|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Light on Life ... 2
ประทีปแห่งชีวิต : การเดินทางสู่ความเปี่ยมเต็ม ความสงบภายใน และอิสรภาพสูงสุด โดย BKS Iyengar แปล ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
ผมเคยคัดย่อบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาสนะ มาลงบล็อกเก่าไว้แล้ว วันนี้บล็อกเก่าจากไป จึงถือโอกาสนำบางส่วนจากหนังสือมาลงไว้ที่บล็อกใหม่ เป็นส่วนที่เกี่ยวกับอาสนะเท่านั้นครับ
ความตระหนักรู้ : ทุกรูขุมขนต้องเป็นดวงตา
การกระทำคือการเคลื่อนไหวด้วยสติปัญญา
โยคะสอนวิธีการหลอมรวมการเคลื่อนไหวเข้ากับสติปัญญา เพื่อเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวให้เป็นการกระทำ
เราเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนการเคลื่อนไหวให้เป็นการกระทำได้อย่างไร?
เราสามารถเรียนรู้ได้จากอาสนะ เราจะพัฒนาความละเอียดอ่อนที่ลึกซึ้งถึงขนาดที่ว่าแต่ละรูขุมขนทำหน้าที่เป็นดวงตาภายใน เราจะมีความรู้สึกไวถึงรอยต่อระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ ด้วยอาการเช่นนี้ ความตระหนักรู้จะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย และสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายเราอยู่ในแนวตรงหรือไม่ในอาสนะที่ทำอยู่ คุณจะสามารถจัดปรับและทำให้ร่างกายสมดุลอย่างนุ่มนวลจากภายใน ด้วยความช่วยเหลือของดวงตาเหล่านี้
เมื่อคุณยืนในท่านักรบโดยเหยียดแขนออกมาข้างหน้า คุณสามารถมองเห็นนิ้วมือที่อยู่ข้างหน้าพร้อมกันนั้นคุณยังรู้สึกถึงมันด้วย คุณสามารถรู้สึกถึงท่วงท่าและการยืดของแขนจนถึงปลายนิ้ว นอกจากนี้คุณยังสามารถรู้สึกถึงการจัดตำแหน่งของขาหลัง และสามารถบอกได้ว่ามันเหยียดตรงหรือไม่ โดยไม่ต้องเหลียวไปดูหรือมองกระจกเลย
นี่คือวิธีที่คุณจะเริ่มนำความตระหนักรู้มาสู่ร่างกาย และหลอมรวมสติปัญญาของสมองเข้ากับกล้ามเนื้อ สติปัญญานี้ควรมีอยู่ทุกหนแห่งในร่างกายและตลอดการฝึกอาสนะ
ความตระหนักรู้ที่ละเอียดอ่อนของร่างกายและสติปัญญาของสมองและหัวใจ ควรผสานกันอย่างกลมกลืน สมองอาจสั่งการให้ร่างกายทำท่วงท่า แต่หัวใจจะต้องรู้สึกถึงมันด้วย ศีรษะเป็นที่ตั้งของสติปัญญา ส่วนหัวใจคือที่ตั้งของอารมณ์ ทั้งสมองและหัวใจจะต้องทำงานประสานกับร่างกาย
ยังมีการใช้เจตจำนงเข้าบงการด้วย แต่สมองจะต้องตั้งใจฟังร่างกาย และดูว่าสิ่งไหนเหมาะสมและคอยระมัดระวังให้อยู่ในขีดความสามารถของร่างกาย
สติปัญญาของร่างกายคือข้อเท็จจริง มันเป็นของจริง ส่วนสติปัญญาของสมองเป็นเพียงจินตนาการ เพราะฉะนั้นจินตนาการจะต้องอยู่บนความเป็นจริง วันนี้สมองอาจนึกฝันอยากทำท่าแอ่นหลังที่ยาก แต่มันไม่สามารถบังคับในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ร่างกายจะมีความตั้งใจก็ตาม เราพยายามจะรุดหน้าอยู่เสมอ ทว่าการประสานร่วมมือจากภายในเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด
ดังนั้น คุณต้องฟังร่างกาย บางครั้งร่างกายให้ความร่วมมือกับคุณ แต่บางครั้งมันก็ต้องไตร่ตรอง ...จากนั้นคุณจะมีความเข้าใจร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยความอ่อนน้อมของสมองและความเข้าใจในร่างกาย สมองไม่ได้รู้หมดทุกอย่าง หากสมองได้รับความรู้จากร่างกาย มันจะสามารถเพิ่มพูนสติปัญญาของร่างกายในภายหลัง ด้วยวิธีนี้ร่างกายและสมองจะเริ่มต้นทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในอาสนะ
ยืดออกอย่างมีชีวิตชีวา จากแก่นแกนของตัวตน
การยืดและการขยายสถิตอย่างมั่นคงโดยหยั่งรากลึกในศูนย์กลางของตัวเราเสมอ โดยมีจุดตั้งต้นอยู่ในแก่นแกนของตัวเรา
เวลาคนส่วนใหญ่ยืดเหยียด มักจะเหยียดยืด ไป ให้ถึงจุดที่ตัวเองพยายามจะไปให้ถึง แต่ลืมยืดและขยายจากจากจุดที่ตัวเองเป็น เวลาที่คุณยืดและขยาย คุณไม่เพียงยืดออก ไป เท่านั้น ทว่าคุณกำลังเหยียดยืดออก จาก ด้วย
การเหยียดยืดมากเกินไปและน้อยเกินไป ไม่ถูกทั้งคู่ จงเหยียดยืดจากต้นกำเนิด จากแก่นแกนและรากฐานของแต่ละอาสนะเสมอ นี่คือศิลปะของการเหยียดยืดอย่างมีชีวิตชีวา สิ่งที่ทำให้บาดเจ็บไม่ใช่โยคะ วิธีที่คนฝึกโยคะต่างหากที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ
หากการยืดเหยียดมีความสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งร่างกาย จะไม่มีความตึงเครียดแม้แต่น้อย นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการออกแรง มีการออกแรงอยู่ แต่เป็นการออกแรงที่เบิกบาน ปราศจากความเครียดหรือตึงอย่างผิดๆ
เมื่อใดที่มีความตึงเครียด แสดงว่าการฝึกโยคะเป็นเรื่องทางกายอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่สมดุลและการประเมินอย่างผิดๆ เมื่อผู้ฝึกหยุดความตึงเครียดและสมองปล่อยวาง การฝึกจะกลายเป็นโยคะแห่งจิตวิญญาณ
การผ่อนคลาย : ในทุกท่วงท่าควรมีการพัก
หลังจากทำอาสนะแล้ว ถ้าคุณต้องการยืดเหยียดให้ลึกขึ้น ให้หายใจออกแล้วจึงเหยียดยืดอีกครั้ง การจัดปรับท่วงท่าหลังจากหายใจออก จะส่งผลต่ออินทรีย์กายภายใน ในขณะที่การทำท่วงท่าในขณะหายใจเข้าจะส่งผลต่อร่างกายภายนอกซึ่งเป็นกายเนื้อ
ถึงแม้อาสนะขั้นสุดท้ายจะตัดสินกันที่กายเนื้อก็ตามที แต่มันจะได้รับการประคับประคองจากภายใน
หลังจากไปถึงท่วงท่าปลายทางแล้ว ผู้ฝึกต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความพยายามและความตึงของกล้ามเนื้อ และผ่องถ่ายน้ำหนักไปยังเส้นเอ็นและข้อต่อ เพื่อให้มันค้ำจุนอาสนะอย่างมั่นคง โดยไม่ให้แม้แต่ลมหายใจมาทำให้ร่างกายสั่นไหว
คุณต้องผ่อนคลายคอและศีรษะด้วยเช่นกัน ถ้าคุณปล่อยให้ผิวหนังบริเวณด้านหลังคออยู่เฉยๆ และปล่อยให้ลิ้นอ่อนตัว สมองจะไม่ตึงเครียด นี่คือความเงียบในการกระทำหรือการผ่อนคลายในการกระทำ ทันทีที่คุณเรียนรู้การผ่อนคลายลิ้นและลำคอ คุณจะรู้วิธีการผ่อนคลายสมอง เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกันระหว่างลิ้นกับลำคอและสมองเช่นกัน ตามหลักโยคะ ลำคอคือส่วนของ วิศุทธิจักระ หรือ กงล้อบริสุทธิ์, หากลำคอคุณตึงเครียดในขณะฝึกอาสนะหรือ ปราณายามะ แสดงว่าคุณกำลังฝึกด้วยสมองของอัตตาหาใช่ร่างกาย อย่าขบฟันเพราะเท่ากับว่าคุณกำลังขบสมองของตัวเอง
ถ้าเราเหยียดยืดอย่างสมบูรณ์ได้ เราจะผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์
ดูอย่างแมวสิ มันคือผู้เชี่ยวชาญการเหยียดยืดและการผ่อนคลาย
ความเพียรที่ไร้ความพยายาม ซึ่งปตัญชลีกล่าวถึง ถูกกำหนดด้วยคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างคือ “ความเบา”
ความเบา : คิดเบารู้สึกเบา
เมื่อใดที่เราทำอาสนะอย่างถูกต้อง การเคลื่อนไหวของร่างกายจะราบรื่น ร่างกายจะโปร่งเบา และจิตใจจะเป็นอิสระ เมื่อใดที่รู้สึกว่าอาสนะหนักหน่วงแสดงว่าอาสนะนั้นผิด
คุณต้องพยายามทำให้มีความรู้สึกโปร่งเบาตลอดทั้งร่างกาย คุณสามารถทำได้โดยทำความรู้สึกในใจว่ากำลังยืดตัวเองออกจากศูนย์กลางของร่างกายสู่ภายนอก นั่นคือคิดให้ไกลไปให้ถึง อย่าคิดเพียงแค่ยกแขนขึ้น แต่จงคิดว่าคุณกำลังยืดมันออกไปในแง่ของร่างกาย และเมื่อค้างอยู่นิ่งๆ ให้คิดต่อไปว่าคุณกำลังแผ่ขยายสติปัญญาออกไปจากร่างกาย
อย่าคิดว่าตัวเองว่าเป็นสิ่งที่เล็กน้อยต้อยต่ำและทุกข์ทรมาน แต่จงคิดว่าตัวเองสง่างามและแผ่ขยายออก ไม่ว่ามันจะดูไม่เหมือนแค่ไหนก็ตามในขณะนั้น
การฝึกอาสนะจากสติปัญญาของหัวใจ ด้วยความเบา มั่นคง และนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน หมายถึงการเหยียด การยืด และการขยายอย่างหมดจด
การฝึกอาสนะจากสมองจะทำให้เราหนักทึบ ในขณะที่การฝึกจากหัวใจจะทำให้เราโปร่งเบา
Create Date : 18 มกราคม 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2553 15:35:50 น. |
Counter : 374 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 21 มกราคม 2553 18:30:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 22 มกราคม 2553 16:52:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: นางแมวยั่วสวาท IP: 87.245.74.245 22 มกราคม 2553 17:38:47 น. |
|
|
|
|
|
|
ลิงจอม ทะเล้น
หัวหอม จอมซ่า
กระต่ายจอม กวน
(no practice / rest days)
|
|
|
|
|
|
|
วันนี้แพทรู้สึกไม่ค่อยดี
สงสัยติดหวัดจากลูก
.....................
กรุงเทพอากาศเย็นแถมยังฝนตก
ไปรับลูกเผลอตากฝนดดยไม่รู้ตัวอ่ะค่ะ
ไม่สบายยังไปเรียนโยคะไหวอีกนะคะ
รักการออกกำลังกายมากจ้าคุณเชียง