การออกแบบสำหรับเด็กๆ นั้นต่างกับการออกแบบประเภทอื่นอย่างไร ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเด็กก่อนดีกว่า ถ้าเรามองดูช่วงอายุของเด็กในแง่การออกแบบแล้วไม่ได้มีการแยกแยะอย่างจริง จัง เราแบ่งตามช่วงวัยเรียน วัยเด็กก็คือช่วงอายุในวัยประถมจนถึงประมาณมัธยมต้นและมีความแตกต่างจากวัย รุ่น ในช่วงวัยรุ่นนั้นหลายคนอาจมีหลายอย่างที่แตกต่างไปจากสมัยเด็กโดยสิ้นเชิง

วัยเด็กเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขาเหล่านี้จะสั่งสมความรู้และแรงบันดาลใจ เวลาเราดูหนังสือแต่งบ้านต่างประเทศจะเห็นว่าห้องที่มีสีสันสวยงามและออกแนว แฟนตาซีมีเจ้าของเป็นเด็กๆ ทั้งนั้น การออกแบบห้องให้ลูกรักนั้นเราต้องรับฟังความคิดเห็นและแนวความคิดของเด็กๆ เสมอ เพราะเด็กๆ ก็มีความต้องการเพียงแต่คุณพ่อคุณแม่แค่คอยดูไม่ให้เกินเล

การให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการออกแบบห้องของแกนั้นเป็นการริเริ่มให้เขาแสดงความคิดเห็น เป็นการฝึกระบบความคิด อย่าเพิ่งตกใจว่าห้องเด็กจะต้องแฟนตาซีมาก เราต้องลงทุนมากมาย แท้ที่จริงแล้วคุณพ่อคุณแม่จะได้ฝึกจินตนาการเช่นกัน ในห้องนอนของลูกที่เราจะตกแต่งนั้นเราอาจจะทำทั้งห้องให้เป็นไปตามจินตนาการ หรือเราอาจทำการตกแต่งผนังในห้องเพียงผนังเดียว การที่เราจะเริ่มทำห้องลูกนั้นเริ่มที่จินตนาการก่อนค่ะ

5 คำถามยอดฮิตที่ต้องถามคือ

1. นอนกับใคร บางทีพี่น้องอาจนอนด้วยกัน
2. ชอบอะไร ยกตัวอย่างเช่น การ์ตูนเบ็นเท็น รถยนต์ เป็นต้น
3. ชอบสีอะไร
4. อยากให้มุมโปรดเป็นอย่างไร
5. กิจกรรมโปรดคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น ชอบเล่นดนตรี เล่นกีฬา

เวลาที่ลูกตอบคำถามพวกนี้แล้ว หากลูกเราเป็นเด็กที่มีความสามารถในการวาดรูปก็เริ่มให้แกวาด "ห้องของฉัน" ส่วน มากเด็กๆ จะวาดได้ทุกคน อย่าลืมเก็บไว้ให้ดีนะคะ รูปนั้นเป็นมากกว่าภาพที่เด็กวาด แต่เป็นภาพที่วาดโดยศิลปินคนเก่ง เป็นต้นแบบและเตรียมไปใส่กรอบแขวนที่ผนังได้เลย

หลังจาก 5 คำถามประจำตัวของเจ้าของห้องตัวเล็กแล้ว มีคำถามมาถามคุณพ่อคุณแม่บ้าง

1. อยากใช้เงินเท่าไหร่ในการสร้างห้องให้ลูก หากงบไม่เกินห้าหลักต้นๆ แล้ว การปรับเปลี่ยนผนังเดียวพร้อมเปลี่ยนชุดผ้าปูที่นอนจะเป็นสิ่งที่เหมาะสม หรืออาจเป็นการพาแกไปเลือกซื้อโต๊ะและเก้าอี้ทำการบ้าน แต่หากมีมากกว่านั้นก็สามารถเนรมิตทั้งห้องได้ไม่ยากนัก
2. ลูกอายุเท่าไหร่ หากอยู่ ประมาณ 6–9 ขวบพวกแกอาจยังมีความต้องการเฉพาะ อย่างเด็กผู้หญิงจะเน้นสีชมพู เด็กผู้ชายจะเป็นรถยนต์หรือสัตว์ เช่น แมลง แต่ถ้าเด็กๆ อายุมากกว่า 9 ขวบจะเริ่มเป็นวัยก่อนวัยรุ่น เริ่มหาตัวเองและไม่เน้นสีสันสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก
3. จะให้พี่น้องอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ถ้า อยู่ด้วยกันการแบ่งพื้นที่ให้เท่ากันเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะถ้าไม่เท่ากันแล้วมีปัญหาแน่นอน คุณพ่อคุณแม่คงทราบดี และหากแตกต่างกันสุดขั้วแต่ต้องอยู่ด้วยกัน ในห้องโดยรวมควรเป็นกลางๆ แต่เตียงและมุมส่วนตัวต้องต่างกันอย่างชัดเจน
4. อยากให้ลูกใช้ห้องกี่ปี หาก ตั้งใจให้ใช้จนโตคือเกินมัธยมต้น สิ่งที่ต้องทำคือเผื่อที่เตรียมไว้สำหรับตู้เสื้อผ้าให้เพียงพอ เลือกสีของตู้ โต๊ะ เตียงเป็นสีกลางๆ เช่น สีไม้ต่างๆ สีเงิน สีขาว แล้วใส่สีที่ลูกต้องการไปที่ชุดเครื่องนอน สีผนัง ผ้าม่านและรูปของตกแต่ง เน้นอีกครั้งว่าอย่าใส่สีในโครงสร้างหลัก เช่น ตู้เสื้อผ้า สาเหตุเพราะหลายคนพอโตเป็นหนุ่มก็เบื่อรถแล้ว เบื่อสีชมพู เป็นต้น
5. ขาดของใช้พื้นฐานอะไรบ้าง เช่น ขาดตู้เสื้อผ้าขนาดที่เหมาะสม หรือขาดโต๊ะทำงาน ตู้เก็บของ หากเป็นของชิ้นหลักๆ ให้ดูพื้นที่ห้อง

คำถามโบนัส
อยากลงมือทำห้องหรือทำของตกแต่งร่วมกันระหว่างคุณและลูกๆ หรือเปล่า ถ้าต้องการ ก็จัดตารางหาเวลาและเลือกสิ่งที่อยากทำร่วมกัน อาจเป็นการทาสีหรือเป็นการทำงานการฝีมือด้วยกันจะได้เป็นจุดเด่นของห้อง สร้างกิจกรรมทำร่วมกันระหว่างคุณกับลูกๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องเรียน

เมื่อได้คำตอบของคำถามต่างๆ ด้านบนแล้วเราก็มาถึงขั้นตอนต่อไปคือการเริ่มวางแผนงาน โดยวัดขนาดห้อง วาดตำแหน่งหน้าต่างและประตู ความสูงของเพดานออกมา เคล็ดลับคือไม่ต้องกังวลว่าวาดรูปไม่เป็น ขอให้ตัวเลขถูกต้อง เราจะอาศัยดูตัวเลขเป็นหลัก

หากตัวเลขถูกต้องโอกาสพลาดแทบไม่มี พอได้ขนาดห้องก็วางตำแหน่งสิ่งของต่างๆ คือเตียง โต๊ะ ตู้ลงไป เวลาใส่ลงในแปลนอย่าลืมใส่ขนาดด้วย ยิ่งใส่ขนาดละเอียดเท่าไหร่โอกาสพลาดก็ยิ่งต่ำ เมื่อได้ขนาดต่างๆ แล้วจัดมุมให้เด็กนั่งเล่น พื้นที่เล่นเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุด ถ้าจะให้ดีคือจัดพื้นที่กลางห้องไว้โล่งๆ ให้เด็กเล่นกับพื้นได้ เมื่อได้ครบก็เอาคำตอบของลูกออกมาดูแล้วหาภาพประกอบ อาจหาทางอินเตอร์เน็ตและหนังสือต่างๆ

ขอขอบคุณ

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2555 15:08:50 น.		0 comments
Counter : 1375 Pageviews.
Share Tweet