0049. LEADING AT THE SPEED OF GROWTH : 1ใน 109 หนังสือควรอ่าน จาก นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 ในการประชุม คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า LEADING AT THE SPEED OF GROWTH เขียนโดย แคเทอรีน แคตลิน และ จานา บี. แมทธิวส์ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ภาวะผู้นำจะมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงขององค์กร หมายความว่า เมื่อองค์กรถึงจุดจุดหนึ่ง ภาวะผู้นำจะต้องปรับตัวไปตามวิวัฒนาการขององค์กร เช่น เมื่อองค์กรเริ่มต้น ผู้นำจะเป็น Team Builder คือ สร้างความเป็นทีมขององค์กร ผู้นำจะต้องเป็น Coach ให้คำแนะนำ และ จะเปลี่ยนเป็นผู้วางแผน Planner เมื่อองค์กรพัฒนาขึ้นไปอีก ผู้นำจะต้องเปลี่ยนเป็น Organization Builder คือ เป็นผู้สร้างองค์กร เป็น Strategic Leader เป็น Chief of Culture ผู้กำหนดวัฒนธรรมองค์กร เมื่อพัฒนาไปถึงจุดจุดหนึ่ง ภาวะผู้นำจะต้องปรับตัวตามวิวัฒนาการขององค์กร เมื่อมี Red Flag ผู้นำก็ต้องเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของตัวเอง อย่าคิดแต่จะคิดเป็นผู้นำปฏิบัติ (Doer) เพียงอย่างเดียว มิฉะนั้นจะเกิดความสับสน (Chaos) ในองค์กร
จาก หนังสือพิมพ์ มติชน...
...อีกเล่มชื่อ Leading at the Speed of Growth : Journey from Entrepreneur to CEO โดย Katherine Catlin คือให้มีการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างรวดเร็ว โดยรายละเอียดในหนังสือจะกล่าวถึงการตั้งองค์กรใหม่ๆ ที่จะต้องมีผู้นำที่เป็นผู้กระทำเอง และเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในองค์กร เมื่อองค์กรพัฒนาไปอีกขั้นก็จะเป็นผู้ที่มอบหมายงานให้ผู้อื่นไปปฏิบัติ และเมื่อพัฒนาต่อไปก็จะเป็นผู้กำหนดทิศทางองค์กรว่าจะไปในทิศทางใด
ต่อจากนั้น จะเป็นการสร้างทีมงานขึ้นมาสานต่อในงานให้เป็นไปในทิศทางที่กำหนดไว้ เป็นคนคอยแนะนำ และเป็นผู้วางแผนให้องค์กรในการก้าวไปข้างหน้า เป็นผู้ติดต่อสื่อสารให้แก่องค์กร เป็นผู้เร่งการเปลี่ยนแปลงขององค์กร รวมถึงการเป็นผู้สร้างองค์กรใหม่ขึ้นมา ซึ่งหากบริหารองค์กรอย่างเป็นระบบก็จะทำให้องค์กรพัฒนาและเข้มแข็ง อีกทั้งยังสร้างองค์กรใหม่ๆ ขึ้นมาได้
คัดลอกบางส่วนจาก บทสรุปย่อของหนังสือ Leading at the Speed of Growth โดย ดร.ไสว บุญมา จาก นิตยสาร เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 617-620
Leading at the Speed of Growth : Journey from Entrepreneur to CEO โดย Katherine Catlin หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกในจำนวนหลายเล่มซึ่ง "มูลนิธิคอฟฟ์แมน" วางแผนจะพิมพ์ขึ้นให้ผู้ประกอบการใหม่ (Entrepreneurs) ใช้วางแผนที่สำหรับนำทางออกจากช่วงเริ่มต้นไปจนถึงช่วงเติบใหญ่ และ พร้อมที่จะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เนื่อหาสาระของหนังสือแบ่งออกเป็น 5 บท ได้แก่
บทที่1. พูดถึงความท้าทายของการขยายธุรกิจหลังจากก่อตั้งสำเร็จ
บทที่ 2 - 4 เป็นคู่มือสำหรับการปรับตัวของผุ้ประกอบการใหม่ และ องค์กรธุรกิจตั้งตัวได้ และ ขยายตัวไปตาม 3 ขั้นตอน บทสุดท้ายเป็นข้อสรุป
ผู้เขียน เสนอแนวให้ผู้ก่อตั้งปรับตัวและองค์กร เป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วยเริ่มขยายตัว ช่วงขยายตัวแบบก้าวกระโดด และ ช่วงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อธุรกิจอยู่ได้และเริ่มขยายตัว จุดมุ่งหมายจะเปลี่ยนจากเพื่อความอยู่รอดไปเป็นการพัฒนาผลผลิตหรือบริการใหม่ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้ก่อตั้งควรตระหนักว่า ถึงเวลาที่ตนจะต้องเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเอง และ องค์กร การปรากฏของสัญญาณอาจออกมาในรูปของการไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงพอที่จะทำทุกอย่างที่ตนต้องการ และ ไม่สามารถต้ดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อไป ทั้งที่โอกาสเปิดให้ ณ จุดนี้ ผู้ก่อตั้งจะต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเอง จากผู้ตัดสินใจและลงมือทำเองทุกอย่าง ไปเป็นผู้ตั้งเข็มทิศของกิจการ พร้อมทั้งแบ่งงาน และ อำนาจในการตัดสินใจให้แก่ผู้อื่น
ข้อแนะนำหลายอย่างในการจ้างพนักงานใหม่ และ การปรับเปลี่ยนองค์กร แต่ กุญแจ ดูจะอยู่ที่ 1. การจ้างผู้ที่มีคุณสมบัติ 2 อย่าง คือ มีความเชี่ยชาญเฉพาะด้านหนือกว่า และ มีมาตรฐานทางพฤติกรรมคล้ายผู้ก่อตั้ง 2. รูปแบบขององค์กร ซึ่งง่ายต่อการเอื้อให้ผู้ก่อตั้งรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการบริษัท พนักงาน ลูกค้า หรือ ว่าผู้จะเข้าร่วมกิจการ และ ลงทุนเป็นหุ้นส่วนด้วย
การปรับตัวเองของผู้ประกอบการใหม่ ผู้เขียนแนะนำให้ทำในด้านบทบาท ด้านรูปแบบของการทำงาน และ ด้านความเคยชิน เพื่อหลีกเลี่ยง สิ่งที่เรียกว่า "กับดักผู้ก่อตั้ง" (The Founder's Trap)
1. ด้านบทบาท ผู้ประกอบการใหม่ต้องตัดสินใจวาอะไรที่ตนจะเก็บไว้ทำเอง และ อะไรจะยกให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทน 2. ด้านรูปแบบการทำงาน ผู้ก่อตั้งจะต้องเปลี่ยนจากการตั้งรับ หรือ รอแก้สถานการ์ เมื่อมันเกิดขึ้น ไปเป็นการกรุกด้วยการคาดการณ์ ตั้งทิศทางและวางแผนไว้ล่วงหน้า 3. ด้านความเคยชิน ผุ้ก่อตั้งธุรกิจใหม่ มักมีความเคยชิน 2 ด้าน ด้านแรก ได้แก่ การตัดสินใจทันทีเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อกิจการยังเล็ก การตัดสินใจทันทีมักไม่มีผลเสีย แต่ เมื่อธุรกิจใหญ่และซับซ้อนขึ้น การทำเช่นนั้นมักนำไป่ความผิดพลาด อาจทำให้ผู้ร่วมงานงุนงง และ ขาดศรัทธาได้ในที่สุด ด้านที่สอง เป็นความรู้สึกต่อต้านต่อการมีโครงสร้าง และ กระบวนการในองค์กรที่ตายตัว เพราะกลัวว่ามันจะจำกัดความยืดหยุ่น และ ความคิดสร้างสรรค์ แต่นั่นเป็นสิ่งจำเป็น
บทที่ 3 ขงอ Leading at the Speed Of Growth เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับตัวเอง และ องค์กรของผู้ประกอบการใหม่ หลังจากธุรกิจที่ตั้งขึ้นอยู่รอด และ ผ่านการเติบโตขั้นที่เป็นการขยายตัวแบบก้าวกระโดด ผู้เขียนเสนอว่า ในยุคที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดด ผู้ประกอบการใหม่ควรปรับเปลี่ยนบทบาทของตนให้จำกัดอยู่แค่ 4 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านการสร้างคณะทำงาน ด้านการเป็นครูฝึกผู้นำ ด้านการวางแผนงาน และ ด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับคนภายในและภายนอก
กุญแตสำคัญในการจ้างคนได้แก่ การสรรหาคนที่เก่งกว่าตน และ มีความทะเยอทะยานที่จะทำงานให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต เมื่อได้คนครบแล้ว ขั้นต่อไปได้เป็นการใช้ความพยายามเพื่อจะทำให้สมาชิกทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น
การวางแผนงาน ผุ้ประกอบการใหม่เป็นผู้นำในการสร้างแผนยุทธศาสตร์
การประชาสัมพันธ์ ผู้ประกอบการใหม่ จะต้องรับภาระในการสื่อสารเรื่องราวเกี่ยวกับ วิสัยทัศน์ แผนงาน เป้าหมาย และ ความคาดหวังของบริษัทต่อผู้ที่มีเกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ
ผู้ประกอบการใหม่ จะต้องผลักดันให้เกิดกระบวนการที่แน่นอนใน 5 ด้านได้แก่ 1. ด้านบุคลากร 2. ด้านแผนงาน 3. ด้านธุรการ 4. ด้านการตลาด 5. ด้านการผลิต
บทที่ 4. เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับตัว และ องค์กรของผู้ประกอบการใหม่
1. คณะกรรมการบริหารเปรียบเสมือนมันสมอง และ แขนขาของผู้ประกอบการ 2. เครือข่ายของคณะกรรมการย่อยๆ ซึ่งมีหน้าที่วางแผน และ ดำเนินงานจากระดับล่าง
วิธีสร้างวัฒนธรรมของผู้ประกอบการใหม่ กระทำ 3 อย่าง
1. เขียนมาตรฐานของพฤติกรรมออกมาไว้เป็นแนวทางในการวางตัว และ การทำงานสำหรับทุกคนในองค์การ 2. สร้างกระบวนการภายในขึ้นเพื่อเอื้อให้เกิดมาตรฐานของพฤติกรรม เช่น การฟังลูกค้า และ ผู้ร่วมงาน 3. สร้างระบบค่าตอบแทน และ การยอมรับให้สะท้อนมาตรฐานของพฤติกรรมที่นำเขียนไว้
บทที่ 5.
หนทางนำไปสู่หลุมพราง และ ทางตัน 10 ประการ
1. ผู้ประกอบการมักคาดไม่ถึงว่า ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก 2. ธุรกิจจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาตลอดเวลา แต่ปัญหาบางอย่างผู้ประกอบการใหม่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศา เช่น มาตรฐานของพฤติกรรม ความยัดแย้งรุนแรงเรื่องวิธีการ 3. ตอนเริ่มต้นธุรกิจ ผู้ประกอบการทำงานแบบคิดเอง ทำเอง และ ถามเอง ตอบเองได้โดยไม่เกิดผลเสีย แต่การกระทำเช่นนั้น นำไปสู่ทางตันในขั้นต่อไป 4. ความสามารถพิเศษที่นำไปสู่ความสำเร็จในเบื้องต้น สร้างปัญหา เพราะผู้ประกอบการ 5. ผู้ประกอบการใหม่ได้รับความสำเร็จส่วนหนึ่ง เพราะความเชื่อมั่นในตนเอง ความเชื่อมั่นในตนเองมักนำไปสู่การไม่รับรู้ความเห็นของคนอื่น และ เกิดผลทางลบต่อไปในระยะยาว 6. เมื่อผู้นำไม่เห็นทางอย่างจะแจ้ง ไม่ว่าจะเปนทิศทางของธุรกิจ ตลาด เป้าหมาย โอกาสใหม่ อะไรมาก่อนมาหลัง หรือ มาตรฐานของพฤติกรรม เขาย่อมนำผู้อื่นไปหลงทาง 7. การไม่สื่อสาร หรือ ประชาสัมพันธ์อย่างเพียงพอ ผู้นำอาจเหนทางอย่างจะแจ้ง แต่ ผู้อื่นไม่เห็นว่าจะไปทางไหน ย่อมตามไม่ทัน หรือ หกล้ม 8. ปฐมนิเทศน้อยไป กรอณีจะจ้างพนักงาน และ ผู้บริหารใหม่ บริษัทอาจต้องชี้ทางให้เขาอย่างกระจ่างแจ้งตั้งแต่เริ่มต้น ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลา หรือ ไม่ก็เดินหลงทางไปเลย 9. การที่ผู้นำไม่กล้าตัดสินใจ และ ไม่กล้าเสี่ยง ผัดวันประกันพรุ่ง ทำให้ปัญหาหนักหนาสาหัสขึ้น 10. ผู้นำจำเป็นจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อปรับตัวให้ทัน ไม่เช่นนั้น ธุรกิจจเติบโตไม่ได้
หนังสือเล่มนี้ ได้รับการเรียบเรียงเป็นภาษไทยแล้ว
โตไม่รู้ตก วิธีการทำให้เถ้าแก่กลายเป็น CEO (LEADING AT THE SPEED OF GROWTH) ผู้แต่ง/แปล : KATHERINE CATLIN / กฤษฎา ปราโมทย์ธนา :แปล ISBN : 9742120625 Barcode : 9789742120627 ปีพิมพ์ : 1 / 2548 ขนาด (w x h) : 145 x 210 mm. ปก/จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 160 หน้า 1 ราคาปกติ : 160.00 บาท ราคาพิเศษ : 144.00 บาท (ลดถึง 10 %) เฉพาะสั่งซื้อทางเว็บไซต์เท่านั้น
Create Date : 08 มีนาคม 2551 |
|
8 comments |
Last Update : 9 มีนาคม 2551 12:38:52 น. |
Counter : 3227 Pageviews. |
|
|
|
วิธีการ ทำให้เถ้าแก่ กลายเป็น CEO
Click://www.thailocaladmin.go.th/work/kpinow/7ebook/pdf/4805.pdf