Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
23 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

บันทึกเดือนที่ 1 ปุญญ์ปุญญ์หัวใจวาย เข้าห้องไอซียู (ภาคสองต่อ NICU)

สรุปอาการของน้องปุญญ์ปุญญ์ทั้งหมดที่เป็น


1. กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตัวการที่ทำให้หัวใจของลูกไม่มีแรงบีบ จนในที่สุดก็หยุดนิ่งไปเลย


2. หัวใจรั่วที่ผนังด้านล่าง ขนาดใหญ่ ทำให้เลือดไหลจากหัวใจไปสู่ปอดเยอะ จำเป็นต้องผ่าตัด


3. หัวใจรั่วที่ผนังด้านบน ขนาดไม่ใหญ่มากอาจจะสามารถปิดได้เอง โดยไม่ต้องผ่าตัด (แม่ขอภาวนา)


4. หัวใจโต .. อันนี้รักษาไม่ได้ แต่คาดว่า ถ้ารักษาอาการอย่างอื่นทุกอย่างแล้ว มันอาจจะไม่โตไปมากกว่านี้


และหวังว่าเมื่อลูกโตขึ้นขนาดก็จะสมดุลกับร่างกายไปได้เอง


กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ.. ตัวการที่ทำให้น้องปุญญ์หัวใจวายจนต้องไปนอนอยู่ในห้อง NICU มาแล้ว ที่คุณหมอบอกว่า มีไม่กี่คนที่เป็นในประเทศไทย


1 ใน 3 คน เสียชีวิต


1 ใน 3 คน อาการทรงตัว


1 ใน 3 คน หายขาด



24 พฤศจิกายน 2552


วันนี้วันที่ 2 แล้วนะ ที่ลูกของแม่เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องไอซียู


20:30 น. เริ่มจากตอน 2 ทุ่มครึ่งของวันที่ 22 พฤศจิกายน 2552 น้องปุญญ์ก็นอนกินนมกินยากับแม่ดีๆ อยู่ น้องปุญญ์ปุญญ์เริ่มกินนมได้เยอะมากขึ้น แต่ทานครั้งละ 0.5 ออนซ์ ทุกๆ 15-20 นาที (คงเป็นเพราะหิว หลังจากอดนมมา 1 วัน 1 คืน )


21:00 น. แต่พอ 3 ทุ่ม พ่อกับแม่เริ่มสังเกตุเห็นว่ายากระตุ้นหัวใจที่แขนของลูกเริ่มซึมออกมาอีกแล้ว แม่ยิ่งไม่อยากให้ลูกเจ็บตัวอยู่ เลยลังเลที่จะบอกพยาบาล เพราะลูกแม่โดนเข็มทุกวันเลย จนตามแขนและขามีแต่แผลเต็มไปหมดแล้ว (แต่พ่อเค้าบอกว่าถ้าไม่บอกจะเป็นผลเสียกับลูกมากกว่า เพราะยาไม่เข้าสู่ร่างกายเลย)


ในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจบอก พยาบาลก็มาดู และปิดเครื่องให้ยากระตุ้นหัวใจ ระหว่างนั้นก็รอให้เจ้าหน้าที่พยาบาลทำงานเสร็จก่อน ถึงจะมาฉีดยาให้ใหม่ ลูกแม่ก็หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมอกแม่


พอพยาบาลทำงานเสร็จก็มาถอดเข็มออก สก้อตเทปมันติดแน่นมาก น้องปุญญ์ปุญญ์เลยร้องไห้มากๆๆๆ แอ่นตัวไปข้างหลัง หน้าเขียวซีด จนพ่อกับแม่ตกใจ แม่รีบปรับอ๊อกซิเจนให้เยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเลย ลูกแม่ก็ยังหายใจขัดอยู่ดี


จู่ๆ น้องปุญญ์ปุญญ์ก็ค่อยๆ อ่อนลง อ่อนลง จนแม่ตกใจ จนพ่อเค้ารีบไปเรียกพยาบาลมา แล้วแม่ก็รีบอุ้มหนูไปในห้องพยาบาลทันที


พยาบาลรีบเข้ามาให้อ๊อกซิเจน และโทรตามหมอ (เป็นเพราะดึกแล้ว เรยมีแต่หมอเวร) หมอมาแล้วรีบใส่ท่อหายใจให้ลูก


ลูกแม่ทั้งดิ้น ทั้งร้องไห้ มากๆ ขาถีบๆๆ ทั้งอึ ทั้งฉี่ เลอะเทอะมาก .. เห็นแล้วแม่แทบขาดใจได้แต่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ


ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าพยาบาลจะหาเส้นเลือดเพื่อเจาะให้ยาลูกแม่ได้ เพราะเส้นเลือดของหนูพรุนไปหมดแล้ว (อย่างที่พยาบาลเค้ากลัวกัน ว่า เส้นเลือดของปุญญ์ปุญญ์หายาก ถ้าฉุกเฉินขึ้นมาคงจะลำบากแน่ๆ แล้วก็เกิดขึ้นจนได้)


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหมอก็เอาน้องปุญญ์ปุญญ์ไปห้อง ICU ที่ชั้น 2 ทันที


22:00 น. ประมาณ 4 ทุ่มแล้ว น้องปุญญ์ปุญญ์อยู่ในห้องไอซียู มีหมอมาาช่วยกันเยอะมาก 3-4 คน พยาบาลก็เยอะ 4-5 คน


หมอขอโกนผมลูกจะได้เจาะเข็มได้ "แม่บอกทำไปเลย จะทำอะไรทำไปเลย" ขอให้ช่วยลูกแม่ได้ก็พอ


เวลาผ่านไป แม่ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง ป่ะป๊าก็เครียด .. แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้เลย ... จนป่ะป๊าชวนแม่ออกไปพักผ่อน แม่บอก แม่ไม่อยากไปไหน แม่อยากอยู่ดูลูก อยากอยู่กับลูก อยากรู้ว่าลูกเป็นยังไงบ้าง แต่พอป่ะป๊าเค้าบอกว่า เค้าเริ่มไม่ไหวแล้ว หัวใจไม่ดี ใจสั่น (ป่ะป๊าเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย) แม่ก็เริ่มชะงัก เริ่มหันมาหาป่ะป๊า เพราะกลัวว่าจะเป็นอะไรไปอีกคน คราวนี้แม่จะไม่เหลือใครอีกเลย  จึงรีบพาป่ะป๊าไปหาที่นอน
 



23 พฤศจิกายน 2552


07:00 น. แม่ตื่นเช้าขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้หลับได้นอนมาทั้งคืน ด้วยความเป็นห่วงลูก แม่นอนไม่หลับ ป่ะป๊ายิ่งแล้วใหญ่ ดูเหมือนจะไม่ได้หลับเลย แม่รีบโทรหาพยาบาลในห้องไอซียู ว่าลูกแม่เป็นยังไงมั่ง


คุณพยาบาลถามว่าคุณแม่ได้อยู่กับลูกถึงกี่โมง แม่ใจตุ้มต่อม กลัวคำตอบที่จะได้ยินจริงๆ


เลยบอกว่า อยู่จนกระทั่งประตูห้องไอซียูปิด คุณพยาบาลเลยบอกว่า


"ตอนนี้น้องภูวิศกำลังให้อ๊อกซิเจนโดยการใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ และมีการให้เลือดด้วย เพราะน้องซีดมาก ความดันปกติ แต่มีปัญหาเรื่องฉี่ไม่ออก หมอเลยให้ยาขับปัสสาวะ ตอนนี้พุ่งปรี๊ดเลย" อาการโดยรวมยังไม่คงที่ คงต้องรอดูอาการก่อน"


ได้ฟังอาการแค่นี้แม่ก็แทบจะไม่ได้ฟังอะไรต่อแล้ว แค่รู้ว่าลูกแม่ยังอยู่  .. แม่ดีใจที่ลูกของแม่ยังอยู่กับแม่ แม่สงสารลูกมาก แต่ก็ดีใจที่ลูกอยู่กับคุณหมอแล้ว มีพยาบาลคอยนั่งเฝ้าตลอดเวลา เค้าอาจจะดูแลลูกแม่ได้ดีกว่าแม่ซะอีก


12:00 น. ถึงเวลาเยี่ยมแล้ว แม่กับพ่อแล้วก็ป้าณี ไปหาลูกนะ แต่แม่ไม่กล้าเข้าไป เพราะแม่สงสารลูก แม่ไม่กล้าดูลูก แม่เลยบอกทุกคนว่าแม่เป็นหวัด แม่กลัวลูกจะติดเชื้อ (แต่แม่ก็เป็นจริงๆล่ะ) แม่กลัวว่าแม่จะเชื้อโรไปติดลูกอีก แม่ได้แต่ยืนมองอยู่ข้างนอก


แม่เห็นป่ะป๊าของลูกเอามือลูบหัวลูกด แม่ก็อยากจับตัวลูก อยากกอดลูกบ้างเหมือนกัน แต่แม่ทำไม่ได้จริงๆ แค่แม่แอบมองจากประตูห้องข้างนอก แม่เห็นลูกปุญญ์ตัวเล็กๆ มีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด ทั้งแขนทั้งขา มีแต่เข็มฉีดยา .. บนหัวก็มีเครื่องใส่ท่อช่วยหายใจ .. "ใจแม่จะขาดให้ได้ ได้แต่ร้องไห้อยู่ข้างนอกคนเดียว"


15:00 น. แม่กับป่ะป๊าเข้าไปหาลูกอีกครั้ง ไปเจอคุณหมอประจำห้องไอซียู ตอนนี้คุณหมอเอาเข็มบนหัวของลูกออกแล้ว เลยถามอาการคุณหมอ คุณหมอบอกว่า


"ตอนนี้น้องอยู่ได้ด้วยยา อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ ถ้าถอดออกเค้าก็อยู่ไม่ได้ เพราะหัวใจไม่มีแรงบีบ ถ้าสำหรับคนปกติ หัวใจบีบ 1 ครั้ง เลือดจะสูบฉีดไปเลี้ยงประมาณ 70 % แต่สำหรับน้องปุญญ์จะได้แค่ครึ่งหนึ่ง คือ 30-40% เอง


แต่ตอนนี้ได้ยากระตุ้นหัวใจก็จะดีหน่อย ส่วนหัวใจเต้นไม่แรงเพราะเค้าไม่ต้องหายใจเอง แต่ใช้เครื่องช่วยหายใจใส่ไว้ตลอดเวลา เค้าก็จะได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ 100 %


หมอบอกว่าจะพยายามใส่เครื่องช่วยหายใจให้น้อยที่สุด ประมาณ 4-5 วัน หมอจะลองถอดเครื่องช่วยหายใจดู ถ้าอาการดีขึ้น ก็อาจจะได้กลับขึ้นไปอยู่ในห้องเด็ก


แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็ต้องอยู่ในห้องไอซียูต่อไป


หมอบอกว่าตอนนี้โรคที่น้องเป็นอยู่พบไม่มากในประเทศไทย "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ"


ถ้าเป็นในผู้ใหญ่ คือ ตายอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นในเด็กอาจจะมีหวังอยู่ แต่ไม่ 100%


ถ้าลูกโตขึ้นมาแล้วกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงมากขึ้นก็อาจจะดี


หมอไม่สามารถบอกได้ว่าลูกของแม่จะสามารถหายเป็นปกติ สามารถมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ได้รึป่าว


บางคนอาจจะอยู่ใน โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ หรือเป็นปี เลยก็ได้


บางทีเราอาจจะต้องดูอาการกันเป็น 6 เดือน หรือ 1 ปี ถึงจะรู้ว่าดีขึ้นหรือไม่ดี


(แม่ได้แต่นั่งร้องไห้ นี่ลูกของแม่จะต้องอยู่ในสภาพนี้ ไปถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี เชียวหรือนี่)



24 พฤศิกายน 2552


9:00 น. เช้านี้ แม่กำลังกลับบ้าน มาหาพี่ยูจีนของน้องปุญญ์ปุญญ์ แม่เลยไม่ได้เข้าไปหาลูก


แต่แม่ก็โทรไปถามคุณพยาบาล ว่าน้องปุญญ์ปุญญ์อาการเป็นอย่างไรบ้าง


คุณพยาบาลบอกว่า "เมื่อคืนน้องหลับดี แต่ตื่นเช้ามามีเสมหะนิดหน่อย คุณพยาบาลเลยดูดเสมหะออกให้ และมีไข้ต่ำๆ เดี๋ยวคุณหมอจะเช็คดูว่าปอดติดเชื้อ หรือว่าปอดอักเสบหรือไม่


แม่เลยถามว่าน้องตื่นรึยัง เพราะคุณหมอบอกว่า หมอให้ยาน้อคไว้ น้องจะได้พักผ่อนเต็มที่ไม่ต้องตื่นมาเจ็บปวดทรมาน


หมอบกว่าประมาณ 3 วันน้องถึงจะตื่น แต่นี่แค่ 2 วันเอง น้องก็สามารถลืมตาได้แล้ว ดีจัง


แม่เลยถามว่า น้องร้องไห้รึป่าว


คุณพยาบาลบอกว่า ร้อง แต่ร้องไห้แบบไม่มีเสียง เพราะใส่ท่อหายใจอยู่ที่ปอดอยู่


แม่กับพ่อคิดว่า ถ้าน้องปุญญ์ปุญญ์สามารถตื่นขึ้นมาร้องไห้ได้ แสดงว่าน้องก็ยังแข็งแรงดีอยู่นะ


แต่ลูกก็คงจะคิดถึงแม่เหมือนที่แม่คิดถึงลูกมากนะ


ปกติตื่นขึ้นมาก็ต้องเห็นหน้าแม่หรือพ่อตลอด


แต่ไม่เป็นไรนะ แม่จะพยายามไปหาลูกทุกวัน


ตอนนี้หนูก็อยู่กับคุณพยาบาลไปก่อนนะ


ช่วยหลายวันที่ผ่านมาลูกแม่อาการดีขึ้นมาก ไม่ค่อยร้องไห้สักเท่าไหร่ เพราะไม่ต้องเปิดเส้น ลูกแม่เลยนอนหลับแบบสบายตัว ไม่มีไข้


 


30 พฤศจิกายน 2552


วันนี้แม่ได้เจอกับคุณหมอชินนุวัฒน์ หมอบอกว่า "ลูกมีอาการปอดแฟบ.. เนื่องจากการใช้เครื่องช่วยหายใจนาน.. ทำให้ยังไม่สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ในช่วงนี้ ร่วมกับน้ำในปอดเยอะ และมีเสมหะด้วย หมอเลยต้องให้คุณพยาบาลเคาะปอดช่วยตลอด ร่วมกับดูดเสมหะด้วย



3 ธันวาคม 2552


ช่วงนี้แม่กลับมาอยู่บ้าน มาหายูจีน


แม่ได้แต่โทรไปหาลูก...


คุณพยาบาลบอกว่า วันนี้ลูกแม่มีไข้ขึ้นสูงมาตั้งแต่เมื่อวาน ลูกร้องไห้เยอะ หัวใจเลยเต้นแรง ลูกแม่เหนื่อยมาก หมอเลยต้องให้ยานอนหลับ ลูกจะได้หลับพักผ่อน ไม่เหนื่อยมาก....


คงเป็นเพราะลูกร้องไห้เยอะ ไข้ขึ้น ไม่สบายตัว และหมอก็เปลี่ยนนมให้มีแคลอรี่เยอะขึ้น ลูกเลยท้องเสีย ถ่ายเป็นสีเขียว และมีเสมหะเยอะ แถมเสมหะยังมีเลือดปนอีก



4 ธันวาคม 2552


คุณหมอบอกว่า ลูกแม่มีอาการปอดติดเชื้อ จากการใช้เครื่องช่วยหายใจนาน และเริ่มมีอาการดื้อยาในโรงพยาบา ปอดเลยมีน้ำเยอะ


ที่สำคัญคุณหมอบอกว่าอยากเจอ อยากคุยกับ คุณพ่อ กับคุณแม่ของน้อง


"แม่กลัวเหลือเกิน ว่าแม่จะไปหาลูกไม่ทัน"


แม่ชวนพ่อไปหาลูก พ่อบอกไปๆ มาๆ เปลือง แม่เลยยังไม่ได้ไป


แต่พอแม่บอกอาการของลูก พ่อเค้าก็แอบไปนั่งร้องไห้ อยู่คนเดียว "แม่ก็สงสาร แม่ไม่อยากบอกอะไรมากอีกแล้ว"


เพราะตั้งแต่ที่พ่อเค้าเจอกับเหตุการณ์ตอนลูกหัวใจวาย .. หัวใจของพ่อเค้าก็กำเริบขึ้นมาอีก .. มักจะเจ็บจี๊ดๆ บ่อยๆ เวลาที่คิดถึงลูก ...


วันนี้วันเกิดแม่ (4 ธันวา) แม่ได้แต่ไปทำบุญที่วัด ไปถวาย ไปขออโหสิกรรม จากเจ้ากรรมนายเวรของลูก ลูกจะได้หายป่วย กรรมหนักจะได้เหลือเบาบางลง


 


5 ธันวาคม 2552


ในที่สุดแม่ก็ได้ไปหาลูกของแม่ พาพี่ยูจีนไปด้วย


ลูกแม่นอนลืมตาดูดจุกนมอยู่ ลูกแม่ไม่ร้องไห้เลย


แต่ก็น่าใจหายนะ หนูคงจะเริ่มชินกับการนอนอยู่โรงพยาบาล


คงชินกับการนอนอยู่คนเดียว


หนูนอนมองเพดาน ตาลอย ไม่สนใจอะไรเลย


เดี๋ยวเดียวก็ม่อยหลับไปอีก....


ป่ะป๊าถามว่าน้องปุญญ์ปุญญ์จะยังจำเสียงพ่อกับแม่ได้มั๊ย แม่ไม่กล้าตอบอะไร ได้แต่บอกว่าไม่รู้ เพราะกลัวป่ะป๊าจะเสียใจ...


ทั้งๆ ที่ในใจนะ เริ่มรู้แล้ว เวลาแม่เรียกหนูก็เริ่มเฉยๆ สายตาก็มองนู่น มองนี่ไปเรื่อย แบบเลื่อนลอย บางครั้งหนูก็มองตามใบหน้าแม่กับพ่อ


บางครั้งหนูก็มองมือแม่ แต่หนูเอียงคอมากไม่ได้ คงเพราะชินกับการนอนเอียงข้างเดียว หรือไม่ก็ เจ็บหน้าอก ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจเอาไว้....


ที่แม่เสียใจมากอีกอย่างนึง คือ หนูเริ่มชินกับการนอนหลับเองโดยไม่ต้องให้พ่อกับแม่ร้องเพลงกล่อมแล้ว...


เมื่อก่อนเวลาพ่อกับแม่มาหาหนู


เวลาพ่อกับแม่กล่อมลูกก็หลับแบบเป็นสุข แต่ตอนนี้หนูไม่หลับ .. เวลาแม่ร้องเพลงให้ฟัง แต่พอแม่หยุดร้อง หนูก็หลับไปเอง.....


หรือว่าถ้ายังได้ยินเสียงพ่อกับแม่อยู่ หนูไม่อยากหลับคะ.. หนูอยากได้ยินแม่คุยนานๆ ใช่มั๊ย....



8 ธันวาคม 2552


วันนี้แม่มาพบอาจารย์หมอสนิท หมอประจำห้องไอซียู ตั้งแต่เช้า มีทั้งแม่-พ่อ-พี่ยูจีน-ป้าณี แต่คุณหมอมาตอนบ่ายแน่ะ


ตอนนั่งรอคุณหมออยู่หน้าห้อง แม่ทั้งเสียใจ ทั้งขวัญเสียมากๆๆ


ก็คุณป้าเตียงข้างๆ นะสิ พอคุยกับอาจารย์หมอเสร็จ ก็ร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้น เสียงดังมาก


แม่ก็ว่าแม่ทำใจ เตรียมใจ รับในสิ่งที่หมอกำลังจะพูดด้วย ไว้เยอะแล้วนะ แต่ตอนนี้แม่ก็ร้องไห้ออกมาอีกจนได้


ถึงคิวของแม่กับพ่อ อาจารย์หมอก็เรียกไปคุยในห้อง


"เริ่มแรก อาจารย์หมอสนิท ให้แม่คุยให้ฟังว่าตั้งแต่ลูกเกิดมา มีอาการเมื่อไหร่ แล้วลูกอาการเป็นยังไงบ้าง แล้วแม่พาไปหาหมอตอนไหน ...แม่ว่าแม่พาไปหาหมอช้าไป เพราะแม่เห็นลูกเหนื่อย ตอนอาทิตย์กว่าๆ แต่แม่พาไปหาหมอตอนอาทิตย์ที่ 3


"หมอบอกว่าตอนนี้อาการของลูกดูดีขึ้น เพราะ 3-4 วันก่อน ลูกอาการทรุดลงมาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแว แต่จะเป็นอะไรปุ๊ปปั๊บไปอีกเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้


เพราะฉะนั้น เราต้องทำใจ เผื่อใจไว้บ้าง ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ในขณะที่ยังแข็งแรงอยู่ อยากจะทำอะไรก็รีบทำ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง ว่าไม่ได้ทำอะไรให้


ถ้าร่างกายอ่อนแอไปแล้ว จะทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่ดีแล้ว


ทางเดียวที่จะรักษาลูกได้คือ ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ.. ซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะมา.. ขนาดเปลี่ยนตับ ยังราคา 1 ล้าน 2 แสนเลย


ไม่งั้นลูกก็ต้องนอนอยู่อย่างงี้ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ที่ลูกไม่ไหวแล้ว หมอก็จำเป็นต้องปล่อยเค้าไป"


สิ่งเดียวที่แม่คิดในตอนนั้น.. ว่าโอกาสเดียวที่แม่จะยังสามารถทำให้ลูกได้คือ.. แม่จะขออาจารย์หมอหัวใจให้เอาลูกเข้ามูลนิธิพระพี่นาง เพื่อช่วยให้การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ลูกแม่


แต่ข้อจำกัดของการเปลี่ยนหัวใจก็มีเยอะ...


ลูกแม่ยังเล็กนัก.. การที่จะหาหัวใจที่มีผู้บริจาคเข้ามา.. ให้มีขนาดพอเหมาะ และสามารถเข้ากับลูกได้นั้น ไม่ใช่ง่ายๆ และถ้าผ่าตัดแล้วผลจะออกมายังไงก็ไม่รู้ ขึ้นอยู่กับฝีมือหมอ แถมยังต้องเสี่ยงต่อการที่ร่างกายปฏิเสธหัวใจใหม่ด้วย... ซึ่งต้องกินยาตลอดชีวิต..


"ตอนนี้ทุกคนหัวใจแทบสลายกันทั้งบ้านแล้ว... เราจะยังมีโอกาศช่ว่ยลูกของแม่มั๊ยนะ .."


14:00 น. อาจารย์หมอแรกขวัญ หมอหัวใจของลูกมาทำ ECHO (ตรวจหัวใจด้วยระบบคลื่นไฟฟ้า) แม่ต้องปรับอารมณ์อย่างมากมาย


เพราะพออาจารย์หมอ ออกจาห้องก็ยิ้มให้ และบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ยิ้มได้แล้วนะคะ


ตอนนี้ลูกแม่ กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวดีจนเกือบจะเป็นปกติแล้ว แม่ดีใจมากๆๆ เลยลูก


ตอนนี้สิ่งที่จะต้องซีเรียสต่อไปคือ รูรั่ว จากตอนแรกที่บอกว่ายังไม่ซีเรียสเรื่องรูรั่ว เพราะ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมันอันตรายกว่า


ตอนนี้ลูกอายุเกือบจะ 2 เดือนแล้ว


จากตอนแรกเด็กๆ ความดันปอดจะสูง ทำให้เลือดไม่ค่อยไหลไปเยอะ แต่ตอนนี้เริ่มโตขึ้น ความดันปอดเริ่มต่ำลง ทำให้เลือดเริ่มไหลเข้าปอดเยอะขึ้น


ประกอบกับลูกมีรูรั่วข้างล่างใหญ่มาก ทำให้เลือดไหลเข้าปอดเยอะ ทำให้ลูกเหนื่อย


ถ้าลูกน้ำหนักตัวถึง 6 กิโล เมื่อไหร่ ก็จะสามารถผ่าตัดได้ละ


ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องถอดเครื่องช่วยหายใจออกให้เร็วที่สุด เพราะในห้องไอซียูมีเชื้อโรคเยอะ การที่ลูกติดเชื้อก็เป็นเพราะติดจากในโรงพยาบาลทั้งนั้น


ตอนนี้ปอดที่ติดเชื้อก็ได้เพาะเชื้อขึ้นมาเป็นยาที่ตรงจุดได้แล้ว ปอดที่แฟบก็ดีขึ้นแล้ว


ถ้าลูกแม่สามารถหายใจได้เองเมื่อไหร่ ก็จะได้กลับบ้านทันที เพราะที่บ้านอากาศสดชื่นปลอดโปร่งกว่ากันเยอะ


แม่ถามว่าอีกประมาณกี่เดือนถึงจะถอดเครื่องช่วยหายใจ


หมอบอกว่าไม่นานขนาดนั้น อาจจะภายในเดือนนี้ พรุ่งนี้ หรือว่า มะรืนนี้ อาทิตย์นี้ก็ได้


ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของลูกว่าวันไหนพร้อมที่สุด


แม่กลัวนะ กลัวว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดีเท่าที่คุณพยาบาลเลี้ยง กลัวว่าถ้าหนูเป็นอะไรขึ้นมา แม่จะพาหนูไปโรงพยาบาลไม่ทัน


แต่อาจารย์หมอมั่นใจว่าแม่ทำได้แน่นอน


แม่ตั้งใจว่า แม่จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อลูกของแม่


"แม่รักลูกจ๊ะ"


 


9 ธันวาคม 2552


อาจารย์หมอสนิทฟังเสียงปอดของลูกตอนเช้าปรากฎว่า ยังไม่ค่อยดี หมอจะลองถอดเครื่องช่วยหายใจก็กลัวลูกไม่ไหวเลยต้องใส่ต่อไปอีก



10 ธันวาคม 2552


อาจารย์หมอสนิท Plan ว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจในวันพรุ่งนี้ 11 ธันวาคม 2552



11 ธันวาคม 2552


ในที่สุดตาหนูของแม่ก็ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก หนูเก่งมากเลยจ๊ะ .. คุณพยาบาลบอกว่า หลังจากที่คุณหมอถอดท่อออกได้ประมาณ 5 นาที หนูร้องไห้มากๆ แต่สภาพร่างกายของลูกก็ยังไหวอยู่ ไม่นานหนูก็หลับไปได้


ตลอดทั้งวันหนูก็หลับดี ไม่มีเหนื่อยเลย


"เก่งมากเลยจ๊ะลูกรัก"


 


13 ธันวาคม 2552


แม่ พ่อ น้องยูจีน ย่าน้อย ย่าณี"


มาหาหนูกันพร้อมหน้าพร้อมตา


หนูหน้าตาสุดชื่นมากเลย ปากงี้เป็นสีชมพูเลยละ


สายระโยงระยางก็ไม่มีแล้ว


เหลือแค่ยากระตุ้นหัวใจกับสายอ๊อกซิเจนที่จมูกแค่นั้นเอง...


หมอบอกว่าจะรอดูอาการอีก 2-3 วันก่อน


ถ้าไม่มีอาการทรุดจนต้องกลับไปใช้เครื่องช่วยหายใจอีกก็ถือว่าดีมากๆๆ



14 ธันวาคม 2552


หมอสนิทบอกว่าตอนนี้ปอดยังแฟ่บอยู่นิดหน่อย ถ้าดีแล้วจะให้ออกจากห้องไอซียูได้


 


15 ธันวาคม 2552


อาจารย์หมอให้พยาบาลโทรตามคุณแม่ บอกว่า "จะให้น้องออกจากห้องไอซียูแล้ว "


แม่อยู่เชียงรายกับพี่ยูจีน เลยขอคุณพยาบาลว่าให้อยู่อีก 1 คืน แล้วพรุ่งนี้แม่จะไปหาหนู



16 ธันวาคม 2552


แม่รีบเข้าไปในห้องไอซียูแต่เช้า ปรากฎว่าอาจารย์หมอยังไม่ให้ออกอีก หมอบอกลูกน้ำหนักน้อยมาก ขอดูพรุ่งนี้อีก 1 วัน


 


17 ธันวาคม 2552


9:30 น. คุณพยาบาลโทรแจ้งแม่บอกว่า จะให้หนูออกจากห้องไอซียูได้


แม่ขอบอกว่าขอทำธุระประมาณ 2 ชั่วโมง จะเข้าไป


ประมาณ 11 โมง แม่เข้ามาในห้องไอซียู ปรากฎว่า เค้าเอาหนูขึ้นไปรอแม่อยู่ที่ วอร์ด 2 ห้องเด็กแล้วแน่ะ


ตอนแม่ขึ้นมา หนูกำลังนอนร้องไห้อยู่คนเดียว "แม่ขอโทษที่มาช้านะลูก"


22:30 น. ตอนนี้แม่นั่งอยู่ข้างๆ เตียงหนูนะ แม่นั่งดูลูกของแม่..


หนูเหมือนได้เกิดใหม่เลยลูกรัก


หนูดูหน้าตาสดใสมาก ถึงแม้เนื้อตัวจะเหี่ยวไปหน่อย เพราะคุณหมอให้จำกัดปริมาณน้ำในร่างกาย


หนูดูดนมได้รวดเดียวโดยไม่มีดอาการเหนื่อยเลย


ถ้าหนูไม่มีโรคหัวใจแม่คงให้หนูดูดได้เยอะๆ แล้วละลูก



น้ำหนักปุญญ์ปุญญ์ ตอนที่ออกจากห้องไอซียู 2900 กรัม


 


22 ธันวาคม 2552


วันที่คุณหมออนุญาติให้กลับบ้านได้แล้ว


คุณป้าพยาบาล เจ้าหน้าที่เสริมพัฒนาการ สำหรับเด็กที่ออกจากห้องผ่าตัด ห้องไอซียู เข้ามาเยี่ยม แล้วพาน้องไปออกกำลังกาย


คุณป้าบอกว่า น้องตัวแข็งไปหมด เนื่องจากไม่ค่อยได้ขยับตัว .. คอแข็ง ขาแข็ง หน้าอกแข็ง หลังแข็ง ..


พอโดนดัดๆๆๆ นวดๆๆ น้องปุญญ์ปุญญ์เลยร้องไห้จ๊าก เลย .. คุณป้าก็ต้องเตรียมเปิดอ็อกซิเจนจ่อไว้ตลอด เพราะน้องจะเหนื่อยมาก


 



วันแรกที่ออกจากห้องไอซียู ปุญญ์ปุญญ์ทั้งผอม ทั้งตัวเหี่ยว หนัก 2900 กรัม



แม่พยายามกระตุ้นพัฒนาการของหนูทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้


"ลูกดูจะสนใจสิ่งต่างๆ รอบข้างมากๆ"



หนูจะมองแม่ตลอดเวลา .. ไม่ว่าแม่เดินไปทางไหน ก็จะมองจนลับตา


"หนูคงกลัวแม่จะหายไปอีกใช่มั๊ยลูก"



แต่หนูหน้าใสมากๆ ถึงแม้จะมีร่องรอยบาดแผลจากเข็มฉีดยาบ้าง จากรอยสก๊อตเทปบ้าง



ปุญญ์ปุญญ์ชอบที่นอนบนตัวแม่ ชอบให้แม่คอยตบหลังให้เวลาหลับ


"คงจะติดจากห้องไอซียู เวลาโดนเคาะปอด"



ปุญญ์ปุญญ์กลายเป็นหนูน้อยหัวเหม่งของแม่


เพราะต้องโกนผม ใส่เข็มฉีดยา



ปุญญ์ปุญญ์สามารถเอาสายอ๊อกซิเจนออกได้แล้ว


"เก่งมากครับ หนูสามารถหายใจได้ด้วยตัวเองแล้วลูก"



คุณป้าพยาบาลกำลังช่วยนวดตัวบริหารร่างกายให้ลูก



แม่รู้ว่าหนูเจ็บปวด แต่มัช่วยให้หนูตัวอ่อนขึ้น


สบายตัวมากขึ้นใช่มั๊ยลูก


Smiley


"ในที่สุดหนูก็ได้กลับบ้าน กลับสู่อ้อมกของพ่อกับแม่สักทีนะลูก"


"ครั้งหนึ่งแม่เคยไหว้พระแล้วขอว่า.. ขอให้แม่ได้อุ้มลูกและได้กอดลูกในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่อีกสักครั้งนึง ก็เพียงพอแร้วสำหรับชีวิตแม่"


"มาถึงตอนนี้แม่ได้อุ้มลูกได้ดูแลลูกอีกครั้ง แม่ดีใจที่สุดเลย"


"ลูกรักของแม่"


Smiley


"ครั้งหนึ่งพ่อของลูกเคยบอกกับแม่ว่า...ถ้าเป็นไปได้ พ่ออยากจะขอคุณหมอ ขอกอดลูก ขออุ้มลูกในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่อีกสักครั้ง"


"เพราะพ่อคงทำใจไม่ได้ถ้าจะได้กอดลูกในสภาพอื่นแล้ว"


"มาวันนี้พ่อหนูก็รักหนูมากนะลูก"


"ปุญญ์ปุญญ์ แปลว่า ผู้มีบุญมาเกิด"


Smiley


 



Free TextEditor




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2553
25 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 21:26:25 น.
Counter : 1259 Pageviews.

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอให้น้องปุญแข็งแรงค่ะ

 

โดย: is_ninja 23 พฤษภาคม 2553 11:45:58 น.  

 

เป็นกำลังใจให้เช่นเดียวกันค่ะ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย

 

โดย: manuchi11 23 พฤษภาคม 2553 12:21:59 น.  

 

ขอให้น้องแข็งแรงขึ้นไปเรื่อยๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณพ่อกับคุณแม่ด้วยค่ะ

 

โดย: หนิง IP: 65.67.115.244 23 พฤษภาคม 2553 12:47:07 น.  

 

น้องปุญญ์สู้ๆๆๆน่ะค่ะ หายไวๆๆๆ กินเยอะๆๆด้วยน่ะ

นึกได้ค่ะ เด็กข้างบ้าน หลังผ่าก็เหมือนมีอาการแทรกทางปอด ทีแรกเหมือนจะซึมๆๆไมค่อยดี ให้ยาไป ไม่กี่วันอาการดีขึ้นค่ะ เราว่าเด็กเขาสู้ด้วยน่ะค่ะ กำลังใจดีด้วย หายไวเลยค่ะ

 

โดย: kizz_j 23 พฤษภาคม 2553 14:16:12 น.  

 

ยินดีด้วยค่ะคุณแม่..ที่ได้ลูกน้อย

กลับสู่อ้อมกอดอีกครั้ง ขอให้น้องปุญญ์ปุญญ์ หายใจหายคืนนะค๊ะ

 

โดย: แม่น้องชมพู่ 23 พฤษภาคม 2553 14:45:13 น.  

 

แก้ไขค่ะ.... ขอให้น้องปุญญ์ปุญญ์หายวันหายคืนค่ะ

 

โดย: แม่น้องชมพู่ 23 พฤษภาคม 2553 14:46:45 น.  

 

cheer u up na kah

 

โดย: i come from hk. IP: 219.79.41.2 23 พฤษภาคม 2553 16:08:31 น.  

 

สวัสดีน้องปุญญ์ปุญญ์...วันนี้เปนไงบ้างครับ

 

โดย: panwat 23 พฤษภาคม 2553 21:06:05 น.  

 

ขอให้หายไวไว แข็งแรงๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้น้องและครอบครัวมากๆคะ

 

โดย: cherry IP: 58.10.204.176 23 พฤษภาคม 2553 21:07:44 น.  

 

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่น้องปุญญ์ปุญญ์ค่ะ
ขอให้น้องปุญญ์แข็งแรงขึ้นทุกๆวันเลยนะคะ

 

โดย: ^SoFaNaNon^ 23 พฤษภาคม 2553 22:51:36 น.  

 

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ คุณพ่อคุณแม่เข้มแข็งนะค่ะ ขออาราถนาสิ่งศักดิ์สิทธ์ช่วยคุ้มครองน้องปุญญ์ให้หายดีด้วยนะค่ะ ขอให้เจ้ากรรมนายเวรได้โปรดอโหสิด้วยค่ะ

 

โดย: Tonkra49 24 พฤษภาคม 2553 5:15:58 น.  

 

มาเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ สู้ๆ เข้มแข็งทั้งคุณพ่อคุณแม่นะคะ

 

โดย: รักนายต้นกล้า 24 พฤษภาคม 2553 7:06:16 น.  

 

ใจด้วยครับน้องปุญญ์ปุญญ์...นั่งเถอะแล้วหนูก็จะได้ลุกยืนนะครับ

 

โดย: panwat 24 พฤษภาคม 2553 10:31:30 น.  

 

ปุณปุณ สู้สู้นะครับ

 

โดย: babyboy99 24 พฤษภาคม 2553 10:34:48 น.  

 

เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ ขอน้องสุขภาพแข็งแรงขึ้นทุก ๆ วันน่ะค่ะ สู้ สู้จ้า

 

โดย: แม่น้องเนย (ไอแอมเดียร์ ) 24 พฤษภาคม 2553 10:45:33 น.  

 

ส่งกำลังใจกองโตๆมาให้คุณแม่นะคะ

 

โดย: เน้ต IP: 10.1.1.37, 119.42.82.225 24 พฤษภาคม 2553 11:50:19 น.  

 

ดีใจด้วยจริงๆ คะ ที่ได้ลูกน้อยกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งและตลอดไป ขอให้น้องแข็งแรงขึ้นเร็วๆ นะค่ะ สู้สู้คร้า

 

โดย: แม่พี่ยู IP: 180.214.195.186 24 พฤษภาคม 2553 13:01:30 น.  

 

คุณพระคุ้มครอง
ให้น้องร่างกายแข็งแรง
ให้คุณพ่อคุณแม่ สู้ไปพร้อม ๆ กับน้องเค้านะคะ

 

โดย: KhunNoo@rm IP: 202.60.203.104 24 พฤษภาคม 2553 13:03:22 น.  

 

ขอให้คุงแม่และคุงพ่อเข็มแข็งไว้นะค่ะ สุ้ๆค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

 

โดย: MomTaWan 24 พฤษภาคม 2553 17:20:19 น.  

 

สวัสดีสายๆครบน้องปุญญ์ปุญญ์...

 

โดย: panwat 25 พฤษภาคม 2553 9:11:07 น.  

 

อากาศดีครับ...แต่คงสู้แถวๆเชียงรายไม่ได้นะครับ

 

โดย: panwat 25 พฤษภาคม 2553 9:50:10 น.  

 

ขอเป็นกำลังใจให้น้องเยอะๆ เลย หายไวๆนะครับ

 

โดย: spiderman IP: 183.89.183.146 29 พฤษภาคม 2553 10:40:51 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ทั้งคุณแม่ คุณพ่อ และน้องปุญญ์ปุญญ์ หายไวๆแข็งแรงเร็วๆนะคะ

 

โดย: คุณแม่น้องเก็ท IP: 58.9.97.163 29 พฤษภาคม 2553 23:18:22 น.  

 

น้องน่ารักดีคร้า

หายเร็วๆนะคะ

พอดีว่าหนูก้อผ่าตัดเหทือนกัน
ตั้งแต่อายุ12 ขวบได้มั่ง
ตอนนี้ก้อเข้า22แล้ว
ตอนนั้นอาการหนักมากเหมือนกัล
แต่ตอนนี้ก้อดีขึ้นเยอะคะ
ขอเปนกำังใจให้น้องหายเร็วๆๆนะคะ

 

โดย: catdii IP: 125.26.171.74 12 กรกฎาคม 2553 17:53:26 น.  

 

คงมะมีคัยรักเราเท่าแม่

จิงๆคะ

 

โดย: catdii IP: 125.26.171.74 12 กรกฎาคม 2553 17:54:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


1000miless
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ลูกของแม่เป็นโรคหัวใจ" แม่ตั้งใจจะเขียนบลอคที่บันทึกเรื่องราวน่ารักของลูกๆ ของแม่ แต่เมื่อฟ้าสร้างให้ลูกแม่ไม่เหมือนคนอื่น บลอคนี้จึงมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ขอให้ทุกกำลังใจที่มีให้ ช่วยเป็นกำลังใจให้กับแม่ๆ หลายคนที่มีลูกเป็นโรคหัวใจเหมือนกัน เราจะยิ้มด้วยกันจ้ะ "แม่เพิร์ล"
Friends' blogs
[Add 1000miless's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.