|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
หัวใจแห่งโยคะ ... 3
หัวใจ แห่งโยคะ : ค้นหาท่วงท่าและมรรคาเฉพาะตัว ผู้เขียน ที.เค.วี. เทสิกาจารย์ ผู้แปล ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
เล่มนี้วางแผงมานานมากแล้ว ซื้อมาอ่านไปรอบแรก คราวนั้นเมื่อฝึกฝนโยคะใหม่ใหม่, หนนี้นำมาอ่านอีกรอบ ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้อะไรได้มากขึ้น ชัดเจนขึ้น กระนั้นก็ยังเหลืออีกมากมายที่ต้องศึกษา... คัดลอกส่วนที่โดนโดนมาเก็บไว้ อาจไม่ใช่เนื้อหาสำคัญหรือใช่ อันนี้ไม่ทราบ แต่ว่ามันโดนใจและคิดว่าสำคัญ...อย่างน้อยสำหรับผมเอง พอได้กลับมาอ่าน มาทวน หวังว่าเวลาจะไม่เสียเปล่า คงเก็บอะไรได้เพิ่มขึ้น...
บทที่ 4 การออกแบบการฝึกโยคะอย่างระมัดระวัง
เราควรพยายามทำให้การฝึกอาสนะของเรามีคุณสมบัติของความนุ่มนวลและมั่งคง และให้แน่ใจอยู่เสมอว่าในการพัฒนาคุณสมบัติทั้งสองนี้ เราใช้ความพยายามน้อยลงเรื่อยๆ
การหายใจ
เราใช้การกลั้นหายใจในการฝึกอาสนะเพื่อเน้นผลของอาสนะ, การกลั้นหายใจหลังจากหายใจออก จะช่วยเน้นผลของอาสนะที่มีต่อบริเวณช่องท้อง ในทางกลับกัน การกลั้นหายใจหลังจากหายใจเข้าในอาสนะบางท่า จะช่วยเน้นผลในบริเวณทรวงอก
กฎที่สำคัญมากข้อหนึ่งที่ควรปฏิบัติตามก็คือ ถ้าการกลั้นหายใจทำให้การหายใจเข้าหรือออกครั้งต่อไปของคุณสั้นลง ให้หยุด แสดงว่าคุณยังไม่พร้อมสำหรับการฝึกนี้ และควรค่อยๆ ฝึกไปทีละน้อย
การพัก
มีกฎข้อหนึ่งที่ควรปฏิบัติตามเกี่ยวกับการพักคือ ถ้าเราจำเป็นต้องพัก เราก็ควรจะพัก
บทที่ 5 การดัดแปลงอาสนะ
เคารพในอาสนะดั่งเดิม
เราต้องเข้าใจว่าเบื้องหลังท่าโยคะทุกท่ามีหลักการบางอย่างอยู่ ถ้าเราไม่รู้หรือไม่เข้าใจหลักการนี้ เราจะไม่สามารถทำอาสนะหรือดัดแปลงอาสนะได้อย่างเหมาะสม ครูที่มีความเคารพในอาสนะแบบดั่งเดิมจะช่วยให้เราตระหนักถึงหลักการของอาสนะได้
อาสนะนี้มีความหมายว่าอย่างไร? จุดมุ่งหมายของอาสนะท่านี้คืออะไร? เราต้องใช้ร่างกายส่วนไหนในการทำท่านี้? เราจะสามารถดัดแปลงอาสนะได้ก็ต่อเมื่อ เราเข้าใจหลักการที่อยู่เบื้องหลังอาสนะนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น ปัศจิมตานาสนะ หรือท่านั่งก้มตัว เป็นท่าที่เรานั่งเหยียดขาไปข้างหน้าและใช้มือจับที่เท้าและก้มตัวให้ศีรษะจรดหน้าแข้ง คำว่า ปัศจิมตานาสนะ แปลว่า “การยืดของทิศตะวันตก” เนื่องจากในอินเดียตามประเพณีดั้งเดิม เวลาเราสวดมนต์หรือฝึกอาสนะ เราจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ณ ตำแหน่งนี้ หลังของเราจะหันไปทางทิศตะวันตก เพราะฉะนั้นจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของท่านี้คือ การทำให้การเคลื่อนไหวของลมหายใจไปที่หลัง อุษฏตราสนะ หรือท่าอูฐ เป็นท่าแอ่นหลังจากท่าคุกเข่า โดยวางฝ่ามือบนฝ่าเท้า ยกต้นขาให้ตั้งฉากกับพื้นในขณะคุกเข่า ในขณะที่หน้าอกขยายและเปิดออกในการหายใจเข้า ท่านี้ทำให้เรารู้สึกถึงลมหายใจที่เคลื่อนลงมาตลอดร่างกายส่วนหน้า
“การรู้สึกถึงลมหายใจ” หมายถึง ความรู้สึกของพลังงานหรือปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย หลักการที่อยู่เบื้องหลังอาสนะดั่งเดิมแต่ละท่านั้น มีความหมายเฉพาะต่อการไหลเวียนของปราณในร่างกาย ครูที่เข้าใจอาสนะจากจุดยืนของความรู้สึกของร่างกายทั้งหมดและการเคลื่อนไหวของปราณจะสามารถประยุกต์อาสนะดั้งเดิมให้เหมาะกับความจำเป็นของนักเรียนแต่ละคนได้
ลมหายใจเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่เราใช้ดัดแปลงอาสนะ ร่างกายมีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติซึ่งจะถูกเสริมเพิ่มขึ้นเมื่อเราหายใจในขณะฝึกอาสนะ เมื่อร่างกายเคลื่อนไหว ลมหายใจก็เคลื่อนไหวไปด้วย และเมื่อลมหายใจหยุดนิ่ง ร่างกายก็หยุดนิ่ง ดังนั้น ลมหายใจและร่างกายจะกลายเป็นการเคลื่อนไหวหนึ่งเดียว เป็นกระบวนการหนึ่งเดียว และนี่คือโยคะที่มีพลังมาก
บทที่ 6 ปราณายามะ ในการฝึกปราณายามะ เราจะต้องหาท่านั่งที่เราสามารถอยู่ในท่านั้นได้เป็นเวลานานๆ สิ่งสำคัญสำหรับท่าในการฝึกปราณายามะคือกระดูกสันหลังจะต้องตรงเสมอ เนื่องจากในปราณายามะนั้นเราจะเกี่ยวข้องกับการหายใจเป็นหลัก ดังนั้นการนั่งฝึกปราณายามะ ร่างกายจะต้องไม่ไปรบกวนการหายใจ
ในการฝึกอาสนะ เราให้ความสนใจกับร่างกายเป็นอันดับแรกและมากที่สุด ในขณะที่เราใช้ลมหายใจในการฝึกอาสนะของเรา แต่ในการฝึกปราณายามะ เราต้องประยุกต์ท่วงท่าที่ทำให้เราสนใจกับร่างกายน้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ข้อเรียกร้องอย่างเดียวที่มีต่อร่างกายในระหว่างการฝึกปราณายามะก็คือ เราควรรู้สึกสบายและให้หลังตรงอยู่เสมอ
ถาม : ฉันพบว่าการนับในขณะที่กลั้นหายใจเป็นเรื่องยาก
ตอบ : นี่เป็นกรณีที่น่าสนใจ จริงๆ การกลั้นหายใจเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นช่วงเวลาที่น่าจะเป็นไปได้ที่จะทำอะไรอย่างเช่น การนับ ถึงกับมีคำกล่าวว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการบริกรรมมนตรานั้น ไม่ใช่ขณะที่หายใจเข้าหรือหายใจออก แต่ในขณะที่คุณกำลังกลั้นหายใจ บางมนตรานั้นยาวมาก แต่เราก็ยังสามารถบริกรรมมนตราเหล่านี้ในขณะที่กลั้นหายใจได้ เพราะเราไม่ต้องจดจ่อกับการหายใจ
ถาม : เราควรฝึกปราณายามะจนไม่ต้องนับลมหายใจหรือสัดส่วนระหว่างการหายใจแต่ละระยะหรือไม่?
ตอบ : ใช่ ปราณายามะคืออะไร หากไม่ใช่การอยู่กับลมหายใจ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ยากมาก ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีการหลายอย่าง ปรกติแล้วร่างกายของเราจะมีจังหวะของมันเองและเราไม่ได้มีสติกับลมหายใจของเรา ในขณะที่เรานับลมหายใจ เราจะจดจ่ออยู่กับการหายใจ แต่เมื่อเราจดจ่อกับปราณยามะอย่างแท้จริง ใครจะมาสนใจกับตัวเลขล่ะ การนับลมหายใจ และวิธีหายใจต่างๆ สัดส่วนของการหายใจ รวมทั้งเทคนิคต่างๆ นั้นเป็นเพียงวิธีการไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การใช้เทคนิคใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเราสามารถอยู่กับลมหายใจไปเรื่อยๆ เฝ้าสังเกตการณ์หายใจด้วยความตื่นตัว นั่นคือเรากำลังฝึกปราณายามะขั้นสูงสุด แต่นั่นเป็นสิ่งที่พูดง่ายกว่าทำ
ถาม : เราจะผ่อนคลายกระบังลมระหว่างการกลั้นหายใจหลังจากหายใจเข้า หรือหลังการหายใจออกได้หรือไม่?
ตอบ : ถ้าคุณหายใจเข้าอย่างถูกต้อง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องผ่อนคลายกระบังลม แต่ถ้าคุณยกหน้าอกมากเกินไปในขณะที่หายใจเข้า ปอดจะถูกขยายเกินขีดจำกัดตามธรรมชาติของมัน ซึ่งจะทำให้กระบังลมถูกดึงเข้าและยกขึ้น คุณจะรู้ว่ามันเกิดขึ้น ถ้าคุณรู้สึกว่ามีการเกร็งในลำคอหลังจากหายใจเข้า ถ้าเป็นอย่างนี้คุณจะต้องผ่อนคลายกระบังลมอย่างตั้งใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณยุบท้องมากเกินไปในขณะที่หายใจออก อากาศจะถูกไล่ออกเร็วเกินไปและคุณจะไม่สามารถควบคุมมันได้ดีนัก ในทำนองเดียวกันเราจะไม่สามารถควบคุมอากาศที่เข้าไปจากการหายใจเข้าได้ถ้าท้องยังหดตัวอยู่หลังการหายใจออก ไม่ว่าเราจะหายใจออกเต็มที่ขนาดไหนก็ตาม ถ้าคุณได้ยินหรือรู้สึกถึงเสียงที่สะดุดเมื่อคุณเริ่มหายใจเข้า นี่เป็นสัญญาณะเตือนที่ชัดเจนว่าคุณหดท้องมากเกินไป คุณจะรู้สึกถึงอาการเหล่านี้ได้ในลำคอ
บทที่ 7 พันธะ
คำว่า “พันธะ” หมายถึง “ประสานหรือผูกเข้าด้วยกันหรือใกล้ชิดกัน” เมื่อนำมาใช้ในโยคะ คำว่า พันธะ ยังหมายถึง “การปิด” อีกด้วย เวลาที่เราฝึกพันธะเราปิดพื้นที่บางส่วนของลำตัวด้วยวิธีการบางอย่าง
พันธะที่สำคัญที่สุด 3 อย่างได้แก่ ชาลันธรพันธะ อุฑฑียานพันธะ และ มูลพันธะ
ชาลันธรพันธะ ใช้คอและกระดูกสันหลังส่วนบนและทำให้กระดูกสันหลังทั้งหมดเหยียดตรง
เวลาเริ่มฝึกชาลันธรพันธะ ให้เรายกกระดูกสันหลังให้ตรง จากนั้นรั้งศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อย ยืดคอให้ตรงและก้มคางลง ตราบใดที่คางยังก้มลงและหลังตรง เราก็อยู่ในชาลันธรพันธะ พันธะนี่สามารถฝึกได้ในอาสนะหลายอาสนะแม้จะไม่ใช่ทุกอาสนะ
อุฑฑียานพันธะ มุ่งไปที่บริเวณระหว่างกระบังลมและฐานของกระดูกเชิงกราน
ในพันธะแบบนี้ กระบังลมและท้องส่วนล่างจะถูกยกขึ้น ในขณะที่เริ่มหายใจออก ให้หดท้องเข้ามา เมื่อหายใจออกจนสุดแล้วท้องควรหดเข้าไปเต็มที่ จากนั้นแขม่วท้องขึ้นและหดเข้าไปหากระดูกสันหลัง การหดท้องในลักษณะนี้จะทำให้กระบังลมยกขึ้น เมื่อฝึกพันธะนี้จนชำนาญแล้ว สะดือจะเคลื่อนเข้าหากระดูกสันหลัง ทวารหนักและกล้ามเนื้อหลังจะหดตัว เวลาที่ฝึกพันธะนี้อย่างสมบูรณ์บริเวณท้องทั้งหมดจะกลวง สิ่งสำคัญอย่างยิ่งก็คือ การหดและคลายท้องจะต้องทำอย่างช้าๆ ถ้าท้องไม่ผ่อนคลายเต็มที่จริงๆ หลังทำอุฑฑียานพันธะ การหายใจเข้าครั้งต่อไปจะถูกจำกัดและคุณจะเกิดอาการสำลัก
ส่วนมูลพันธะ ใช้บริเวณระหว่างสะดือและฐานของกระดูกเชิงกราน
เป็นการฝึกต่อเนื่องจากอุฑฑียานพันธะ โดยผ่อนคลายท้องส่วนบนและกระบังลม แต่ท้องส่วนล่างยังหดอยู่ พูดอีกอย่างคือ บริเวณใต้สะดือยังคงหดอยู่ ในขณะที่บริเวณเหนือสะดือผ่อนคลาย เราเคลื่อนจากอุฑฑียานพันธะไปสู่มูลพันธะ โดยการกลั้นหายใจหลังหายใจออกในขณะที่ฝึกพันธะทั้งสองแบบ และเราสามารถค้างอยูในมูลพันธะระหว่างการหายใจเข้าครั้งต่อไปได้
บทที่ 8 สิ่งที่ทำให้จิตใจมืดมัว
การที่โยคะมีต้นกำเนิดในอินเดียไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นฮินดูจึงจะฝึกโยคะได้ ในทางกลับกันโยคะไม่ได้แม้แต่จะคาดหวังว่าคนฮินดูจะต้องฝึกโยคะ
โยคะไม่ต้องการระบบความเชื่อใดๆ โดยเฉพาะ และถึงแม้ว่าเราจะมีความเชื่อใดอยู่แล้ว โยคะจะไม่ไปขัดขวางความเชื่อนั้น ทุกๆ คนสามารถเริ่มต้นได้ และจุดที่เราเริ่มต้นนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวและเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลอย่างยิ่ง ขึ้นกับว่าเราอยู่ตรงไหนในช่วงเวลาหนึ่งๆ
ขอบคุณโยคาจารย์และผู้แปล, (รูปประกอบจากโลกออนไลน์) ...รัก ชอบ ไปหาเล่มเต็มมาอ่านครับ ค่อยค่อยเก็บเกี่ยวไป เราจะรู้เพิ่มขึ้นเรื่่อยเรื่อย ที่เลือกมาก็เป็นส่วนน้อยที่ตื้นเขินอยู่มาก...มีอะไรอีกมากเกินกว่าสติปัญญาอันน้อยของผมจะเข้าใจได้ในขณะนี้... คงเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ที่จะหันกลับมาทบทวน เรียนรู้เพิ่มเติมจากหนังสือเล่มนี้...และทุกเล่้มของศาสตร์แห่งโยคะ
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2553 8:26:51 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1755 Pageviews. |
|
|
|
โดย: รสา IP: 110.77.155.242 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:22:29:41 น. |
|
|
|
โดย: Noomphanthai IP: 192.168.50.88, 182.52.81.101 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:16:38:07 น. |
|
|
|
โดย: Noo IP: 124.122.1.75 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:38:35 น. |
|
|
|
|
|
|
ลิงจอม ทะเล้น
หัวหอม จอมซ่า
กระต่ายจอม กวน
(no practice / rest days)
|
|
|
|
|
|
|