Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
ฉันเลือกที่จะเป็น Full time mom


เมื่อคิดย้อนกลับไปตอนมัธยม เพื่อนมักถามว่า "ชุ แกอยากเป็นอะไรวะ" 


คำตอบที่ทุกคนจะได้ยินเหมือนๆกันคือ "เอาจริงๆเลยนะ อยากเป็นเเม่คนหว่ะ อยากเลี้ยงลูก"


เออ เอากับมันสิ คำตอบนี้ล่ะ ทำเพื่อนงงงวย และทำหน้าแสดงความไม่เชื่อในคำตอบมาแล้วนับไม่ถ้วน


มีเพื่อนคนนึงแย้งขึ้นมาว่า "หน้าตาอย่างแกอ่ะนะ อยากเป็นแม่คน อือ คือว่าแกอ่ะดูเป็นหญิงแกร่ง  ดูเป็นผู้นำ ดูน่าจะเหมาะกับการทำงานนอกบ้าน มีลูกน้อง แต่งตัวสวยๆ แบบว่าแกดูเป็นผู้หญิงเก่งอ่ะ ทำไมถึงมีความคิดว่าจะเป็นแม่บ้านวะ"


 ไม่มีคำตอบ มีแต่รอยยิ้มรับในคำชื่นชม ใช่ ถูกต้อง บุคลิกของเรานั้นเป็นอย่างที่เพื่อนว่าจริงๆ แต่เพื่อนถามว่าเราอยากเป็นอะไร เราก็ตอบความฝันของเราจริงๆ ไป โดยที่ไม่ได้คิดอะไร ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องพยายามหาคำตอบ 


เวลาผ่านไป เมื่อไปเรียนมหาวิทยาลัย ก็รู้เลยว่า สิ่งที่เรียนอยู่นั้น ไม่ใช่ เมื่อเรียนจบ ทำงาน ยิ่งรู้ว่า ไม่ใช่


ทำงานผ่านไปหลายปี ยิ่งรู้ว่า ไม่ใช่ นี่ ไม่ใช่สิ่งที่ชั้นอยากเป็น อยากทำ


แต่ละวันผ่านไปอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย ไม่รู้ว่าทำงานเพื่อใคร เพื่ออะไร 



จนถึงวันที่ชั้นตั้งครรภ์ เเละถึงวันที่ชั้นและสามีตกลงกันว่า เมื่อคลอดลูกแล้ว ชั้นจะลาออก แล้วมาเป็น Full time mom


ยอมรับว่าในตอนนั้น ดีใจมาก แต่ขณะเดียวกันก็แอบเครียดเพราะอาชีพนี้มันไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง มันไม่มีการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง มันไม่มีโบนัสประจำปี มันไม่มีสวัสดิการ และมันก็ไม่มีสังคม


ระหว่างที่กำลังจะลาออก มีเสียงคัดค้านหลายเสียง ว่า "เรียนมาตั้งเยอะ อุตส่าห์เรียนจบปริญญาโท MBA จะไปนั่งเลี้ยงลูกอยู่บ้านอ่ะนะ เลี้ยงลูกอ่ะ ให้ใครเลี้ยงก็ได้ ทำงานหาเงินไว้ให้ลูกใช้สิ เอาเงินเดือนไปจ้างพี่เลี้ยงจากศูนย์ก็ยังมีเงินเดือนไว้ให้ลูกใช้อีก จะลาออกไปอยู่บ้านเฉยๆทำไม รายได้ก็ไม่มีนะ"


เออ จริงอย่างที่ว่า เรียนมาก็เยอะ ลงทุนไปก็มาก ลาออกมารายได้ก็ไม่มี


แต่ งานเลี้ยงลูกเนี่ย มันใช่งานของพี่เลี้ยง ใช่งานของคนงานต่างด้าว ใช่งานของปู่ ย่า ตา ยาย หรือใช่งานของเนสเซอรี่จริงเหรอ


ในเมื่อเราเป็นคนเลือกที่จะมีลูก เลือกที่จะคลอดเค้าออกมา แล้วทำไมเราถึงเลือกที่จะให้คนอื่นมาเลี้ยงลูกของเราล่ะ



มองย้อนกลับไปสมัยก่อน ทำไม แม่ถึงเลี้ยงเราได้ ทั้งๆที่แม่เองก็ไม่ได้ร่ำรายอะไร แถมยังต้องขายของอีกต่างหาก


แล้วแน่ใจได้ไงว่า คนอื่นจะเลี้ยงลูกเราได้ดี


แล้วแน่ใจได้ไงว่า เงินที่หามาได้จะชดเชยเวลาที่ขาดหายไปให้กับลูกได้



ด้วยความคิดเหล่านี้ของเราทั้งคู่ ประกอบการอ่านหนังสือ "คุณคือครูคนแรกของลูก" แล้ว เราทั้งสองคนคิดว่า ต่อให้มีเงินเดือนแสนก็เเลกกับทุกๆนาทีที่เสียไปของลูกไม่ได้ เราหวังว่า การเลี้ยงลูกเองของแม่นั้นจะทำให้ลูกเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง เพราะเราเชื่อว่า เด็กนั้นสร้างโลก


เราจำเป็นต้องเลี้ยงลูกของเราให้ดี เพราะว่าอยากเห็นโลกที่สวยงาม



การเป็น Full time mom นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก


แต่การเป็น Full time mom ที่ดี นี่สิ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย



ในตอนต่อไป เราจะมาดูกันว่า งานของชั้นนั้นมีอะไรบ้าง และน่าสนุกเพียงใด 







Free TextEditor


Create Date : 27 กันยายน 2553
Last Update : 27 กันยายน 2553 16:30:15 น. 3 comments
Counter : 592 Pageviews.

 
อ่านแล้วซึ้งค่ะลูกของเรา เราสองคนก้อต้องดูเลี้ยงเขาเอง


โดย: นู๋นิ IP: 110.49.193.48 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:17:07:34 น.  

 
รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่ ที่ยิ่งใหญ่เลยค่ะ


โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:17:54:16 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ เราก็อยากออกมาเลี้ยงลูกเ็ต็มตัวบ้าง แต่จะให้ฝาชี ทำงานคนเดียว คงไม่ไหว ถึงจะเรียนมามากมายขนาดไหน แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงลูกได้นะคะ เราเป็นคนนึงหล่ะที่ทึ่งกับแม่ full time


โดย: iamnerisa วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:20:05:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mommyintrend
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เคยแต่ทำงาน Human Resource Development เบื่อๆบริษัทไหนก็ลาออกเปลี่ยนไปพัฒนาคนให้บริษัทอื่น มาวันนี้ลาออกมาทำงานพัฒนาคนตามเคย แต่คราวนี้ พัฒนาคนคนเดียว แต่ต้องพัฒนาไปตลอดชีวิต เออ เพิ่งรู้ว่ามันสนุกกว่างานเดิมเยอะเลย อีกอย่างงานนี้ลาออกไม่ได้ด้วยสิ
Lilypie Second Birthday tickers Daisypath Anniversary tickers
Friends' blogs
[Add mommyintrend's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.