" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
0060. WHEN YOU SAY YES BUT MEAN NO : 1 ใน 106 หนังสือควรอ่าน จาก นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร






เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และ แนะนำหนังสือรวม 2 เล่ม คือ When You Say Yes But Mean No ซึ่งเขียนโดย Leslie A. Perlow เล่มนี้ นายกรัฐมนตรี ได้อ้างเนื้อหาบ้างส่วนให้คณะรัฐมนตรีฟังว่า...

..."นักบริหาร ต้องมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น จะต้องดูทั้ง Productivity และ Creativity ขององค์กร ต้องเข้าใจสภาพจิตใจของพนักงาน หมั่นสังเกตแนวความคิด และ ความสัมพันธ์ของคนในองค์กร คนที่นิ่งเฉยอาจไม่เห็นด้วยก็ได้ ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของการป้องกันตนเอง (Self Protection) เมื่อเกิดความกลัวจะทำให้บุคคลกล้าแสดงออกน้อยลง ส่งผลให้ทางเลือกในการแก้ปัญหามีน้อยลง และ Job Satisfaction จะลดลงด้วย ดังนั้น ผู้บริหาร จะต้องเปิดโอกาสให้คนกล้าแสดงออก และ ให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาขององค์กร หมั่นสร้างแนวร่วมและพัฒนาการทำงานเป็นทีมเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์"



Create Date : 10 มีนาคม 2551
Last Update : 10 มีนาคม 2551 12:26:50 น. 7 comments
Counter : 1057 Pageviews.

 


หนังสือน่าอ่าน

When You Say YES But Mean NO

การนิ่งเงียบไม่ช่วยแก้ไขความขัดแย้งซ้ำยังทำลายบริษัท
วัฒนธรรมการทำงานของเรามักไม่นิยมความขัดแย้ง ทำให้พนักงานต้องจำใจพยักหน้าทั้งๆ ที่ใจอยากค้าน ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการที่ในที่ทำงานมีบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่า เขาคงจะต้องตกงานหากแสดงความเห็นที่ขัดแย้งออกมา หรือไม่ก็อาจทำให้ลูกค้ารายสำคัญต้องหลุดมือไป หากขืนแสดงความขัดแย้งกับลูกค้า แต่ Leslie A. Perlow กลับไม่เห็นเช่นนั้น Perlow ผู้เป็นนักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมและรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard Business School ชี้ว่า การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง แต่การนิ่งเงียบเก็บความรู้สึกไม่เห็นด้วยไว้ในใจต่างหาก ที่จะทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจตลอดจนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว

วังวนแห่งความนิ่งเงียบ
Perlow ชี้ว่าเมื่อเรานิ่งเงียบในครั้งแรก เราจะมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบต่อไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถลำลงสู่ "วังวนแห่งความนิ่งเงียบ" โดยหารู้ไม่ว่าเรากำลังทำสิ่งที่เสี่ยงต่อการสูญเสียตัวเอง สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น กระทั่งสูญเสียงานที่เราทำอยู่ การนิ่งเงียบเมื่อรู้สึกไม่เห็นด้วย การเก็บความรู้สึกและการจำใจแสดงความเห็นด้วย ไม่ใช่วิธีแก้ไขความขัดแย้ง แต่กลับทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ผิดหวัง กังวลหรือแม้แต่โกรธ แล้วเราก็จะโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราอารมณ์ไม่ดี หรือไม่ก็ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองกำลังอารมณ์บูด การทำเช่นนี้รังแต่จะเพิ่มความไม่สบายใจให้ตัวเองจนในที่สุดจะกลายเป็นการปกป้องตัวเองมากจนเกินไป ซึ่งกลับจะทำร้ายความสัมพันธ์กับผู้อื่นให้เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว จนเหลืออยู่แต่ความรู้สึกไม่ไว้วางใจและความกลัว

การนิ่งเงียบไม่กล้าแสดงความแตกต่างออกมาส่งผลเสียต่อองค์กรดังนี้
- องค์กรจะไม่ได้รับความคิดใหม่ๆ เพราะไม่มีใครกล้าที่จะคิดต่าง จึงขาดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
- อารมณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถระบายออกมาจะเก็บกดอยู่ภายในใจส่งผลเสียต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนกระทบความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
- ผู้บริหารจะไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ให้ภาพอีกด้านหนึ่ง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
- ประสิทธิภาพการผลิตและความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรหดหาย

การไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระย่อมกลายเป็นความอัดอั้นตันใจ และทำให้พนักงานหมดความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม เพราะเมื่อคนเรารู้สึกว่าความคิดของตนไม่ได้รับการให้ความสำคัญ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า และจะแยกตัวออกจากงานและองค์กร ทำให้ความรู้สึกพึงพอใจในงานลดต่ำลง บริษัทก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

แบบแผนทิ้ง
Perlow เสนอทางแก้สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความนิ่งเงียบดังนี้
- หยุดโทษคนอื่นและกล้าที่จะรับผลที่เกิดขึ้นในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
- ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร จงให้เกียรติต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
- ทำต่างไปจากแบบแผนที่เคยปฏิบัติกันมาบ้างเพราะนี่เป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
- สร้างพันธมิตรซึ่งจะทำให้ได้รับประโยชน์จากการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น


Resource://www.shincorp.com/interdb/iNewsT-form.asp?news_no=95&cateid=120&searchField=


โดย: การนิ่งเงียบไม่ช่วยแก้ไขความขัดแย้งซ้ำยังทำลายบริษัท (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:29:03 น.  

 
นายกรัฐมนตรีแนะนำหนังสือ When You Say Yes But Means No

ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (18 พ.ย.46) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำให้คณะรัฐมนตรีไปเสาะหาหนังสือมาอ่าน ๑ เล่ม ชื่อ “When You Say Yes But Means No”

หรือแปลว่า “เมื่อคุณพูดว่าใช่ แต่ในใจบอกไม่ใช่” ที่เขียนโดย Leslie A. Perlow ซึ่งสาระของหนังสือได้พูดถึงบุคคลที่อยู่ในองค์กรและมีท่าทีที่เพิกเฉย โดยหลายๆ ครั้งที่มีการสั่งงานหรือประชุมก็จะเห็นด้วย แต่ในใจมีความรู้สึกคัดค้านตลอด ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรีได้ชี้ให้เห็นว่า ในความนิ่งเฉยหรือเงียบ แต่ในใจขัดแย้ง จะทำให้องค์กรที่ทำงานอยู่ไม่มีความเจริญก้าวหน้า โดยในหนังสือได้มองลึกไปถึงเรื่องของการจูงใจให้คนในองค์กรทำงานเพื่อให้เกิดความสำเร็จ เรื่องของผลลัพธ์หรือผลงานที่ได้ และเรื่องของแนวความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำงาน

ที่มา : สำนักข่าวไทย


โดย: นายกรัฐมนตรีแนะนำหนังสือ When You Say Yes But Means No (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:30:05 น.  

 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2546

When You Say Yes But Mean No

การนิ่งเงียบไม่ช่วยแกไขความขัดแย้งซ้ำยังทำลายบริษัท

วัฒนธรรมการทำงานของเรามักไม่นิยมความขัดแย้ง ทำให้พนักงานต้องจำใจพยักหน้าทั้งๆ ที่ใจอยากค้าน ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการที่ในที่ทำงานมีบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่า เขาคงจะต้องตกงานหากแสดงความเห็นที่ขัดแย้งออกมา หรือไม่ก็อาจทำให้ลูกค้ารายสำคัญต้องหลุดมือไป หากขืนแสดงความขัดแย้งกับลูกค้า แต่ Leslie A. Perlow กลับไม่เห็นเช่นนั้น Perlow ผู้เป็นนักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมและรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard Business School ชี้ว่า การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง แต่การนิ่งเงียบเก็บความรู้สึกไม่เห็นด้วยไว้ในใจต่างหาก ที่จะทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจตลอดจนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว

วังวนแห่งความนิ่งเงียบ

Perlow ชี้ว่าเมื่อเรานิ่งเงียบในครั้งแรก เราจะมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบต่อไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถลำลงสู่ "วังวนแห่งความนิ่งเงียบ" โดยหารู้ไม่ว่าเรากำลังทำสิ่งที่เสี่ยงต่อการสูญเสียตัวเอง สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น กระทั่งสูญเสียงานที่เราทำอยู่ การนิ่งเงียบเมื่อรู้สึกไม่เห็นด้วย การเก็บความรู้สึกและการจำใจแสดงความเห็นด้วย ไม่ใช่วิธีแก้ไขความขัดแย้ง แต่กลับทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ผิดหวัง กังวลหรือแม้แต่โกรธ แล้วเราก็จะโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราอารมณ์ไม่ดี หรือไม่ก็ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองกำลังอารมณ์บูด การทำเช่นนี้รังแต่จะเพิ่มความไม่สบายใจให้ตัวเองจนในที่สุดจะกลายเป็นการปกป้องตัวเองมากจนเกินไป ซึ่งกลับจะทำร้ายความสัมพันธ์กับผู้อื่นให้เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว จนเหลืออยู่แต่ความรู้สึกไม่ไว้วางใจและความกลัว

การนิ่งเงียบไม่กล้าแสดงความแตกต่างออกมาส่งผลเสียต่อองค์กรดังนี้

‘ องค์กรจะไม่ได้รับความคิดใหม่ๆ เพราะไม่มีใครกล้าที่จะคิดต่าง จึงขาดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
‘ อารมณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถระบายออกมาจะเก็บกดอยู่ภายในใจส่งผลเสียต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนกระทบความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
‘ ผู้บริหารจะไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ให้ภาพอีกด้านหนึ่ง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
‘ ประสิทธิภาพการผลิตและความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรหดหาย

การไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระย่อมกลายเป็นความอัดอั้นตันใจ และทำให้พนักงานหมดความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม เพราะเมื่อคนเรารู้สึกว่าความคิดของตนไม่ได้รับการให้ความสำคัญ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า และจะแยกตัวออกจากงานและองค์กร ทำให้ความรู้สึกพึงพอใจในงานลดต่ำลง บริษัทก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

สลัดแบบแผนทิ้ง

Perlow เสนอทางแก้สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความนิ่งเงียบดังนี้

‘ หยุดโทษคนอื่นและกล้าที่จะรับผลที่เกิดขึ้นในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
‘ ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร จงให้เกียรติต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
‘ ทำต่างไปจากแบบแผนที่เคยปฏิบัติกันมาบ้างเพราะนี่เป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
‘ สร้างพันธมิตรซึ่งจะทำให้ได้รับประโยชน์จากการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น


Resource:
//www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=10091


โดย: การนิ่งเงียบไม่ช่วยแกไขความขัดแย้งซ้ำยังทำลายบริษัท (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:35:19 น.  

 



เมื่อปากบอกว่า ใช่ แต่ใจบอกว่า ไม่
(WHEN YOU SAY YES BUT MEAN NO)

ผู้แต่ง/แปล : LESLIE A. PERLOW / พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ :แปล
ISBN : 9749293428
Barcode : 9789749293423
ปีพิมพ์ : 1 / 2548
ขนาด (w x h) : 145 x 210 mm.
ปก/จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 239 หน้า 1
ราคาปกติ : 175.00 บาท
ราคาพิเศษ : 140.00 บาท (ลดถึง %) เฉพาะสั่งซื้อทางเว็บไซต์เท่านั้น


โดย: เมื่อปากบอกว่า ใช่ แต่ใจบอกว่า ไม่ (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:39:04 น.  

 
"When You Say YES But Mean NO"

..... เมื่อปากว่า ใช่ แต่ ใจบอกว่า ไม่ ... ทำไมเราจึงยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งๆ ที่ในใจไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ..


โดย: "When You Say YES But Mean NO" (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:40:41 น.  

 
นายกรัฐมนตรีแนะนำหนังสือ When You Say Yes But Means No
วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน 2546 - 00:01 น.
Topic ข่าวคณะรัฐมนตรี


ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (18 พ.ย.46) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำให้คณะรัฐมนตรีไปเสาะหาหนังสือมาอ่าน ๑ เล่ม ชื่อ “When You Say Yes But Means No”
หรือแปลว่า “เมื่อคุณพูดว่าใช่ แต่ในใจบอกไม่ใช่” ที่เขียนโดย Leslie A. Perlow ซึ่งสาระของหนังสือได้พูดถึงบุคคลที่อยู่ในองค์กรและมีท่าทีที่เพิกเฉย โดยหลายๆ ครั้งที่มีการสั่งงานหรือประชุมก็จะเห็นด้วย แต่ในใจมีความรู้สึกคัดค้านตลอด ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรีได้ชี้ให้เห็นว่า ในความนิ่งเฉยหรือเงียบ แต่ในใจขัดแย้ง จะทำให้องค์กรที่ทำงานอยู่ไม่มีความเจริญก้าวหน้า โดยในหนังสือได้มองลึกไปถึงเรื่องของการจูงใจให้คนในองค์กรทำงานเพื่อให้เกิดความสำเร็จ เรื่องของผลลัพธ์หรือผลงานที่ได้ และเรื่องของแนวความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำงาน

ที่มา : สำนักข่าวไทย


บทความนี้มาจาก NRCT
//203.150.225.127/~nrct/

ชื่อ URL ของเรื่องนี้อยู่ที่:
//203.150.225.127/~nrct/modules.php?op=modload&name=News&file=article&sid=808


โดย: นายกรัฐมนตรีแนะนำหนังสือ When You Say Yes But Means No (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:41:26 น.  

 
WHEN YOU SAY YES BUT MEAN NO
สรุปเนื้อหาบางส่วนจาก นิตยสารผู้จัดการ ฉบับที่ 243 เดือนธันวาคม 2546
โดย สุทัตตา



ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ Leslie A. Perlow รองศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาวัฒนธรรม จากฮาร์วาด
ซึ่งได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจว่า การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง แต่การนิ่ง
เงียบและเก็บความในใจไว้เรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างหากเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดที่จะเพิ่มความไม่สบายใจให้ตน
เอง จนกลายเป็นความปกป้องตนเอง มากเกินไป และทำลายความสัมพันธ์กับผู้อื่นให้เลวร้ายไปอย่างรวดเร็ว

การนิ่งเงียบไม่แสดงความแตกต่างออกมา ส่งผลเสียต่อองค์กรดังนี้

1. องค์กรจะขาดการค้นพบทางเลือกใหม่และความคิดใหม่ๆ

2. อารมร์ไม่ดีไม่ระบายออกมา จะส่งผลเสียต่อปฎิสัมพันธ์และการแสดงออกต่อผู้ร่วมงาน

3. ผู้บริหารจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้การตัดสินใจผิดพลาดได้

4. ประสิทธิภาพขององค์กรและความคิดสร้างสรรค์ส่วนหนึ่งหายไป เพราะคนที่รู้สึกว่าตนเองไม่มีค่าจะแยกตัวเอง

ออกจากงานและองค์กร

โดยผู้เขียนได้เสนอทางแก้ไว้ดังนี้

1.กล้าที่จะรับผลจากความคิดที่แตกต่างนั้น และหยุดโทษคนอื่น

2.ผู้บริหารต้องให้เกียรติ แก่ผู้ร่วมงานทุกคน

3.การคิดต่าง ปฎิบัติต่างไปจากเดิมบ้าง อาจจะพบทางเลือกใหม่ๆ

4.สร้างพันธมิตร เพื่อให้ได้รับประโยชน์ จากการได้รับข้อมูลที่หลากหลายและถูกต้องมากขึ้น



สำนักกิจการนักศึกษา
มหาวิทยาลัย อีสเทิร์นเอเชีย
200 ถนนรังสิต - นครนายก คลอง5 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 10110


โดย: WHEN YOU SAY YES BUT MEAN NO (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:53:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.