หางโจว
การเดินทางไปเที่ยวประเทศจีนครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ มีเรื่องให้ตื่นเต้นเกือบทุกวันที่อยู่ที่นั่น
โปรแกรมเดินทาง มีดังนี้ - MI 752 Phuket-Singapore ค้างคืนที่โรงแรมคราวน์พลาซ่า เทอร์มินัล 3 สนามบินชางฮี
- AK708 Singapore-KUL connect D72604 KUL-Hangzhou
สายการบินซิลค์แอร์พาเราจากภูเก็ตไปถึงชางฮี และเราพักค้างคืนอยู่ที่สนามบินชางฮี เทอร์มินัล 3 การจะไปขึ้นเครื่องแอร์เอเซีย ต้องนั่งรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างเทอร์มินัลจากเทอร์มินัล 3 ไปยังเทอร์มินัล 1 และก่อนไปเช็คอิน ได้สอบถามที่เคานเตอร์ถึงเที่ยวบินที่จองมา เจ้าหน้าที่ที่นั่นแจ้งว่าอาจจะต่อเครื่องไม่ทัน เพราะต้องเอากระเป๋าออก ผ่านตม. แล้วเช็คอินเข้ามาใหม่ผ่านตม.ที่กัวลาลัมเปอร์อีกครั้งไปขึ้นเครื่อง ทำให้เราต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วใหม่อีก 200 เหรียญสิงคโปร์สำหรับสองคน เพื่อให้เดินทางไปถึง KL ก่อนสามชั่วโมง ก่อนจะบินต่อไปถึงหางโจว ดังนั้นเราได้บิน AK 724 แล้วไปต่อ D72406 ถึงหางโจวเวลา 22.20 น.
เมื่อมาถึงสนามบินหางโจว ได้ให้รถจากโรงแรมมารับ คิดค่าโดยสาร 250 หยวน คนขับทำงานบริษัทท่องเที่ยว พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะได้ แต่เราเดินทางถึงโรงแรมอย่างปลอดภัย
วันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเช้า
เราออกเดินเล่นแถว ๆ ใกล้โรงแรม ได้ไปหเดินห้าง Lotte Mart ซึ่งมีของธรรมดา ๆ กลับมาโรงแรมมาตั้งหลักใหม่ แล้วเดินไปไกลอีก 2 สี่แยก ถึงห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้าแบรนด์ แต่ไม่ค่อยมีผู้ซื้อ มีแต่ผู้ขาย เราได้ไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารชั้นบน มีผัดผัก และหัวปลาราดพริก อร่อยดี ส่วนมื้อค่ำมีเจ้ามือพามาทานที่ร้านอาหารจีนที่ใกล้ ๆโรงแรม ซึ่งมีของสดสารพัดอย่างให้เลือก แล้วสั่งปรุงตามรูปที่แสดงตัวอย่างไว้ มีปู กุ้ง หอย ปลาและตามด้วยผักผัดหลายจาน ผลไม้มีแตงโม และแคนตาลูป
วันรุ่งขึ้นมีการติดต่อรถให้ไปเที่ยวทะเลสาบเหนือ(Xe Hu)ที่มีชื่อของหางโจว มีคนกล่าวว่า"เมื่อมาหางโจวแล้วไม่ได้ไปซีหู ถือว่ามาไม่ถึงหางโจว" ทะเลสาบนี้มีความลึกเฉลี่ย 80 เซนติเมตรมีพื้นที่ 6.5 ตารางกิโลเมตร ความจุ 14,290,000 ลบ.เมตร แต่มาหางโจวครั้งแรกก็ได้ไปซีหูถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกไปกับกลุ่มทั้งหมด 6 คนโดยนั่งรถตู้ไปกัน จุดแรกที่ลงคือเจดีย์นางพญางูขาว(Leifeng Pgoda) มีการซื้อบัตรเข้าชมคนละกี่หยวนไม่ทราบ เพราะไม่ได้จ่ายเงิน
หลังจากนั้นคนขับรถนำไปโรงงานไข่มุกน้ำจืด ที่เลี้ยงหอยมุกในทะเลสาบนี้ พวกเราได้แต่ดู ๆ ไม่ซื้อของ ขายผงไข่มุกด้วยโดยนำไข่มุกเม็ดที่ไม่สวยมาบดให้ละเอียดเป็นผง สำหรับขัดหน้าแล้วไปต่อโรงงานขายผ้าไหมจีน(เครป เดอ ชีน) ดูราคาแล้วแพง แต่มีคนซื้อ จากนั้นไปกินข้าวเที่ยงในไร่ชา กินข้าวเสร็จไปชิมชาและซื้อชากัน
คนแทบทะเลสาบซีหูนี้ปลูกชาหลงจิ่ง เวลาชงมีกลิ่นหอมฟุ้ง แล้วเรานั่งผ่านสระบัวที่ปลูกในทะเลสาบด้วย
จากนั้นเราไปวัดอมาฟายุน
เจออาอี๊กำลังทำจ่างเจใส่เห็ดหอม
กลับจากซีหูเราไปในเมืองเพื่อชมสินค้าที่ตลาดแห่งหนึ่ง นัดคนขับรถว่าให้รอถึงบ่ายสี่โมงเย็น ปรากฏว่าซื้อของกันจนเลยเวลาที่นัดไว้เกือบชั่วโมง คนขับรถเลยไม่ไปส่งที่โรงแรม เราจึงต้องนั่งรถตุ๊ก ๆ คนละ 10 หยวนกลับโรงแรมกันเอง
หนสองที่ไปซีหูคือวันรุ่งขึ้น ตอนบ่ายหลังจากไปชมโรงงาน คนอินเดียในกลุ่มอยากไปชมทะเลสาบ คนนำทางให้คนขับรถขับไป แต่คนขับรถไม่รู้ทางเกิดหลงทาง ขับไปทะเลสาบไม่ได้ ก็หมุนรถอยู่จนค่ำ จนต้องกลับโรงแรม ออกจากทะเลสาบไปได้แต่กลับไปโรงแรมไม่ถูก ในที่สุดต้องจ้างรถตู้ข้างทาง ซึ่งใกล้จะถึงจุดหมายแล้วนำทางไปถึงโรงแรมได้ นับเป็นการผจญภัยในหางโจวอีกวันหนึ่ง
หนที่สาม เป็นวันสุดท้ายที่หางโจว ได้ไปซีหูอีกคราวนี้ไปกินข้าวเที่ยง ที่ร้านใกล้ ๆ วัด ก่อนไปชมวัด Ling Yin วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ มีภาพพระพุทธเจ้าปางต่าง ๆ แกะสลักบนหินการเข้าชมต้องเสียค่าผ่านประตูแรก 45 หยวนด่านแรกได้ชมภาพแกะสลัก
และประตูที่สองอีก 30 หยวน จะมีวิหารที่ประดิษฐานพระอีกหลายวิหาร
และได้เดินเที่ยวแถวทะเลสาบอีกด้านหนึ่งที่มีร้านอาหารในทะเลสาบและร้านอาหารโลวไหวโลวที่มีชื่อ
นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์อยู่ใกล้ ๆ ด้วย
Create Date : 04 มิถุนายน 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 18:50:55 น. |
Counter : 4223 Pageviews. |
|
|
|