|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตามอลีนา..ไปเรียนภาษาอังกฤษ
การที่ได้ไปช่วยครูดูแลเด็ก ที่ห้องเรียนของอลีนาทำให้ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย อย่างน้อยๆก็ได้เห็นวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็ก และวิธีการสอน ของอเมริกันเขาล่ะ ว่าเขาสอนเด็กให้เข้าใจภาษาอังกฤษกันอย่างไร มันก็ไม่ต่าง จากการเรียนภาษาไทยเท่าไหร่นัก
จำได้ว่า..วันแรกของการเปิดเรียนของอลีนา ที่ฉันเสนอตัวทำหน้าที่ในวันแรก เด็กๆในห้อง 99% เป็นเด็กแม๊กซิกันที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เด็กๆโปรยภาษา ดอกไม้แม๊กซิกันใส่ฉัน ที่ฉันฟังแล้วไม่กระเตื้องหูแม้แต่นิดเดียว เสียงร้องไห้ ดังระงมไม่เว้นวัน จะเอาอะไรกับเด็กสี่ขวบ ที่ชีวิตอยู่กับแม่มาทั้งวัน แล้ววันหนึ่ง ก็ต้องผละจากอ้อมกอดของแม่ ไปเรียนในห้องเรียนที่มีแต่คนแปลกหน้าตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่ง ทำได้เท่านี้ ถ้าเด็กคนไหนไม่ร้องก็ถือว่าเก่งทีเดียวล่ะ
สี่เดือนในห้องเรียนผ่านไป..วันนี้ที่ฉันเห็น เด็กชื่อมานูเอล ที่มาถึงวันแรกแล้ว นั่งไม่ติด ร้องไห้เดินไปเดินมา จะหาแม่ แล้วพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ซักคำนั้น เดี๋ยวนี้เจ้ามานูเอล พูดอังกฤษเป็นต่อยหอย น่าภาคภูมิใจแทนแม่เจ้าเด็กคนนี้จริงๆ ในขณะที่เด็กบางคน ที่มองดูว่าฉลาดกว่า ภาษาก็ยังไม่พัฒนาได้เท่ามานูเอล เริ่มต้นเป็นอย่างไร มาถึงวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ฉันภูมิใจแทน แม่ของมานูเอลได้อย่างไร เพราะแม่มานูเอลพูดอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำไป
การเรียนในห้องเรียนในแต่ละวันนั้น เริ่มต้นด้วยเพลง ABC หลายเวอชั่น ทั้งแบบช้าและแบบเร็ว เสียงเพลงช่วยให้เด็กจดจำ ABC ได้ง่ายๆ แต่เด็กก็ยัง อ่านมันไม่ได้ ถึงกระนั้นครูก็ยังสอนด้วยการชี้ตัว ABC ไปตามเพลง ไม่ใช่การ ท่องจำอย่างแน่นอน แต่เป็นการสร้างความเคยชินให้กับเด็ก ทุกวันครูจะบอก เด็กๆว่า..
ดูซิ..วันนี้อากาศเป็นอย่างไร..
แล้วครูก็เปิดประตูให้เด็กได้เห็นสภาพอากาศนอกห้องเรียน อย่างน้อยๆเด็กๆ ก็ได้เรียนรู้จักคำว่า..Sunnny,nice,cloudy ทุกวัน คำเหล่านี้จะซึมซับเข้าสู่ สมองน้อยๆของเด็กๆ ดูแล้วช่างน่าเบื่อ ฟังทุกวันฉันก็เบื่อ ในทางกลับกัน เด็กน้อยเหล่านี้ ได้เรียนรู้ภาษาด้วยการฟังซ้ำๆกันทุกวัน
ทุกวัน..ครูจะมีภาพ สัตว์ หรือผลไม้ วางอยู่บนแผ่นป้ายพลาสติกที่ด้านล่างมี ช่องว่างเพื่อให้เด็กๆวางแผ่นป้ายชื่อของตัวเอง ไล่เรียงลงมา ครูจะจับแผ่นป้าย ชื่อของเด็กทีละคนชูขึ้นมา..แล้วถามว่า..นี่ชื่อใคร เรียกได้ว่าเดือนแรก ครึ่งห้องอ่านชื่อตัวเองไม่ได้ ครูก็จะเรียกขานชื่อให้ออกมาหยิบป้ายชื่อตัวเอง จากนั้น ครูก็ถามว่า..
หนูชอบป้ายอันไหน..What do you like?
เด็กๆหลายคนที่ไม่ยอมพูด เพราะอาย หรือเพราะพูดไม่ได้ก็ตาม ครูจะให้พูด ตามปากช้าๆว่า..I like lion. ก็ว่าไป ใครชอบอันไหนก็วางใต้ชื่อป้ายนั้น เมื่อ เสร็จสิ้นครบทุกคนแล้ว ครูก็จะให้นับ ที่สุดแล้วเด็กๆทุกคนก็จะได้เรียนรู้การนับ ไม่เกิน 20 ตัวเลข เป็นอย่างนี้ทุกวัน
เด็กสี่ขวบ เรียนรู้เอบีซี เรียนรู้การนับ เรียนรู้คำต่างด้วยภาพ ก็ถือว่ามากแล้ว เด็กสี่ขวบ เขายังไม่สอนให้สะกดคำเป็น แต่สอนให้เรียนรู้สระและพยัญชนะ ให้คล่องก่อน เมื่อคล่องครูก็จะเริ่มต้นการเรียนรู้ด้วยการสอนในแต่ละวันว่า ตัว A มีศัพท์อะไรบ้างที่สะกดด้วยคำๆนี้ ซึ่งครูจะมีภาพต่างๆที่สะกดด้วย อักษร A ให้เด็กได้เห็นภาพกันเลยทีเดียว ไม่ใช่การจำหรือฟังที่ครูบอก แต่มันก็เป็นการสอนภาพที่ซ้ำๆกัน ให้เด็กได้จดจำเฉพาะกลุ่มคำที่เขาคิดว่า เด็กอายุเท่านี้ ควรจะรู้แค่ไหน ส่วนที่อยากจะให้รู้มากกว่านั้น แม่ๆก็ไปสอนกัน เอาเอง เพราะมันขึ้นอยู่กับศักยภาพของเด็กแต่ละคนที่จะเรียนรู้ด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้..ก็จะมีการทำงานฝีมือเป็นกลุ่ม เพื่อฝึกให้ใช้มือหยิบจับของชิ้นเล็กๆ การรู้จักระบายสี เพื่อเรียนรู้เรื่องสี เด็กต้องใช้กรรไกรตัดกระดาษเอง บูดๆเบี้ยวๆ นั่นก็คือเด็ก ถ้าตัดสวย ก็คงไม่ใช่เด็กสี่ขวบเป็นแน่แท้ ทุกวันจะมีงานฝีมือที่เด็ก จะต้องทำ ที่สุดของงาน เด็กจะต้องเขียนชื่อตัวเองลงไป เพื่อให้ครูรู้ว่าของใคร เป็นของใคร จนถึงป่านนี้ เด็กบางคนก็ยังสะกดชื่อตัวเองไม่ถูกอยู่นั่นเอง
เล่าๆมาก็สะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก เด็กทุกคนมีสมองเท่าๆกัน แต่จะฉลาด มากน้อยแค่ไหน มันอยู่ที่การกระตุ้นของพ่อแม่และการพยายามรู้เท่าทัน การได้เห็นเด็กบางคนที่ดูว่า ฉลาด แต่ความสามารถกลับลดน้อยถอยลงไป ต่างกับเด็กที่ดูท่าว่าทำได้ไม่เท่าในเบื้องแรก แต่กลับพัฒนาตัวเองได้อย่าง ไม่น่าเชื่อ
หัวใจสำคัญของการเรียนในห้องเด็กๆ ก็คือการอ่าน ทุกวันครูจะอ่านนิทาน ให้เด็กๆฟัง แน่นอน..เด็กผู้ชายไม่ค่อยชอบฟังครูอ่านนิทาน แต่เด็กผู้หญิง จะชอบ แล้วครูก็จะถามคำถาม แม่ลูกสาวฉัน แม่เล่านิทานให้ฟังหลายเรื่อง เธอจำแม่นจนรู้ว่าแต่ละเรื่องมีความเป็นมาอย่างไร บางครั้งครูเล่าๆอยู่ เธอก็ จะแทรกเล่าแทนครูซะดื้อๆ แต่มันก็แสดงให้ครูได้เห็นว่า..เด็กคนไหนรักการอ่าน หรือแม่คนไหนบ้างที่มักจะอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
เมื่อก่อน ฉันก็ไม่เข้าใจกลวิธีการอ่านหนังสือให้เด็กฟัง คำว่า อ่านหนังสือให้ลูกฟัง มันไม่ใช่อ่านให้จบๆไป หรืออ่านแล้วสอนให้เด็กจำว่าอันไหนดีหรือไม่ดี ที่หนู ควรทำหรือไม่ควรทำ แต่ครูสอนฉันว่า..เวลาอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เราต้องถามแทรกไปในแต่ละตอนของเนื้อหา ว่าเด็กคิดอย่างไรกับตัวละครตัวนั้น เด็กรู้สึก อย่างไรกับนิทานที่เราเล่า หรือชี้ไปที่ภาพว่านี่คืออะไร เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ศัพท์ ไปเรื่อยๆ ฝึกคิดไปเรื่อยๆ เราฟังความคิดของเด็กก่อน ว่าสมองน้อยๆ ความรู้สึก น้อยๆของเด็กนั้นคิดต่อเรื่องราวที่เราเล่าอย่างไร แล้วค่อยๆชี้นำ ค่อยๆสอนให้ เขาเข้าใจอย่างที่เราต้องการ เพราะการเรียนรู้และการเข้าใจ รวมถึงอารมณ์และ ความรู้สึกของเด็กแต่ละคนย่อมต่างกัน
ทุกๆวันพฤหัส ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเด็กเล็กในการเรียนของสัปดาห์ ทุกคนจะได้ รับประเป๋าหนึ่งใบกลับบ้าน ในนั้นจะมีหนังสืออยู่ 6 เล่ม สามเล่มเป็นภาษาอังกฤษ อีกสามเล่มเป็นภาษาเสปน เด็กน่ะอ่านหนังสือไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของแม่ที่จะต้อง อ่านให้ลูกฟัง แม่บางคนก็อ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงจำเป็นที่ครูจะต้องมีหนังสือ ภาษาเสปนแนบไปด้วยครึ่งต่อครึ่ง ส่วนที่จะไม่อ่านให้ลูกฟังเลยก็เป็นเรื่องของแม่
ทุกวันที่เลิกเรียน ขณะที่เด็กเข้าแถวรอก่อนจะออกไปนอกห้อง เด็กๆก็จะต้อง ร้องเพลงลา ถึงสองภาษา คืออังกฤษกับเสปน อลีนาก็ร้องไปกับเขาด้วย เธอคง ร้องไปตามเสียงที่เธอได้ยิน
จะแปลกอะไร กับการเรียนภาษา ถึงแม้จะอ่านไม่ได้ แค่ฟังเสียงแล้วออกเสียง ตาม บวกความเข้าใจว่ามันน่าจะมีความหมายเช่นนี้ มันก็เป็นพื้นฐานหนึ่ง ของการเรียนรู้ความต่างทางด้านภาษาได้ดีทีเดียว
Create Date : 10 มีนาคม 2551 |
Last Update : 10 มีนาคม 2551 1:53:20 น. |
|
9 comments
|
Counter : 741 Pageviews. |
|
|
|
โดย: น้องเอ้ IP: 125.25.142.89 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:8:37:35 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องกุ๊ก IP: 210.246.146.129 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:10:25:37 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.82.249 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:23:37:41 น. |
|
|
|
โดย: น้องเอ้ IP: 125.25.142.198 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:8:19:54 น. |
|
|
|
โดย: น้องเอ้ IP: 125.25.142.198 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:8:27:32 น. |
|
|
|
โดย: อปน. IP: 118.172.67.206 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:12:24:35 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.106.43 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:22:37:15 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.106.43 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:22:40:30 น. |
|
|
|
โดย: น้องเอ้ IP: 125.25.198.25 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:7:44:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|