู้บริหารที่แย่มาก ยิ่งทำยิ่งแย่ ๆ เพราะคอรัปชั่นเงินเอาไปใช้เองบ้าง อย่างนั้นถึงจะแย่ ถ้าบริษัทที่อยู่ในตลาดคือมีแต่ขยายตัว ขยายตัวตลอด เมื่อขยายตัวตลอดโอกาสที่จะปลดคนไม่มี นอกจากเป็นคนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทำงาน เกเร เมาเหล้า อย่างนั้นมันเรื่องธรรมชาติของเขาที่กำหนด อันนั้นต้องเรียนว่าส่วนด้านนั้นจะไม่มี

ส่วนที่ผู้นำสหภาพ ฯ ขอความคุ้มครอง หมายความว่าคุ้มครองจากการทำงานหรือคุ้มครองด้านความปลอดภัยครับ มีอะไรคุณสถาพร ฯ เป็นตัวแทนของท่านอยู่ในรัฐบาล ท่านเอาคุณสถาพร ฯ เป็นตัวประกันได้ มีอะไรบอกกัน ผมเองเป็นคนซึ่งไม่ได้คิดว่าเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้คนไทยทั่วประเทศเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมคือคนธรรมดาไม่มีอะไรเลย ผมเป็นคนง่าย ๆ เรียบ ๆ เพราะฉะนั้นมีอะไรพูดคุยกันได้ เจอกันที่ไหนก็คุยกันได้ คือถ้ามีอะไรก็บอกคุณสถาพร ฯ ถ้ามีเรื่องสำคัญ ๆ ขอพบผมได้ เพียงแต่ว่าถ้าไม่สำคัญขอให้ผ่านคุณสถาพร ฯ หน่อย เพราะว่าเรื่องเยอะเหลือเกิน ในฐานนะนายก ฯ เรื่องเยอะจริง ๆ

เรื่องขอจำหน่ายอย่าเกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เราจะพยายามให้การจำหน่ายไปทีละขั้น ไม่มาก ไม่รวดเร็ว ไม่วูบวาบ แล้วผมวิธีขายของอย่าไปขายของในยามราคาถูก อีกหน่อยกฎหมายอาจจะมีการแก้ไขให้เป็นลักษณะที่ถ้าวันที่หุ้นมันตกมาก ฝ่าย Management ขอซื้อคืนได้ ซึ่งจะทำให้ในเวลาที่เราขายหุ้นในยามแพง ถ้ามันลงมามากเกินไป มากกว่าราคาที่ควรจะเป็น ทาง Management เห็นว่าจำเป็นก็ซื้อกลับมาได้ เพราะฉะนั้นหุ้นจะมีอย่างนี้ แต่อย่างไรจะมีขีดจำกัดไม่ขายเกินอยู่แล้ว อย่างการบินไทย เห็นไหมครับแค่มูลค่าการตลาด 60,000 ล้าน อยากจะขายอีก 10 เปอร์เซ็นต์ก็ขายยากขายเย็น แค่ 6,000 ล้านแต่มันไม่ใช่ง่าย การบินไทยเวลานี้รัฐยังถืออยู่ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ 80 เปอร์เซ็นต์ขายไปได้นิดเดียว อยากขายต่อยังขายไม่ได้ มันไม่ได้ขายง่ายอย่างที่คิด

การคัดเลือกผู้บริหารสูงสุด สหภาพ ฯ อยากมีส่วนร่วม เช่น การสรรหากรณีของโรงฟอกหนัง บางสิ่งบางอย่างนั้น ผมเรียนว่าอยากให้สหภาพ ฯ ได้มีการให้ความรู้ซึ่งกันและกัน แล้ววันนี้ผมเห็นสหภาพ ฯ ได้คนที่เข้าใจระบบบริหารมากขึ้น ๆ แล้ววันนั้นผมคิดว่าอีกหน่อยสหภาพ ฯ ก็อาจจะอยู่ในบอร์ดก็ได้ คือขอให้สหภาพ ฯ ทั้งหลายนั้นได้คิดถึงประเทศเป็นอันดับ 1 องค์กรเป็นอันดับ 2 แล้วหลังจากนั้นเมื่อเรารักษาผลประโยชน์ ของพนักงานเป็นอันดับ 3 ไม่เป็นไรเลย ถ้าหากว่าเราบอกว่าพนักงานต้องมาก่อน องค์กรก็ไปไม่รอดอย่างนั้นก็เป็นอันตราย คือต้องถือหลักว่ารอดต้องรอดยาว ไม่ใช่รอดเพื่อไปตายเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าตรงส่วนนี้ผมรับได้ ผมเป็นคนเปิดเผยและอยากเห็นทุกอย่างเปิดเผย เพราะฉะนั้นเมื่อเปิดเผยแล้วก็ไม่ควรจะรังเกียจในการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย สังเกตได้จากการทำงานของผมหลายครั้ง บางทีผมก็ปล่อยให้สื่อมวลชนนั่งอยู่ด้วย ประชุมก็นั่งอยู่ด้วย เพราะว่าผมไม่มีอะไรเป็นความลับ นอกจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องลับที่ยังไม่ต้องการที่จะให้รู้ในวันนี้ เพราะว่าจะเกิดผลอะไร อย่างนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีเรื่องที่หลักการบริหารทั่วไปผมไม่ค่อยมีความลับ

ผมเชื่อว่าผมตอบคำถามส่วนใหญ่ของท่านแล้ว ขอเรียนว่าอย่าวิตกว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำเป็นการทำร้าย หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในหน้าที่การงานของพวกท่าน อันนี้ไม่มี ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง บอริส เยลต์ซิน อดีตประธานาธิบดีของรัสเซีย จอห์น เมเจอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไปเยี่ยมเขาแล้วก็นั่งรถไปด้วยกัน ไปถึงชานเมืองมอสโคว์ บอริส ฯ ก็ชี้ให้จอห์น ฯ ดูโรงงาน ๆ หนึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจมีคนงานอยู่ 50,000 คน ไอเอ็มเอฟสั่งให้ปิดเพราะว่าขาดทุน บอริส ฯ ถามจอห์น ฯ ว่า จอห์น ฯ คุณคิดยังไง ในเมื่อบอกว่าขาดทุนไอเอ็มเอฟ ให้ปิด แต่คน 50,000 คนต้องตกงานทันที สิ่งนี้ไม่เกิดถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีผมไม่ยอมหรอก เพราะผมคิดว่าวันนี้กำลังซื้อของคนในประเทศกำลังหด คนตกงานคืออันตรายต่อกำลังซื้อโดยตรง แล้วยิ่งรัฐวิสาหกิจที่จะเข้าตลาดแล้วมีการเปิดผลงานนั้นไม่มีนโยบายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ว่ามีอย่างเดียวคือฝึกให้พนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วเมื่อเข้าตลาดแล้วขยายตัวมีแต่เพิ่มคน โอกาสลดคนไม่มี เรียนว่าเรื่องของความปลอดภัยในงานนี้เข้าใจเป็นอย่างดี

เรื่องของสวัสดิการ วันก่อนที่มีข่าวว่าจะไม่ให้พนักงานได้หุ้นแล้วที่องค์การโทรศัพท์ ไม่มีในนโยบายครับ นโยบายชักดาบยังไม่มีครับ ขอเรียนว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามกติกาที่ควรจะเป็นว่า การกระจายหุ้นพนักงานควรจะได้สิทธิอย่างไร อันนั้นเป็นเรื่องที่จะไปคุยกันในรายละเอียด แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรื่องความปลอดภัยเรื่องสวัสดิการไม่มีปัญหา ขออย่างเดียวครับ คิดร่วมกัน รัฐบาลกับทางสมาพันธ์ ฯ เอาประเทศเป็นตัวตั้ง เอาองค์การเป็นอันดับ 2 เอา สวัสดิการพนักงานมาเป็นอันดับ 3 ทั้งหมดเราเรียงตามลำดับนี้ รับรองว่าเราไม่มีความขัดแย้งกันเลย แล้วผมก็จะคิดอย่างนี้ แล้วก็จะพูดคุยกับท่าน ถ้อยคำอะไรที่ตกหล่นในวันนี้ ท่านตกหล่นผมตกหล่น ให้คุณสถาพร ฯ เป็นตัวกลาง

ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ได้เข้าใจนโยบายและเข้าใจวิกฤตของประเทศที่เราจะคิดร่วมกันทำร่วมกัน เพื่อให้ประเทศเราได้รอด เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต แล้วเราก็จะรักษารัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นสมบัติของชาตินี้เอาไว้ให้ลูกหลานเราด้วย แต่เอาไว้ในสภาพที่แข็งแรงมีประสิทธิภาพ ไม่เอาไว้ในสภาพทรุดโทรม สิ่งไหนที่ทรุดโทรมเรามาหาทางคิดร่วมกันว่าทำอย่างไรจะดีขึ้น รถไฟของคุณสมศักดิ์ ฯ จะทำอย่างไรดีเพราะขาดทุนเยอะเหลือเกิน เราก็มาคิดร่วมกัน การท่าเรือ ฯ ว่าอย่างไรดี ขอขอบคุณอีกครั้งครับ เรามีอะไรก็เจอกันได้ มีการสัมมนาทางวิชาการกันบ้างอะไรบ้าง แล้วผมส่งตัวแทนบ้างอะไรบ้างเพื่อที่จะได้พัฒนาได้หาทาง ถ้าท่านรู้แนวอย่างนี้ ท่านลองคิดองค์กรของท่านว่าจะปรับปรุงการบริหารอย่างไร เรื่อง กฎ ระเบียบที่เป็นปัญหา คิดเผื่อล่วงหน้าเลยครับ วันที่สัมมนาเราจะได้เอามาคุยกัน ผมไม่อยากให้เรามองโลกในแง่ร้าย ในอดีตถือว่าฝันร้ายก็แล้วกัน ในอนาคตคือสิ่งที่เราจะต้องทำใหม่ให้ดีที่สุด ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

----------------------

Resource:
//www.thaigov.go.th/webold/news/speech/thaksin/sp19apr44.htm


Create Date : 12 มีนาคม 2551
Last Update : 12 มีนาคม 2551 14:25:53 น. 0 comments
Counter : 645 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.