วันก่อน ฉันออนเอ็มคุยกับญาติเรื่องลูกๆ เธอเล่าให้ฉันฟังว่า..ลูกเธอไม่เก่งเลขและเธอหาครูติวให้ลูกไม่ได้..เราคุยกันอยู่นานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ระหว่างการศึกษาของไทยกับอเมริกัน ที่ญาติฉันอาจจะนำไปปรับใช้กับลูกของเธอบ้างก็เป็นได้ฉันไม่อาจนำการศึกษาของทั้งสองประเทศไปเปรียบเทียบกัน แต่บางจุดที่ฉันเคยได้คุยกับครูเกรด 2 ของนิก ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษของเกรด 3-4 ไปแล้ว เธอได้ให้ความรู้กับฉันมากมายและฉันก็นำมันมาปรับใช้กับลูกของตัวเองอยู่ตลอดเวลามิสซิสเนสัน แนะนำฉันว่า..เด็กทุกคนมีความต่างกัน พ่อแม่มีส่วนสำคัญมากที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของลูก การให้เวลากับลูกในการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง การให้เวลาที่จะฟังยามที่ลูกจินตนาการและเล่าในสิ่งที่ลูกคิดออกมา รวมถึงทุกครั้งที่เราอ่านหนังสือให้ลูกจบ เราต้องตั้งคำถามฝึกให้ลูกคิดตาม เช่น..ถ้าเป็นหนูๆจะตีเพื่อนมั๊ย? ถ้าเป็นหนูๆจะทำอย่างนี้หรือปล่าว? คำตอบเด็กนั้น ไม่ผิด!..เพียงแต่พ่อแม่ต้องชี้แนะให้ลูกเข้าใจ ว่าที่ลูกคิดนั้น..ความถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร มิสซิสเนสันยังแนะนำอีกว่า..เวลาที่เราอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เราต้องฝึกให้เด็กคิดและย่อเรื่องให้เราฟังว่า..เนื้อหาของเรื่องพูดเกี่ยวกับอะไรด้วย นี่แหละคือการเรียนรู้ที่ฉันนึกไม่ถึง วกกลับไปหา..การพูดคุยระหว่างแม่น้องนิกกับญาติที่เธอบอกว่าลูกเธออ่อนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องนี้นิกก็เคยมีปัญหาเช่นกัน ในขณะที่เด็กเก่งๆในห้องเรียนเขาท่องสูตรคูณนำหน้าไปมากแล้ว แต่นิกกลับทำได้น้อยนัก นั่นเป็นเพราะความไม่รู้ของฉัน ที่ไม่รู้ว่า พ่อแม่มีส่วนสำคัญในการช่วยลูกเป็นอย่างมาก เราอย่าได้วางใจว่าที่ครูสอน ลูกเราจะรับได้ทุกเนื้อหา เพราะการรับสารของเด็กแต่ละคนนั้นต่างกันเวลาที่ลูกทำการบ้าน ถ้าพ่อแม่คนไหนเอาใจใส่ สังเกตุลูกให้ดี จะเห็นเลยว่า บางเรื่องลูกเราก็ทำไม่ได้ บางเรื่องลูกก็เข้าใจ ความยากของวิชาคณิตศาสตร์อยู่ที่การตีโจทย์ ไม่ใช่เป็นการคำนวณตัวเลขแต่เพียงอย่างเดียว เรื่องนี้ฉันกลับไปถามมิสซิสเนสัน เธอบอกว่า..เด็กแต่ชั้นปี การเรียนเริ่มยากขึ้นเป็นลำดับ ถ้าเด็กลบเลขไม่เป็น คูณหารไม่เป็น รวมถึงท่องสูตรคูณไม่ได้ มันก็จะกลายเป็นความยากในความรู้สึกของเด็ก พอยากในความรู้สึก เด็กก็ไม่อยากที่จะเรียนและสนใจมัน เพราะเด็กไม่แน่นตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ฉันจึงไม่แปลกใจที่ลูกของเพื่อนๆเริ่มเรียนอ่อนลง พร้อมๆกับเสียงบ่นของพ่อแม่ที่ดังเข้าหูฉันมาครูยังแนะนำอีกว่า..เวลาที่เราสอนลูก แล้วลูกรู้เรื่องไหนเป็นอย่างดี เช่น สามารถคุณเลขหลักร้อยเป็น เราก็สอนให้ลูกคูณหลักพัน มันจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของลูกไปเรื่อยๆ ดังนั้นฉันจะเห็นขีดความสามารถของลูกอย่างชัดเจน เรื่องไหนลูกทำได้ แม่ผ่าน เรื่องไหนทำไม่ได้ ฉันจะจับฝึกจนลูกเข้าใจ และหนีไม่พ้นการทำแบบฝึกหัดซ้ำซากๆ บ่อยครั้งเข้า เด็กก็จะคล่องไปเอง ที่สำคัญคุณต้องค้นหาให้ได้ว่า..วิธีการแบบไหนที่คุณจะใช้สอนลูก ไม่ว่าจะสอนแบบเล่นๆ หรือสอนแบบวิชาการ วิธีไหนก็ได้ที่ทำให้ลูกคุณรักที่จะฟังยามคุณสอน และเข้าใจมันได้ในที่สุดถ้าลูกคุณบอกว่า..หนู/ผม ไม่ชอบวิชานี้ ขอให้รู้ไว้เถอะว่า แกอาจจะไม่ชอบหรือไม่เข้าใจเรื่องที่เรียนแล้วพาลเบื่อ เหมือนนิกที่ตอนนี้ ที่ไม่ชอบเขียนเรียงความ และเริ่มไม่สนใจ ซึ่งจะทำให้เรียนอ่อนลงเรื่อยๆ แม่ก็ต้องกระตุ้นให้เข้าใจว่า ทุกวิชามีความสำคัญเท่าๆกันที่เราไม่สามารถเลี่ยงมันได้เลย ถ้าถอยไม่ได้ก็จงปักหลักสู้เถอะลูก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อแม่ยังเด็กแม่ไม่มีใครที่จะเฝ้าสังเกตและช่วยเหลือเรื่องการเรียน อย่างที่นิกได้รับจากแม่ในทุกวันนี้ ในเมื่อนิกมีโอกาสได้ในหลายๆอย่าง..ทำไมเราไม่ทำมันให้เต็มที่ล่ะ..ฉันบอกลูกไปอย่างนี้
ส่วนเรียงความ โตมาก็เพิ่งได้มาใช้ตอนเขียนบทความนี่แหละครับ ไม่ได้ใช้เรื่องฟอร์มการเขียนอะไรหรอกใช้ในเรื่องการคิดเรื่องที่จะเขียนต่างหาก เหอๆๆๆๆ
ช่วงนี้ผมเซ็งมากครับ เจอเรื่องบ้าบอเข้าไป วันนี้จะอัพบล๊อกล่ะ มีเรื่องมาให้อ่านกันแล้วหลังจากเงียบๆ ไปพักใหญ่ หึๆๆๆๆ