:: ไข่พะโล้ ::
เนื่องด้วยจากเมื่อวานนี้ ได้รับ fw mail จากเพื่อนเรื่อง "ไข่" ว่ามีประโยชน์มากมายเพียงใด วันนี้ก็เลยคิดอยากจะทำอาหารเมนูไข่บ้าง เอาไว้ไปทานที่ออฟฟิศ เอาเป็น "ไข่พะโล้" ละกัน เครื่องปรุง - ไข่ไก่ 6 ฟอง
- เต้าหู้ 1 ก้อน
- หมูสามชั้น
- กระเทียมใหญ่ 1 หัว
- พริกไทยเม็ด
- รากผักชี 4-5 ราก
- ผงพะโล้ ตราโลโบ้
- น้ำตาลปี๊บ
- เกลือ
- ซอสถั่วเหลืองปรุงรส
- ซีอิ๊วขาว
- ผักชี
- เห็ดหอม
- เครื่องพะโล้ ซื้อจากห้าง มีถุงห่อให้ในซองราคาประมาณ 10 กว่าบาท
วิธีทำ 1. ต้มไข่ นำไข่ใส่ในหม้อ เติมน้ำให้ท่วมไข่พอประมาณ นำตั้งเตาไฟปานกลาง พอน้ำเริ่มเดือดมีฟองปุดๆ ก็ให้คนไข่เป็นระยะๆ เพื่อให้ไข่แดงอยู่ตรงกลางฟอง ต้มประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วตักใส่น้ำเย็นไว้ 2. เครื่องปรุงค่ะ น้ำตาลปิ๊บใช้นิดนึง ประมาณ 2 ช้อนสั้นครึ่ง ไม่ชอบหวานค่ะ แต่ถ้าใครชอบหวาน ใส่เยอะกว่านี้ก็ได้นะคะ ไม่ว่ากัน เกลือ พริกไทย เครื่องพะโล้ กระเทียมกับรากผักชี (ยังไม่ได้ตัดเยย แหะๆ)
3. นำหมูใส่ถ้วย ตักผงพะโล้ประมาณ 1 ช้อนสั้นพูน คลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมซีอิ๊วดำลงไปนิดหน่อย (ลืมถ่ายรูปตอนใส่ซีอิ๊วดำ T_T)
4. แช่เห็ดหอมให้นิ่ม 5. นำรากผักชี กระเทียมและพริกไทยเม็ดโขลกรวมกัน แต่วันนี้หาครกไม่เจอ เลยต้องใช้เครื่องปั่นแทน T_T พอถูพอไถค่ะ ใส่พริกไทยเยอะๆ ชอบเผ็ดๆ อิอิ ปั่นรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน 6. น้ำหม้อที่จะต้มตั้งเตาใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยค่ะ ใส่เครื่องที่ปั่นลงไปผัดจนกระเทียมเหลือง ส่งกลิ่นหอม แล้วก็ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปผัดให้เป็นเนื้อเดียวกัน 6. ผัดจนน้ำตาลปี๊บเป็นสีน้ำตาลไหม้ ก็ใส่หมูสามชั้นลงไปผัด ไม่ต้องให้สุกมากค่ะ เพราะเดี๋ยวจะต้องเคี่ยวต่ออีก ขั้นตอนนี้บางคนอาจจะใส่ไข่ต้มลงไปผัดด้วย แต่โมไม่ใส่ค่ะ เพราะกลัวตะหลิวทิ่มไข่ถลอกปอกเปิกหมด เดี๋ยวจะไม่สวยค่ะ 7. เติมน้ำใส่ลงไปประมาณครึ่งหม้อค่ะ จากนั้นก็ใส่เครื่องพะโล้ แล้วปรุงด้วยซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว เกลือ โมแอบใส่ผงชูรสนิดนึง เพื่อความเมามันส์ แหะๆ ต้มต่อจนน้ำเดือด ชิมรสให้พอดี ยังไม่ต้องจัดมาก เพราะเคี่ยวต่อน้ำจะงวดลง ทำให้น้ำซุปเข้มข้นขึ้นอีก พอน้ำเดือดอีกรอบก็ใส่ไข่กับเต้าหู้ลงไป รอให้น้ำเดือดอีกรอบ ก็เบาไฟลงค่ีะ เคี่ยวต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
8. เสร็จแล้วค่ะ พอดีโมทำไปทานที่ทำงานค่ะ เลยไม่ได้ตักใส่ถ้วยออกมาตกแต่ง แค่ปิดเตาแล้วก็ปิดฝาหม้อ ตั้งไว้แบบนี้ทั้งคืน พอเช้าก็อุ่นค่ะ ตักใส่กล่องเข้าตู้เย็นเก็บไว้ รสชาติเข้มข้นขึ้นอีกโขเลยค่ะ รอดตายไปอีกสองสามวัน แถมประหยัด & อร่อยอีกต่างหากแน่ะ อิอิ
Free TextEditor
Create Date : 26 มีนาคม 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2552 22:24:14 น. |
Counter : 586 Pageviews. |
|
|
|