สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ติดเกาะ ( ไต้หวัน ) ~ เมื่อไหร่จะได้กลับเนี่ย T___T ( บ่นอีกแล้วค่ะ )
ขณะนี้นั่งอัพบล็อกอย่างสุดเซ็งเพื่อฆ่าเวลาอยู่ในโมเต็ลเล็กๆ แห่งนึงในเกาะไต้หวัน . . . ใช่ค่ะ คุณอ่านไม่ผิดหรอก " โมเต็ล " ค่ะ เกิดมาก็เพิ่งเคยมาพักนี่แหละค่ะ รู้สึกแย่มาก เพราเป็นโรงแรมแบบ Love Hotel ( คงไม่ต้องอธิบายนะคะ ) ห้องก็เหม็นแบบแปลกๆ แถมไฟสลัวๆ ปวดตามาก ยังดีที่มีเน็ทให้ใช้ เลยเอาโน้ตบุ้คมาต่อได้ ที่ต้องมาอยู่นี่เพราะโรงแรมอื่นแถวนี้เต็มหมดเพราะไฟล์ทถูกแคนเซิ่ลทั้งหมด มีห้องให้อยู่ก็บุญแล้วเพราะแอร์พอร์ตอยู่รอไม่ได้ค่ะ V.I.P. Lounge ก็เข้าไม่ได้ด้วย แย่มากเลยวันนี้

จริงๆวันนี้ควรจะได้เดินทางกลับไปญี่ปุ่นแล้วด้วยซ้ำ ที่ต้องมานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่นี่ก็เพราะเมื่อคืนพายุไต้ฝุ่นเข้าเกาะไต้หวัน ตอนที่เครื่องจะลงจอดรู้สึกได้ถึง Turbulance ที่ค่อนข้างแรง แต่ก็สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย ถึงจะดีเลย์ไปบ้างเล็กน้อย ตอนที่มาถึงก็มีปัญหากระเป๋าไม่ได้ถูกโหลดออกมา กว่าจะตามเรื่องได้ คนขับรถของบริษัทที่เพื่อนจองให้มารับก็ต้องรอแกร่วเกือบชั่วโมง เพราะที่อินโดนีเซียเค้าเข้าใจผิดว่าให้เอากระเป๋าไปรอโหลดเครื่องที่จะไปญี่ปุ่น ( เราว่าเราบอกแล้วนะว่าจะต้องค้างไต้หวันหนึ่งคืน เพราะไม่มีเครื่องไฟล์ทต่อไปนาริตะ แต่ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้ ) สงสารคนมารับเหมือนกัน รอนานมากๆเลย

แย่กว่าเดิมที่พอไปถึงโรงแรม ไม่มีชื่อเราในห้องที่ถูกจองไว้ แถมพนักงานพอเห็นพาสปอร์ต เห็นเป็นคนไทยก็พูดจาไม่ดี ( อันนี้รู้สึกแย่มาก เหนื่อยก็เหนื่อยยังมาเจอพนักงานห่วยอีก ) ยังดีที่โทรติดต่อเพื่อนไต้หวันเราได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อนก็รีบมาหา แล้วก็เฉ่งทางโรงแรมยกใหญ่ เพราะจองแล้วแต่พลาดไปตอนไหนไม่รู้เลยไม่มีชื่อเรา เพื่อนเราโกรธมากเพราะบริษัทที่บ้านเค้าจองโรงแรมนี้ให้ลูกค้าเสมอๆ ( เลยได้ราคาที่ถูกเพราะบริษัทเพื่อนเราเป็นลูกค้าใหญ่ของโรงแรม ) ตอนหลังพนักงานเลยมาพูดจากับเราดีมากๆ รู้สึกแย่มากจริงๆว่าดูถูกประเทศเราขนาดนี้ เมื่อวานแอบโกรธเหมือนกัน

บ่นมาตั้งนาน แล้วเจ้าของบล็อกมาทำอะไรที่ไต้หวันนี่ล่ะ แถมมาคนเดียวอีกด้วย บางคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อกนี้อาจจะสงสัย เรื่องมันก็ต่อเนื่องมาจากบล็อกที่แล้ว ที่โดนโปรเฟสเซอร์สั่งให้ไปเก็บข้อมูลงานวิจัยที่บริษัทญี่ปุ่นในอินโดนีเซีย โดยที่ทางแล็บไม่ได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่าย จึงต้องประหยัดงบด้วยการเลือกสายการบินที่ถูกที่สุด ที่ต้อง Transit ที่ไต้หวันนี่เอง และเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้ . . .

เช้ามืดวันอาทิตย์ ออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้ากว่า เพื่อไปขึ้นรถไฟแล้วก็ต่อลีมูซีนบัสไปนาริตะ เพราะไฟล์ทเก้าโมงเช้า ต้องไปเช็คอินตั้งแต่เจ็ดโมง ทั้งง่วงทั้งมึนเพราะวันก่อนหน้าไปดูฮานาบิแถวโยโกฮาม่า กลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาลากกระเป๋าแกรกๆ เดินไปสถานีรถไฟคนเดียว

ด้วยความที่รถไฟเป็นขบวนแรกๆ ดังนั้นจะเจอพวกเมาแล้วกลับรถเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน เลยมากลับบ้านเอาเที่ยวแรกบนรถด้วย กลิ่นเหล้าของลุงที่นั่งฝั่งเดียวกันแรงมากๆ ยิ่งง่วงๆนอนไม่พอก็เลยยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น แถมมีคนเมาๆคนอื่นอีกในขบวนเดียวกัน เป็นเช้าที่สดใสจริงๆเลย

ด้วยความสะเพร่าของเรา ตอนแรกเช็คไม่รอบคอบ ใน E-ticket แจ้งมาว่าทรานซิทแค่ที่ไต้หวัน แต่ความจริงแล้วต้องไปทรานซิทที่ฮ่องกงด้วย ทั้งมึนทั้งเหนื่อย แถมเสี่ยงอีกต่างหาก เพราะเครื่องต้อง Take off และ Landing ถึงหกรอบกว่าจะถึงอินโดนีเซีย ที่ว่าเสี่ยงก็เพราะว่า เพื่อนรุ่นพี่ที่เรียนเกี่ยวกับระบบอากาศยานมาบอกว่า เครื่องบินมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ตอน Take off และ Landing เป็นหลัก นั่งไปไม่นานก็ต้องลงไปเปลี่ยนเครื่อง แล้วก็ต้องเดินเข้าไปตรวจสำภาระใหม่ แล้วไปนั่งรอ Boarding อีกสรุปทั้งหมดสามรอบ ด้วยความที่ง่วงและเหนื่อยเลยรู้สึกแย่มากๆ เลยค่ะ กว่าจะถึงอินโดนีเซียก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม เพราะกองตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลาเยอะมาก แถมข้างหน้าที่ต่อแถวอยู่เป็นกลุ่มคนเกาหลี มากันเยอะมากและแซงคิวตลอด รู้สึกแย่อีกแล้วแต่ก็อดทนจนผ่านตรวจคนเข้าเมืองไปได้

ตอนรับกระเป๋า อันนี้อยากเตือนผู้หญิงหรือใครก็ตามที่เดินทางคนเดียวไปอินโดนีเซียนะคะ พอเราเข้าไปเอากระเป๋ามาจากสายพาน ก็มีผู้ชายใส่เสื้อสีเขียวเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่แอร์พอร์ตมาเอากระเป๋าเราไปใส่รถเข็นทันทีแถมมาเอากระเป๋าที่เราถือขึ้นเครื่อง ( ใส่โน้ตบุ้คอยู่ ) ไปไว้ในรถด้วย ก็งงๆเพราะนึกว่าเป็นบริการของแอร์พอร์ต ตอนผ่าน Declaration เราก็ไม่มีอะไรต้องสำแดง ตาคนนั้นก็เอากระเป๋าเราใส่เครื่องเอ็กซเรย์ แล้วเหมือนเจ้าหน้าที่ศุลกากรมองหน้าเราแบบแปลกๆแล้วยิ้มๆ ตอนนั้นเราเพิ่งรู้ตัวว่ามันเริ่มไม่ชอบมาพากลแล้ว

ผู้ชายที่ใส่เสื้อเขียวก็เข็นรถเราออกไปตรงที่มีเคาท์เตอร์จองรถลีมูนซีนหรือแท็กซี่ เราก็บอกเค้าว่าขอบคุณที่เข็นมาให้ ( เป็นภาษาอังกฤษ ) พอดีมีคนมารับแล้ว ( ทางบริษัทที่เรามาเก็บข้อมูลจะมารอรับที่สนามบิน ) ตอนนี้ท่าทีเค้าก็เปลี่ยนไปเลย เค้าดูเหมือนไม่เข้าใจที่เราพูด พยายามจะดึงไปหาแท็กซี่อย่างเดียว ไม่ยอมคืนกระเป๋าให้เรา ตอนนั้นเพิ่งจะรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกแล้ว แล้วก็มีคนขับแท็กซี่เดินเข้ามาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น ( ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เพราะหน้าเราก็ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลยซักนิด ) เราก็ตอบเค้าไปว่าไม่เอา ไม่ไป มีคนมารอรับโดยตอบไปเป็นภาษาญี่ปุ่น ก็ยื้อของกันไปมา โชคดีที่มีผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงได้ยินก็เลยเข้ามาช่วย เค้าบอกว่าพวกนี้จะเตี๊ยมกันไว้ พาคนต่างชาติไปขึ้นแท็กซี่และหวังฟันเงิน รวมทั้งคนเข็นรถก็จะเอาเงินเราด้วย ถ้าไม่จ่ายก็ไม่คืนของให้ ( เลวร้ายมาก )

เราก็รู้สึกแย่อีกแล้วที่ซื่อบื้อไม่ทันเอะใจ แถมไม่มีเงินอินโดนีเซียเลยเพราะเพิ่งลงมายังไม่ได้แลก มีแต่เงินเยนกับเงินไต้หวัน ผู้ชายญี่ปุ่นคนนั้นกับแฟนเค้าที่เป็นคนอินโดนีเซียเลยมาช่วยพูดให้ แล้วจ่ายเงินให้คนที่เข็นรถเราไป เราถึงได้ของคืน ตอนนั้นน้ำตาจะไหลแล้วเพราะถ้าไม่มีเค้าเข้ามาช่วยเราต้องแย่แน่ๆ จากนนั้นเราก็มองหาคนที่มารับแต่ก็ไม่เจอ โทรก็ไม่ติด แฟนของผู้ชายญี่ปุ่นคนนั้นที่เป็นคนอินโดนีเซียก็ใจดีมาก ช่วยโทรหาจนติด แล้วยืนเป็นเพื่อนจนคนที่บริษัทมารับ เพราะมีคนที่มาชวนไปขึ้นแท็กซี่ยังมาวนๆเวียนๆ คอยจะเข้ามาตลอด

ผู้ชายคนนั้นเล่าว่าที่นี่เป็นแบบนี้แหละ คอยจะหลอกชาวต่างชาติ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วจะโดนแย่งของได้ง่ายๆ เราเข่าแทบทรุดเพราะตลอดเวลาที่เดินออกมา มีเจ้าหน้าที่เช็คของว่าเราเอากระเป๋ามาถูกหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรเองก็เห็น แต่ก็ไม่พูดอะไร แถมยังยิ้มๆด้วยซ้ำ เหมือนว่ารู้กันว่ามีคนมาติดกับอีกแล้ว ( เป็นเจ้าหน้าที่แท้ๆ ทำไมทำอย่างนี้นะ ) อยากจะเตือนคนที่จะไปอินโดนีเซียให้ระวังตรงนี้นะคะ มีใครเข้ามาก็ให้ปฎิเสธไปอย่างเดียวจะดีที่สุดเลย ไม่รู้ว่าถ้าขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว จากนั้นจะไปส่งให้ถึงโรงแรมจริงหรือเปล่า หรือว่าอาจจะโดนทำอะไรหรือเปล่า อันนี้คนญี่ปุ่นคนนั้นบอกมาค่ะว่าอย่าไปไหนคนเดียวโดยเด็ดขาดเลย โดนทำร้ายร่างกายและฉกชิงทรัพย์สินได้ง่ายๆ

พอเจ้าหน้าที่จากบริษัทมารับ เราก็ขอบคุณผู้ชายคนนั้นและแฟนของเค้า ( ทั้งสองคนใจดีมากๆ ) เจ้าหน้าที่ที่มารับเราเค้าก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอเล่าให้ฟังก็ตกใจใหญ่ เค้าบอกว่าลืมไปว่าอาจจะมีเหตุการ์ณแบบนี้เกิดขึ้น เลยขอโทษขอโพยยกใหญ่ที่ไม่ได้เตือนตั้งแต่ต้น และตั้งแต่นั้นประธานบริษัทก็เลยไม่ปล่อยให้เราเดินคนเดียวอีกเลย ต้องมีคนไปด้วยตลอด นัยว่าซื่อบื้ออย่างงี้อาจจะโดนหลอกหรือโดนฉกกระเป๋าได้อีก แถมถ้าเราเป็นอะไรไป โปรเฟสเซอร์คงจะโกรธแน่ๆ

วันต่อมาเราก็ทำงานของเราไป โดยไปสัมภาษณ์บ้าง เข้าไปดูไลน์บ้าง เข้าฟังประชุมพนักงาน ฯลฯ โดยที่ตลอดสามวันเดินทางโดยไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากโรงแรมกับบริษัท โชคดีที่ข้างๆโรงแรมเป็นห้างสรรพสินค้าเลยได้ไปเดินซื้อของเล็กๆน้อยๆตอนเย็น แต่ก็มีคนที่บริษัทตามประกบด้วยตลอด จนวันกลับก็ไปส่งถึงหน้า Gate เพราะป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เรารู้สึกว่าเมืองไทยบ้านเราถึงกลางคืนบางสถานที่จะอันตราย แต่ที่อินโดนีเซียอันตรายกว่า อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ชานเมืองด้วยเลยค่อนข้างน่ากลัว แต่ยังไงก็รู้สึกว่าเมืองไทยบ้านเราน่าอยู่กว่าเยอะเลย อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินอย่างหวาดผวาอย่างนี้ ไม่อยากจะเหมารวมว่าอินโดนีเซียเป็นแบบนี้ทั้งหมด แต่เหตุการ์ณที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกไม่ดีมากๆเลยค่ะ

พอขึ้นเครื่องเพื่อจะมาไต้หวันก็ได้เจอประสบการ์ณตามที่เล่าไปแล้วข้างบน เมื่อคืนพายุแรงมาก ดูข่าวเช้าเห็นรถพัง เศษเหล็กปลิวว่อน ป้ายพังกระจัดกระจาย น่ากลัวมาก ให้ทางโรงแรมเช็คให้แล้วว่าเครื่องจะขึ้นมั้ย เจ้าหน้าที่บอกว่าขึ้นได้ปกติ ก็เย็นใจ นั่งรถมาถึงแอร์พอร์ตแล้วพบว่าไม่น่าออกมาจากโรงแรมเลยเพราะทุกไฟล์ทถูกยกเลิกหมด เลยต้องให้ทางแอร์พอร์ตจองโรงแรมให้ ซึ่งแน่นอนว่าเต็มหมด เหลือแต่โมเต็ลนี่แหล่ะค่ะ แอบเคืองเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมในไทเปว่าตอนให้เช็คให้ก็ตอบแบบขอไปทีมาก รู้งี้เราน่าจะเช็คเองดีกว่า เลยตั้งใจว่าคืนนี้ก่อนไปแอร์พอร์ตอีกครั้งจะโทรไปเช็คเองดีกว่า จะได้ไม่พลาดอีก

พิมพ์ระบายความเครียดเป็นชั่วโมง เริ่มจะมืดแล้วค่ะ เดี๋ยวต้องออกไปหาอะไรมาเป็นอาหารเย็นก่อนที่จะค่ำ เพราะโรงแรมนี้ไม่มีอะไรให้ทานเลย แถมย่านนี้ก็เป็นย่านที่แบบว่า . . . เอ่อ ผู้หญิงไม่ควรเดินท่อมๆ คนเดียวเลยค่ะ ไปก่อนนะคะ แล้วกลับถึงญี่ปุ่นจะมาอัพบล็อกอีกทีค่ะ เฮ้อ ทำไมทริปคราวนี้มันทรหดอย่างนี้น้อ . . .

ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะคะ อยากกลับเร็วๆจังเลย



Create Date : 07 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 18:11:37 น.
Counter : 621 Pageviews.

7 comments
  
น่าเห็นใจค่ะ
แต่ยังเพิ่งเซ็งนะคะ
หาอะไรทำฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ แล้วกัน
ขอให้พรุ่งนี้ได้เดินทางอย่างปลอดภัยนะคะ
โดย: chenyuye วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:16:27:03 น.
  
อย่าเพิ่งท้อแท้นะคะ

ดูแลตัวเองด้วยค่ะ
โดย: จ๊ะเอ๋ (เจ๋อ๊ะ ) วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:17:45:57 น.
  
น้องมอนจะดูแลตัวเองนะคะ
อย่าไว้ใจใครง่ายๆดีแล้วค่ะ
คอยอยู่ที่คนพลุกพล่าน อะไรแปลกๆมาก็เลี่ยงนะคะ
อดทนรอหน่อยเนอะ เดี๋ยวพายุซาก็มีเที่ยวบินแล้ว
ดีกว่าเสี่ยงชีวิตบนเครื่องนะคะ
ทานข้าวเยอะๆ นอนอิ่มๆนะคะ
เอาใจช่วยค่า
โดย: mame (@FirstblusH ) วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:18:49:54 น.
  
แค่นี้ก้อเก่งแล้วคะ ขอให้พระคุ้มครองนะคะ

โดย: kartai (kartai chan ) วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:18:59:41 น.
  
ขอบคุณมากค่ะทุกๆคนที่เอาใจช่วย

พี่แมม ขอบคุณมากๆนะคะ

ตอนกลางวันเจ้าหน้าที่บอกว่าไฟล์ทเลื่อนเป็นตีสี่ ต้องเช็คอินตีสอง แต่โทรไม่ติดเลยค่ะ ให้เพื่อนคนไต้หวันโทรไปที่สายการบินอยู่ค่ะ แถมหน้าโฮมเพจสนามบินก็บอกแค่ว่าไฟล์ทแคนเซิล

เมื่อกี้เกือบจะร้องไห้แน่ะค่ะ จิตตกมากๆ ออกไปซื้อของมาทาน เห็นย่านรอบๆแล้วรีบกลับแทบไม่ทัน แถมโดนมองแปลกๆอีกว่าเดินเข้าโมเต็ล ค่าแท็กซี่ก็โดนชาร์จเพิ่ม 50% ค่าโรงแรมก็โดนเพิ่มจากปกติอีก 180 หยวน ( เพราะแอร์พอร์ตจองให้ ) เงินหมดไปเยอะเลยค่ะ

โดย: มอนจะ วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:19:21:08 น.
  
แวะมาทักทายค่ะ
โดย: CrackyDong วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:01:31 น.
  
น่าเห็นใจค่ะ
แต่ยังเพิ่งเซ็งนะคะ
หาอะไรทำฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ แล้วกัน
โชคดีน่ะค่ะ
โดย: somphoenix วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:42:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มอนจะ
Location :
神奈川  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ภาพและข้อความที่อยู่ในบล็อกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิงส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของข้อความโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด หากต้องการนำไปใช้อ้างอิง กรุณาติดต่อทางหลังไมค์นะคะ