วันนี้ไปดูนิทรรศการที่ Museum of Contemporary Art
มีนิทรรศการผลงานของแอนนี่ ลิโบวิซต์ หัวข้อ
Annie Leibovitz A Photographer's Life 1990-2005รวมรวมภาพส่วนตัว และภาพผลงานที่ตีพิมพ์ในนิตยสารระดับโลกเป็นร้อยๆ ภาพ
เสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพภายในมาได้ เนื่องจากห้ามถ่ายภาพ
บอกได้แค่ว่าเหนือกว่าคำพูดใดๆ จะบรรยายออกมาได้ครบถ้วน ทั้งการเลือกภาพ ทั้งภาพส่วนตัว และงาน
ทำให้เราได้เห็นทั้งงาน และชีวิตส่วนตัวของแอนนี่ ตั้งแต่เด็ก ได้เห็นเบื้องหลังการทำงาน และแนวคิด
ไม่ใช่สักแต่เลือกภาพสวยๆ มาแขวนเท่านั้น แค่การจัดกลุ่มของโซนภาพก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งแล้ว
ถ้าค่อยๆ ดูไปตามลำดับ ก็จะเหมือนดูหนังเรื่องหนึ่ง คนดูจะไปถูกหมัดน็อคเอาใน Chamber of Death ทำเอาน้ำตาซึมเลย
ในวงการแฟชั่นแล้ว Leibovitz จัดอยู่ในกลุ่มแนวหน้าตลอดกาล
และถ้าว่ากันถึงช่างภาพแฟชั่นสตรีในยุคนี้แล้ว เธอคือเบอร์หนึ่ง อย่างไม่มีข้อกังขา
มีภาพที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาชนิดที่เห็นปุ๊บจำได้ทันที (แต่ไม่รู้ว่าใครถ่าย) นับเป็นสิบๆ ภาพ
อาจารย์คนหนึ่งของผมบอกไว้ว่า ไม่มีอะไรทดแทนการได้ไปดูภาพพิมพ์ที่เป็นต้นฉบับจากนิทรรศการได้
การดูภาพผ่านคอมพิวเตอร์ หรือสื่อต่างๆ มันถูกลดทอนคุณภาพ และลักษณะเฉพาะตัวลงไปตามข้อจำกัดของสื่อต่างๆ
เช่นเราไม่อาจเห็นเนื้อสีเป็นก้อนเกาะบนผ้าใบ จากฝีแปรงที่หนักหน่วงของแวนโก๊ะได้ จากการดูทางจอภาพ
หรือการไล่น้ำหนักแสงสีภาพถ่ายบนกระดาษอัดภาพ มันก็จะต่างไปจากที่เห็นบนจอภาพ
มวลของภาพที่อัดบนกระดาษไฟเบอร์เบส ด้วยเทคนิคเจลาตินซิลเวอร์ ก็ไม่สามารถเห็นได้บนจอ
หรือใครก็ไม่มีทางจะรับรู้ความงามของงานปฏิมากรรมวัดร่องขุ่นได้จากการดูภาพถ่าย
การฟังดนตรีผ่านเครื่องเสียงไม่ว่าจะระดับสุดยอดแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับการได้ไปนั่งฟังการแสดงสดเช่นกัน
การได้เห็นต้นฉบับงานศิลปะ เป็นทางเดียวที่จะได้รับรู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของศิลปินได้
หากอยากจะซาบซึ้งกับงานศิลปะจริงๆ ไม่ว่าสาขาไหน เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องได้ไปสัมผัสของจริงเท่านั้น