Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
ฟันห่าง

การที่มีฟันห่างหรือเกิดช่องว่างระหว่างฟันโดยเฉพาะฟันหน้า เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความสวยงามของใบหน้าลดลง บางคนมีความเชื่อว่าการมีฟันหน้าที่ห่างกันนั้น จะทำให้เงินไหลออกเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ซึ่งเป็นเพียงความเชื่อ และไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ แต่ที่แน่ๆ คือ คนที่มีฟันหน้าห่างกันนั้น มักจะขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพ โดยเฉพาะเวลาที่ยิ้มหรือสนทนากับผู้อื่น ในการแก้ไขปัญหาของฟันหน้าห่างนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุ และความเหมาะสมของแต่ละคน

ก่อนไปถึงวิธีแก้ไข พวกเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีมั้ยคะว่า มีสาเหตุใดบ้างในการทำให้ฟันหน้าห่าง หรือเกิดช่องว่างระหว่างฟันได้บ้าง


สาเหตุที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน

  • ลักษณะนิสัยที่ผิดปกติ เช่น การกลืนที่ผิดปกติ บางคนจะใช้ลิ้นดันฟันหน้าในขณะกลืน (Tongue thrusting) ทำให้ฟันแผ่กระจายตัวออก เกิดช่องว่างระหว่างฟันหน้าบนและล่าง เด็กบางคนชอบดูดนิ้วมือเป็นเวลานาน ส่งผลให้มีการยื่นของฟันหน้าบนและมีช่องว่างระหว่างฟันซี่ข้างๆ เกิดขึ้นได้
  • การถอนฟันและไม่ใส่ฟันทดแทน จะทำให้เกิดช่องว่างของฟันที่ถูกถอนออกไป และเกิดการล้มเอียงตัวของฟันบริเวณที่ติดกับช่องว่างนั้น ทำให้เกิดช่องห่างกับฟันที่อยู่ข้างเคียง บางคนอาจเกิดภาวะการกระจายตัวของฟัน เกิดเป็นช่องว่างระหว่างฟันหลายแห่งได้
  • การมีแผ่นกล้ามเนื้อยึดริมฝีปากที่อยู่เหนือฟันหน้าบน เกาะตัวใกล้ฟันมากเกินไป ทำให้ขัดขวางการเรียงตัวของฟันหน้าบน ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันหน้า กรณีนี้อาจจะพบว่าฟันซี่อื่นเรียงตัวเป็นปกติ แต่จะมีช่องว่างเฉพาะฟันหน้าบนเท่านั้น
  • สาเหตุทางพันธุกรรม บางคนมีความไม่สมดุลระหว่างขนาดของฟัน และขากรรไกร โดยฟันมีขนาดเล็กเกินไป แต่มีขากรรไกรขนาดใหญ่ ทำให้เกิดช่องว่าง ลักษณะนี้ผู้ป่วยจะมีฟันห่างกันหลายๆ ซี่
  • สาเหตุอื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการแคะฟันด้วยไม้จิ้มฟันเป็นประจำ เนื่องจากมีบางส่วนของวัสดุไปอุดฟันที่แตกหักไป และไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้มีเศษอาหารติดทุกครั้งที่เคี้ยวอาหาร หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์ ซึ่งเริ่มต้นจากการที่มีหินปูน เกิดเหงือกอักเสบ และปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้รักษา จนเกิดการลุกลามไปกระทั่งมีการละลายตัวของกระดูก ถ้ายังคงละลายต่อไป ก็จะพบว่ามีฟันโยกและฟันห่างออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ


วิธีแก้ไขปัญหาช่องว่างระหว่างฟัน

สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายและเวลาในการรักษาที่แตกต่างกันไป

1. การอุดปิดช่องว่างระหว่างฟัน

โดยการใช้วัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนฟัน อุดเติมขนาดของฟันแต่ละซี่ให้ใหญ่ขึ้นจนชิดกัน วิธีนี้สามารถปิดช่องฟันหน้าที่ห่างกันได้อย่างสวยงาม โดยที่ไม่ต้องมีการกรอฟันเลย อาจจะมีเพียงการกรอผิวเคลือบฟันเพื่อลดความนูนของสันฟันลงเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความสวยงามดูสมดุลกันของฟันทั้งสองซี่ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นามี กล่าวคือ สามารถทำเสร็จได้ในครั้งเดียวเหมือนการอุดฟันทั่วๆ ไป ข้อเสียคือ ต้องระมัดระวังที่จะไม่ใช้ฟันหน้า กัดแทะอาหารแข็ง เช่น เมล็ดถั่วต่างๆ หรือผลไม้แข็งๆ เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล เป็นต้น และสามารถทำให้เกิดเหงือกอักเสบในบริเวณนั้นได้ถ้าดูแลเรื่องความสะอาดไม่ดี เพียงพอ

2. การทำเคลือบฟันหรือวีเนียร์ (Veneer)

บางคนจะเรียกว่าการฉาบฟันหรือการฉาบมุก วิธีนี้ทันตแพทย์จะทำการกรอฟันทางด้านหน้าออกบางส่วน แล้วใช้วัสดุพวก พอร์ซเลน (Procelain) หรือวัสดุที่ใช้อุดฟันหน้าที่มีสีเหมือนฟัน ที่เรียกว่า คอมโพสิต เรซิน (Composite Resin) มาปิดทับลงบนด้านหน้าฟันที่กรอไว้ ชาวต่างชาติมักจะเรียกวิธีนี้ว่า เป็นการทำหน้ากากฟัน (Mask) แผ่นวัสดุเหล่านี้ จะยึดติดกับตัวฟันด้วยวัสดุยึดติดที่เฉพาะ จึงเหมาะสำหรับฟันหน้าที่ไม่ต้องรับการกระแทกใดๆ ไม่แนะนำให้ทำในผู้ป่วยที่มีประวัติการนอนกัดฟัน เพราะจะทำให้เกิดการแตกหักเสียหายได้ วิธีนี้ใช้เวลาในการทำ 2 ครั้ง นัดครั้งแรกทันตแพทย์จะทำการกรอผิวฟันเตรียมที่สำหรับวัสดุตกแต่ง หลังจากนั้นจะทำการพิมพ์ปาก เพื่อเตรียมแบบจำลองฟัน และส่งห้องแลป นัดครั้งที่ 2 ก็จะทำการยึดติดวัสดุที่เตรียมมาไว้ให้ผู้ป่วย


ค่าใช้จ่ายในการรักษาจะสูงกว่าอุดฟันปิดช่องว่างระหว่างฟัน แต่จะให้ความสวยงามที่ดีกว่า นอกจากนี้ยังสามารถใช้แก้ไขความผิดปกติของสีฟันได้อีกด้วย ทั้งนี้ควรดูแลเรื่องความสะอาดเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน



ข้อมูลจาก

- หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ




Create Date : 27 กันยายน 2553
Last Update : 27 กันยายน 2553 15:41:05 น. 0 comments
Counter : 284 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

moneyriche6
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add moneyriche6's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.