ถ้าใครเคยอ่านหนังสือของท่านเรื่อง Danger of I หรือเรื่องอันตรายซึ่งตัวกู เป็นหนังสือที่ท่านแปลเป็นภาษาอังกฤษ ท่านไม่ต้องการให้คนทุกคนมีชีวิตที่มันกัดเจ้าของของมัน ท่านใช้คำว่า ชีวิตที่กัดเจ้าของ เป็นคำพูดที่มีความหมายในตัวมาก
ที่นี้สิ่งที่ท่านพูดในหลายๆ ข้อ ความจริงแล้วที่ IMF มาบอกประเทศไทยว่าให้เป็นรัฐบาลที่มี good governance หรือเป็นรัฐบาลที่คุณธีรยุทธ บุญมี ใช้คำว่าธรรมรัฐ ในภาษาอังกฤษมีอยู่ 2 คำ รวมกันคือ Transparency กับ accountability หมายความว่า โปร่งใสตรงไปตรงมา กับมีความรับผิดชอบหรือมีความชัดเจนในเรื่องนั้นๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้ที่ท่านได้พูดเอาไว้นานแล้วแต่มันไม่ออกมาเป็นธรรมรัฐหรือ good governance เท่านั้นเอง
สิ่งที่ท่านพูดมานั้นถ้าปฏิบัติต่อไป เราก็ไม่ต้องให้ IMF มาบอกว่าเราต้องเป็นรัฐบาลที่เป็น good governance หรือไม่ต้องมาบอกภาคเอกชน ถ้าภาคเอกชนมีพฤติกรรมที่เป็นธรรมะอย่างนี้ ก็ไม่ต้องมาบอกว่าคุณต้องเป็นลักษณะ corperate good governance เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความโปร่งใสชัดเจนในระบบบัญชีไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น
โดย พ.ต.ท ดร. ทักษิณ ชินวัตร"
การแก้ปัญหาต้องคิดนอกกรอบ
วิธีศึกษาพระไตรปิฎก คือ ต้องศึกษาโดยที่หลุดพ้นออกจากพระไตรปิฎกเสียก่อน จึงจะเห็นพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง นี่ล่ะครับบอกให้รู้ว่าวิธีการแก้ปัญหาคือการคิดนอกกรอบ หรือ คิดใหม่
ปัญหาของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในวันนี้ บางทีเราต้องคิดหลุดพ้นจากประเทศไทยสักนิดหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาดูในประเทศ มันเหมือนกับว่าเรามีปัญหาอยู่ในห้องนี้ กำลังวุ่นวาย ถ้าเราอยู่ในห้องนี้ ชุลมุนกับเขา เราไม่เห็นหรอกว่าปัญหาจริง ๆ คืออะไร แต่ถ้าเราไม่ยืนอยู่นอกห้องจะเห็นว่าเขากำลังชุลมุนกันเพราะเรื่องนี้ เราอาจจะพบวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องได้
นั่นคือเราต้องพยายามคิดให้ได้ว่า โลกเขาเป็นอย่างไร คิดอย่างไรแล้วค่อยกลับมาดูว่าประเทศไทยวันนี้ปัญหามันคืออะไร เราจะแก้อย่างไรภายใต้พื้นฐานแห่งการมีธรรมะในสังคมทุกระดับ
มีพฤติกรรมที่เป็นธรรมะโดยไม่ต้องให้ใครบังคับ
ทีนี้สิ่งที่ท่านพูดในหลาย ๆ ข้อ ความจริงแล้วที่ IMF มาบอกประเทศไทยว่าให้เป็นรัฐบาลที่มี good governance หรือเป็นรัฐบาลที่ คุณธีรยุทธ บุญมี ใช้คำว่าธรรมรัฐ ในภาษาอังกฤษ มีอยู่ ๒ คำ รวมกัน คือ transparency กับ accountabilty หมายความว่า โปร่งใส ตรงไปตรงมา กับมีความรับผิดชอบหรือมีความชัดเจนในเรื่องนั้น ๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้ที่ท่านได้พูดเอาไว้นานแล้วแต่มันไม่ออกมาเป็นธรรมรัฐ หรือ good governance เท่านั้นเอง
สิ่งที่ท่านพูดมานั้นถ้าปฏิบัติต่อไป เราก็ไม่ต้องให้ IMF มาบอกว่าเราต้องเป็นรัฐบาลที่เป็น good governance หรือไม่ต้องมาบอกภาคเอกชนถ้าภาคเอกชนมีพฤติกรรมที่เป็นธรรมะอย่างนี้ ก็ไม่ต้องมาบอกว่าคุณต้องเป็นลักษณะ corperate good governance เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อ สังคม มีความโปร่งใสชัดเจนในระบบบัญชี ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น
ความจริงธรรมะบอกแล้ว ท่านพระพุทธทาสก็พูดเอาไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ เป็นแนวทำนองนี้ อันนี้มันเป็นการบอกให้รู้ ไม่ว่าเรื่องของการเห็นแก่ตัว เรื่องของการเป็น ตัวกูของกู
ท่านบอกว่าเดี๋ยวนี้มีแต่คนหน้าด้าน ไม่รู้จักกลัวบาป ละอายบาปแก่ตัวเอง จึงทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ได้ แล้วยืนยันและยืนกรานที่จะทำอยู่เรื่อย ๆ นี่คือ คำพูดของท่านพุทธทาสนะครับ ไม่ใช่คำพูดของผม นี่กำลังบอกอะไรบางอย่างว่าท่านพูดมานานแล้ว
แต่วันนี้ถามว่าความหน้าด้านตรงนี้มันหยุดยั้งหรือยัง ยังครับ เพราะฉะนั้น ถ้าหากความมีหิริโอตตัปปะมันเกิดขึ้น ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมันลดลงไปนะครับ อย่างที่ท่านบอกว่านิพพานมันมี ๆ หาย ๆ ก็ได้ มันไม่ใช่ความนิ่งหรือความสงบหรือความมีจิตว่าง มันไม่ใช่ว่ามีแล้วก็อยู่ตลอดไป บางทีอาจจะมีแล้วก็หายไป หรือความว่างอะไร พวกนี้ที่มีแล้วก็หายไป ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้ คำว่า good governance ไม่ต้องให้ IMF มาบอก แต่เราทำได้เอง
นักการเมืองต้องรักเพื่อนมนุษย์
ท่านพูดถึงเรื่องนักการเมืองโพธิสัตว์ ซึ่งบอกให้เรารู้ว่า ถ้าหากเป็นนักการเมืองต้องรักเพื่อนมนุษย์
ผมบอกนักการเมืองที่จะเข้ามาทำงานการเมืองกับผม ว่า ถ้าใครไม่มีทัศนคติรักประชาชน อย่าคิดมาเป็นนักการเมือง เพราะมันผิดตั้งแต่เบื้องต้นแล้วเป็นไปมันก็มีแต่เสียทุกอย่าง เสียทั้งตัวเขา เสียทั้งบ้านทั้งเมือง เสียทั้งพรรคเพราะฉะนั้นคำว่ารักเพื่อนมนุษย์เป็นคำพูดที่เหมาะสมมาก
คนที่คิดจะมาทำงานการเมือง หรือผู้แทน ชื่อก็บอกแล้วว่า คุณมีหน้าที่เป็นตัวแทนมาทำงานเพื่อประชาชน มาจัดการให้คนทั้งหลายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่เขาไม่ได้บอกให้คุณอาสาเพื่อมาทำงานให้ตัวคุณเองร่ำรวย ทำให้คุณหลงใหลในเกรียติยศของคุณ มันไม่ใช่ตรงนั้น
เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ได้ทำงานด้วยความรักเพื่อนมนุษย์ คุณก็จะมีแต่ตัวตน ตัวกูของกู ตรงนี้ท่านบอกไว้หมดแล้ว ว่าเราต้องรักเพื่อนมนุษย์
นักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของความกตัญญู
ประการสุดท้ายที่น่าสนใจ คือ ความกตัญญู อย่างที่ผมพูดไปแล้วนักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างของความกตัญญูที่ดี เพราะนักการเมืองเป็นคนที่อยู่ในจุดมองเห็นชัดที่สุดของสังคม มีสื่อมวลชนต้องเดินตามนักการเมืองตลอดเวลา ต้องสัมภาษณ์ ต้องถ่ายออกทีวี พฤติกรรมของนักการเมืองที่แสดงออกมาย่อมสะท้อนต่อสังคมมากกว่าอาชีพอื่น
เพราะฉะนั้นถ้านักการเมืองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ตรงนี้ให้พระไปโปรดเท่าไหร่ ให้ธรรมะไปเท่าไหร่ ก็ยังคงทำให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ เข้าใจผิดแบบเดิม ๆ อยู่นักการเมืองเป็นคนที่เห็นได้ชัดที่สุด จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้
เน้นการเรียนรู้ด้วยความเข้าใจ
อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการศึกษา ท่านได้พูดว่าธรรมะนี้มันอยู่ในตัวคนมันไม่ใช่ว่าใครมาท่องมาอ่าน มาจำมาท่องแบบเครื่องจักรกลที่ส่งเสียง อย่างนั้นมันไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะฉะนั้นถ้าคนที่มานั่งฟังธรรมะไปเรียนธรรมะ โดยที่ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังต้องการธรรมะ ก็จะไม่ได้อะไรเลย
นั่นคือท่านสอนวิธีการเรียนการสอนว่า ต้องเรียนต้องสอนด้วยความเข้าใจไม่ใช่ระบบท่องจำ ระบบการเรียนการสอนของเรากำลังสอนให้เด็กท่องจำ ซึ่งท่านกำลังสอนวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ให้เรา แล้วท่านก็ยังสอนให้คนรุ่นหลัง ๆ รู้จักรักสิ่งแวดล้อม ซึ่งะยะหลังเราต้องยอมรับว่าสิ่งแวดล้อมเราเสียหายมากอันนี้เป็นผลต่อความผาสุกของคนในสังคมในอนาคต
พรรคการเมืองต้องศึกษาและแก้ไขจุดอ่อนของสังคม
อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องกาลามสูตร ๑๐ ข้อ
อันนี้ท่านสอนให้รู้ทั้งการศึกษา สอนสังคมไทย แล้วก็สอนวิธีการคิดให้คนไทยในการผลิตสินค้า ประเทศไทยเราวันนี้เป็นประเทศที่เป็นนักทำตามแต่ก็ตามไม่ค่อยทันเพราะเราไม่ค่อยคิดอะไรของเราเอง เราทิ้งภูมิปัญญาเดิมของเราที่เคยมีอยู่มาพอสมควร
ดังนั้นเราต้องกลับมาสร้างภูมิปัญญา สะสมทุนทางปัญญาของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ไม่เลียนแบบคนอื่นหรือตกเป็นเหยื่อของการซื้อวัตถุดิบซื้อเทคโนโลยีที่ไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีกรอบของการที่จะนั่งคิดฟื้นฟูภูมิปัญญาไทย แล้วก็คิดสร้างภูมิปัญญาใหม่ สะสมทุนปัญญาใหม่
อันนั้นก็เป็นสิ่งที่ท่านพูดในกาลามสูตร ๑๐ ข้อ สอนวิธีคิดให้เชื่อ หรือไม่เชื่อคน แล้วสังคมไทยเรามีจุดอ่อนตรงนี้จริง ๆ เราเชื่อง่ายเป็นสังคมกระแสเพราะคนนี้พูดอย่างนี้เราจึงเชื่อ หรือเพราะคนว่าอย่างนั้นมาเราเลยเชื่อ บางทีเราๆ ไม่ได้ดูต่อ ไม่ได้ศึกษาว่าที่เขาเชื่อนั้นคืออะไร
บางทีพรรคการเมืองเห็นจุดอ่อนของสังคมตรงนี้ แล้วใช้จุดอ่อนตรงนี้เป็นประโยชน์แก่การเมืองของตัวเอง ซึ่งตรงนี้อันตรายมาก พรรคการเมืองมีหน้าที่ศึกษาจุดอ่อนของสังคมแล้วแก้ไข ไม่ใช่มาใช้จุดอ่อนของสังคม เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ตรงนี้สังคมจะแย่ลง เลวร้ายกว่าเดิม
เพราะฉะนั้นวันนี้ พรรคการเมืองต้องมีสำนึกที่จะหาทางว่า ทำยังไงที่สังคมมีจุดอ่อนแล้วมาช่วยกันแก้ ตรงนี้ยังเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่ง คือวิธีคิดวิธีเชื่อของคน เชื่อเพราะว่าคนนี้เราชอบแล้วเชื่อ ซึ่งบางครั้งความเกลียด หรือความรักมันทำให้จิตไม่ว่าง ไม่เป็นกลาง เพราะฉะนั้นถ้าจิตไม่ว่าง การตัดสินใจทั้งหลายบนสิ่งที่ไม่มีธรรมะ ก็จะผิดหมด
ท่านบอกว่าธรรมะไม่มีซ้ายไม่มีขวา ธรรมะคือตรงกลาง ถ้าจิตคนไม่ว่างต้องไปเชื่อตรงนั้นตรงนี้นี่ จะทำให้คนหลงผิดแล้วเข้าใจผิดได้ อันนั้นก็เป็นวิธีสอนของท่านที่จะให้สังคม และการศึกษาได้พัฒนา เพื่อป้องกันมิให้คนเชื่อสิ่งใดโดยขาดวิธีคิดที่รอบด้านและรอบคอบ
การเมืองไทยในปี ๒๐๐๐
การเมืองบ้านเราในวันนี้ เราใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในปี ๒๐๐๐ คือ ปีหน้าผมเชื่อว่าอย่างน้อย ๆ ความตื่นตัวของประชาชนและองค์กรต่าง ๆ จะออกมาผลักดันมากขึ้น เพราะหลายฝ่ายอยากเห็นการเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นให้สมกับเจตนารมณ์ที่ตั้งใจไว้ว่า จะปฏิรูปการเมือง
แต่การปฏิรูปจะสมบูรณ์ต่อเมื่อกฎหมายลูกทั้งหมดออกมาเรียบร้อยและมีการปฏิบัติภายหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมเชื่อว่าอย่างน้อยการเมืองในปี ๒๐๐๐ คงจะดีขึ้น คนหน้าใหม่ ๆ จะเข้าสู่การเมืองมากขึ้น แต่คนหน้าเก่า ๆ จะทำพฤติกรรมแย่อย่างเก่าก็คงยากขึ้นด้วย เพราะระบบตรวจสอบถ่วงดุลจะมีมากขึ้น
อีกประการหนึ่ง ในเมื่อยุคสงครามเย็นมันสงบ แล้วสงครามมันไม่ใช่การแบ่งเป็น ๒ ขั้วอีกต่อไป มันเหลือขั้วเดียว ก็กลายเป็นว่าอเมริกาเป็นประเทศที่แทบจะครองทุกอย่าง เพราะฉะนั้นการที่จะดำเนินกลยุทธ์ทุกอย่างทั้งเรื่องของการค้าขาย การลงทุนในแบบของอเมริกัน หรือแบบของตะวันตกมันจะรุ่นแรงมากขึ้น
ระบบนี้เป็นระบบที่แน่นอน และเอื้ออำนวยต่อทุนนิยมมาก ยิ่งใหญ่ยิ่งได้ประโยชน์ทั้งประเทศทั้งตัวบริษัท เพราะฉะนั้นบริษัทต่างประเทศจึงพยายามใช้วิธีการควบคุมกิจการข้ามชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจะเห็นข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ
การเมืองที่ดีต้องช่วยผลักกระบวนการสร้างเถ้าแก่รายใหม่
ฐานสำคัญที่สุดของประเทศไทยวันนี้คือ ต้องสร้างฐานคนที่ทำธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ให้แข็งแกร่งในทุกระดับ ระดับหนึ่งคือฐานที่ตัวใหญ่ ๆ ทำไม่ได้ หรือทำสู้คนเล็ก ๆ ไม่ได้ ตรงนี้เราทำได้
อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องการใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมของเรา ที่มาพัฒนาให้ทันต่อโลกต่อการบริโภคของโลก ตามแนวทางที่โลกต้องการบริโภค อันนั้นคือเรื่องของเศรษฐกิจ
อีกเรื่องคือคนที่ตกงานทุกวันนี้เราไม่มีทางที่จะดูดซับคนที่ตกงาน และคนที่จบการศึกษา ใหม่ ๆ เข้าไปสู่ระบบได้ภายใน ๓ ปี เพราะฉะนั้นเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีสำหรับคนที่ตกงานปัจจุบัน การที่เราจะแก้ตรงนี้ได้คือเราต้องคิดสร้างคนสร้างงาน
แต่ก่อนคนไทยถูกสอนว่าเรียนจบมาให้ไปหางานทำ ไปเป็นมนุษย์เงินเดือนให้หมด จนไม่เกิดคนที่สร้างงานหรือคนที่เป็นเถ้าแก่รุ่นใหม่ ๆ ปัจจุบันความเข้าใจลึกซึ้งที่จะส่งเสริมให้คนที่จะสร้างงาน หรือเป็นเถ้าแก่ใหม่ ๆ ไม่มีเพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องเกิดระบบการสร้างเถ้าแก่รายใหม่ เพื่อจะให้คนที่ตกงาน วันนี้ หรือจบใหม่วันนี้ ได้มีงานทำมากขึ้น อันนี้ก็เป็นแนวที่เศรษฐกิจในยุคปี ๒๐๐๐ หรือแนวทางในยุค ๒๐๐๐ การเมืองยุค ๒๐๐๐ จะเป็นอย่างนั้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนเราอย่าทิ้งหลักธรรมะ อย่างน้อย ๆ มันช่วยตังเอง มันช่วยครอบครัว แล้วก็ถ้าเรามีความสงบที่ตัวเราเอง ที่ครอบครัวเรามีปัญญา ฉลาดขึ้น ทำให้คิดอะไรได้มากขึ้น ทำให้เราฝ่าคลื่นลมได้ เราต้องยอมรับว่าคลื่นลมข้างหน้ามันมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นลมที่เราหวังจะเอาธรรมะไปต่อสู้ ต้องยอมรับว่ากระแสที่สวนทางมามันใหญ่โตมากกว่าพลังที่เรามีอยู่ แต่ว่าก็ยังสามารถรอดได้ ถ้าเรามีหลักเกณฑ์ในตัวเอง
ธรรมะนำการเมืองสุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติ
ทีนี้ท่านถามเกี่ยวกับจะใช้ธรรมะข้อไหนในการแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้นผมคิดว่า วันนี้จริง ๆ แล้ว จิตสำนึกของเราจะต้องคิดเรื่องความกตัญญู เรื่องของการตัดสินใจทุกสิ่งด้วยจิตที่เป็นกลาง เพราะธรรมะเขาบอกให้เป็นกลาง จิตที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จิตที่สำนึกถึงสังคมส่วนใหญ่เป็นหลัก นึกถึงประเทศชาติเป็นหลักในการตัดสินใจ ในการแก้ปัญหา
คงเคยได้ยินว่าท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีท่านได้ไปพบกับท่านพุทธทาส ท่านพุทธทาสได้บอกว่า อันความดีก่อนที่ท่านจะเป็นนายกฯ นั้น ท่านก็พึงกระทำมาพอ สมควร แต่ทำไมถึงมาเป็นนายกฯ แล้วไม่มีความดีเหลือเลย ถูกสื่อมวลชนด่าทุกวัน ซึ่งตอนนั้นต้องยอมรับว่าท่านอาจารย์สัญญาถูกว่ากล่าวจากสาธารณะมาก
ท่านพุทธทาสจึงให้คำไว้ ๔ คำ คือ สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติ นั้น ก็คือต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ บริสุทธิ์อย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้ปัญญา ใช้ความรู้ ต้องมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วสุดท้ายก็ต้องมีความอดทนหรือขันติ ถือเป็นธรรมะที่น่าจะไปสอนใจคนที่ต้องไปทำหน้าที่นี้ในทุก ๆ ยุค
บางส่วนในหนังสือ "พุทธทาสที่ข้าพเจ้ารู้จักในทางการเมือง โดย พ.ต.ท ดร. ทักษิณ ชินวัตร"
Resource:
//www.buddha.s5.com/buddhax01.htm#top