ธรรมะดีๆ กับท่าน ว. วชิรเมธี ในหัวข้อ งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์


...ผมขอนำเสนอโครงการดีๆที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมกับทางบริษัทฯ

ใช้ชื่อโครงการว่า... ”Peace in Mind” จิตสงบ ใจเป็นสุข ...


...ด้วยสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อม ตามกระแสโลกาภิวัตน์ที่ถลาเข้ามา

อีกทั้งภัยภิบัติจากธรรมชาติที่ทวีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆนี้ล้วนมีผลต่อสภาพการดำรงชีวิต

โดยเฉพาะด้านจิตใจ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรม Peace in Mind ขึ้น

สำหรับพนักงานและบุคคลทั่วไป เพื่อให้ทุกคนนำธรรมะ มาปรับใช้กับชีวิตได้อย่างมีสติ

สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆที่จะเกิดขึ้นได้ ภายใต้ จิตสงบ ใจเป็นสุข ...


...โดยในครั้งที่ผ่านมาแล้วนั้น ทางบริษัทฯได้รับเกียรติจากท่านพระอาจารย์ มหาวุฒิชัย วชิรเมธี(ว. วชิรเมธี)

มาบรรยายธรรมะในหัวข้อ “งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์” เพื่อให้พนักงาน และบุคคลทั่วไป

ใช้เป็นแนวทางในการปฎิบัติงานอย่างผู้มีปัญญา และให้เกิดความสุข ซึ่งผมขอนำสาระธรรมในการบรรยาย

ของท่านพระอาจารย์ ว. วชิรเมธี มาฝากครับ...





...ปุจฉา : งานเสร็จ หรือ งานสำเร็จ ต่างกันอย่างไร ?...

...วิสัจฉนา : งานเสร็จ คือการทำงานเพียงเพื่อให้งานนั้นผ่านพ้นไป ทว่า งานสำเร็จ คือการทำงานนั้นให้สมบูรณ์ที่สุด

ให้เสมือนว่างานทุกงานจะเป็นเสมือนงานชิ้นสุดท้ายของเรา เพราะเมื่อเราได้สร้างงานให้สำเร็จแล้ว

สุดท้ายผลงานนั้นจะย้อนกลับมาสร้างเราด้วยเหมือนกัน ...


...ปุจฉา : คนที่สำคัญที่สุดคือใคร...

...วิสัจฉนา : คนที่อยู่ตรงหน้าเรา ณ ขณะนั้น เพราะการทำดีต่อกัน สร้างให้คนประทับใจในความรู้สึก

แต่การทำร้ายกัน แม้เพียงครั้งเดียว สามารถทำลายความสัมพันธ์ที่ดีได้ แม้จะขอโทษ

แต่ความรู้สึกเดิม อาจไม่สามารถเรียกกลับมาได้เหมือนเดิม
...


...ปุจฉา : งานไหนสำคัญที่สุด ...

...วิสัจฉนา : งานที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนั้น ๆ ถ้าเราทำอะไร ควรตั้งใจให้เต็มร้อย
...


...ปุจฉา : เวลาไหน เป็นเวลาที่สำคัญที่สุด...

...วิสัจฉนา : เวลาปัจจุบันขณะ คือเวลาที่เรายังคงหายใจอยู่ ณ ขณะนี้ เพราะเวลาจะไหลผ่านครั้งเดียวในชีวิต

ดังนั้น เวลา ณ วินาทีนี้เป็นของเรา เราจึงต้องรู้ตื่นอยู่กับปัจจุบัน อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป แบบไม่มีความหมาย...










...และจะนำข้อคิดดี ๆอย่างนี้ มาฝากเพื่อน
อีกในโอกาสหน้านะครับ...


... สุดท้ายนี้ผมได้นำแนวธรรมะดีๆจาก...Facebook ที่เป็นคำคมจาก ว.วชิรเมธี

และ sync กับ Twitter @vajiramedhi /คนถือย่าม
...



...คมอดีต ความผิดพลาดคือเรื่องราวคราวอดีต

ปล่อยให้กรีดปัจจุบันจนหวั่นไหว

ผลิตซ้ำความทุกข์มาซุกใจ

คนอะไรช่างขลาดเขลาเบาปัญญา...




... คนบางคนมมองเราด้วยความเข้าใจผิด

คนบางคนตั้งใจที่จะเข้าใจผิดในทุกกิจที่เราทำ ทุกคำที่เราพูด

คนประเภทที่ 1นั้น ควรหาโอกาสชี้แจงให้เขาเข้าใจ

ส่วนคนประเภทที่ 2 ควรปล่อยเขาไปหรือไม่ก็อยู่ให้ห่างทีสุด...




... เราเป็น "นักศึกษาตัวน้อยๆ" แห่งมหาวิทยาลัยชีวิต บทเรียนทุกบทของชีวิตมีไว้เพื่อให้เราเรียน

ไม่ได้มีไว้เพื่อเบือนหน้าหนี > ว.วชิรเมธี...


...ชีวิตเราเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเป็นสำคัญ

หากเราทำเหตุดีชีวิตก็ดี หากเราทำเหตุไม่ดีชีวิตก็แย่

หลักการทางพุทธง่าย ๆ อย่างนี้ใช้พยากรณ์ชีวิตเราได้

โดยไม่ต้องไหว้วานหมอดูที่ไหนมาฟันธงหรือคอนเฟิร์ม...



..."ขอให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณา แล้วจะพบว่า... วิกฤติสอนให้เรา

เรียนรู้ที่จะ "ปรับตัว" ในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ"...



...อุทิศตนทำความดีจนถูกวิจารณ์

ยังดีกว่าดักดานอยู่เงียบๆ (โดยไม่ยอมทำอะไร) จนไม่มีค่าพอที่จะถูกพูดถึง...



...คำนินทานั้น ไม่ต่างอะไรกับสายลม ไม่มีตัวตน แม้จะทำให้เราร้อนบ้าง

หนาวบ้าง แต่เมื่อผ่านมาแล้วก็จะผ่านเลยไป ...



..."...โลกเราทุกวันนี้ ไม่ได้มีเพียงโรคระบาด แต่ยังมีมหันตภัยที่ร้ายกว่า คือ

โลภระบาด ความโลภมันเข้าครอบงำทุกหนทุกแห่งเสื่อมกันถึงก้นเหว คอร์รัปชั่นแล้วยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร ความ

โลภเป็นทศนิยมที่ไม่รู้จบ ต่อให้มีเงินสักแสนล้านถ้าเรายังไม่รู้จักพอ เราก็ยังไม่พบกับความสบายในชาตินี้ แต่ถ้า

เรารู้จักพอ ถึงมีเงินไม่มาก ใจก็สบายแล้ว.." ...



...ถ้าเรามีศรัทธาที่ถูกต้อง ศรัทธานั้นจะเป็นดังหนึ่งดาวประกายพรึก หรือเป็น

ดังหนึ่งเข็มทิศที่จะทำให้เราดำรงชีวิตอย่างมีจุดหมายและมีหลักไมล์ที่ชัดเจน...




...ตั้งท่ารับมือกับความทุกข์ให้ดี ๆ อย่างมีสติ แล้วจะเห็นว่าความทุกข์กำลัง

สอนเรา เขาไม่ได้ทำร้ายเรา ถ้าเรารู้จักเอาประโยชน์จากความทุกข์ ความสุขก็อยู่ตรงนั้น...



...สมการแห่งความสุขความทุกข์ตามแนวทางพระพุทธศาสนาก็คือ เมื่อเกิด

การกระทบกันระหว่างประสาทสัมผัสภายนอกกับประสาทสัมผัสภายในแล้ว หากมีสติ

สุขจะเกิดขึ้น แต่หากขาดสติ ทุกข์ย่อมเกิดขึ้น...




...ถ้าเรามองว่า...วิกฤติจะมาพร้อมกับบทเรียนดี ๆ เสมอ ก็ไม่มีเหตุอันใดที่

จะต้องทุกข์ใจเพราะวิกฤติ ตรงกันข้าม ควรจะขอบคุณวิกฤติเสียด้วยซ้ำที่เกิดขึ้นมาแต่ละครั้ง

ก็ช่วยทำให้เรารู้จักสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ชีวิต และการทำงานอย่างรอบคอบ แยบคาย

และมีความเข้าใจโลกและชีวิตเพิ่มขึ้น อย่างยากที่จะหาได้ในยามปกติ...




...ถ้าเราตั้งใจว่า "ความทุกข์เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นอาจารย์ของเรา" ความทุกข์ก็

ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ถ้าเราไม่กลัวทุกข์ ยังจะมีอะไรในโลกนี้ให้ต้องประหวั่นพรั่นพรึงกันอีก จงเรียนรู้จากทุกข์

อย่ามัวแต่เป็นทุกข์จงเติบโตจากความทุกข์อย่ายอมสยบเพราะความทุกข์...



...แล้วคราวหน้าจะนำข้อคิดดี ๆอย่างนี้ มาฝากเพื่อนอีกในโอกาสหน้านะครับ...










 

Create Date : 09 ธันวาคม 2553
4 comments
Last Update : 12 กันยายน 2554 17:54:29 น.
Counter : 3132 Pageviews.

 

ดีจ้าา ยามบ่ายง่วงนอน

 

โดย: Junenaka1 9 ธันวาคม 2553 14:18:45 น.  

 

Photobucket

 

โดย: Junenaka1 10 ธันวาคม 2553 20:18:38 น.  

 

โมทนาสาธุค่ะ

 

โดย: zeedhama 18 ธันวาคม 2553 8:11:37 น.  

 

อยากได้เสียง มีไฟล์เสียงรึป่าวค่ะ จะได้เอาไว้ฟังเวลานั่งรถเมล์ไปทำงาน

 

โดย: ่ีืjun IP: 61.90.23.78 31 พฤษภาคม 2554 12:36:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


mookmtb
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mookmtb's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.