จำไอ้หมีได้มั้ยคะ
เจ้าพ่อของบ้านสุดเกเรที่ป๊ะป๋าบอกว่า..จะยิงทิ้งดีมั้ย
เราเองก็ปวดหัว เราอยุ่มันก็ไม่ค่อยกัดใครเท่าไหร่
แต่พอไม่อยู่เนี่ย...ไล่กัดไปทั่วเชียว
ครั้งที่แล้วคุณมังคุดบอกว่า เอาไปตอนซะดีมั้ย
หมอบอกว่า 90% ของฮอร์โมนที่ทำให้ซ่าผลิตมาจากลูกอัณฑะ
เราจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม
และก็ต้องทำตอนเราอยู่บ้าน
เพราะไม่มีใครแตะไอ้หมีได้นอกจากเรา
ก็เก็บใส่กรงไปหาหมอ
ตอนแรกว่าโอเคละ หงิมๆ
แต่พอเหยียบเข้าคลีนิกเท่านั้นแหละ โดดลงทันที
ไม่ใช่โดดธรรมดา
มันวิ่งไปวิ่งมาอย่างแรง
ละกระโดดชนประตูกระจกอย่างแรง
(แมวจาพนมป่ะฟะ)
เสียงดังมากๆๆๆๆๆๆๆ จนเรากลัวมันตาย หรือไม่ก็ประตูจะแตก
ชนไปประมาณสามรอบได้ ก็หลบไปหอบแฮ่กๆตรงมุมห้อง
ผลจากการพลีชีพชนประตูคลีนิกหมอ คือ ปากแตก เหงือกบวมและฟันหลุดไปหนึ่งซี่
กว่าจะวางยาสลบได้ก็ทำหมอเหงื่อตกอีกระลอก
พอวางยาได้แล้วก็นานมากกว่าจะสิ้นฤทธิ์
ลูกชายอิฉันมันดื้อจริงๆ เหมือนแม่มันไม่มีผิด
แต่ตอนมันต้านยา โซไปเซมา น้ำตาอิชั้นจะไหล
สงสารมันจริงๆ ละพอเจอยาชาตามันจะลอยๆ แข็งๆ ใครกลัวมันตายเลย
ใจนี่หวิว....งื้อ
เจอยาชาไปตั้งสองเข็มแน่ะ ละก็ต้องรอนานกว่าปกติ กว่ามันจะสลบ
พอหมอกรีดๆไข่น้อยของไอ้หมี หมอก็ทักว่า
มิน่าล่ะถึงซ่า....น้ำเชื้อเต็มท่อเลย
เหอๆ...ไอ้แมวอุดมสมบูรณ์เอ้ย....
พอหมอผ่าเสร็จ เราก็อุ้มมันกลับบ้าน
ตัวอ่อนปวกเปียก น่าสงสารเป็นที่สุด
เราก็เดินวนกรงไปมา มันไม่ยอมฟืนซักที
เราก็มองแต่ท้องมันที่ขยับขึ้นๆลงๆตามแรงหายใจ
กลัว กลั๊ว กลัว กลัวจะเห็นท้องนิ่งๆไม่เคลื่อนไหว
นั่งดูตั้งแต่ตอนมันเริ่มกระพริบตาได้ ผงกหัวได้
ตอนนี้ครางได้แล้ว
แต่ยังไม่ยอมขยับไปไหน
ปากนี่บวมเป่งเลย...จะสงสารก็สงสาร แต่ก็แอบสมน้ำหน้า
ดันไปทำปฏิบัติการพลีชีพซะอย่างนั้น
หายไวๆน้าหมีน้า
ปล. เพื่อนบอกว่า ต่นขึ้นมาแมวคงงง อ๊ะ...ของตรูหายไปไหน
ปล. สอง ตะกี้ฟังวิทยุ เค้าว่า Buddha Bless จะมาเล่นที่ร้าน Chill out ร้านนี้มันอยู่ไหนก็ไม่รู้...แต่โคตรอยากดูเลยให้ตายเหอะ...แง...อยากปายยยยยย
ระหว่างรอก็ได้เห็นหมาอีกตัวนอนบนเขียง เอ๊ย เตียง
สงสารมากๆ
บางครั้งก็คิดว่าเราตัดสินใจผิดไหม
บางครั้งก็คิดว่าเรามีสิทธิตัดสินใจจริงๆเหรอ
เพียงแค่เราเป็นเจ้าของมัน
เริ่มคิดมากอีกแล้ว