สงครามไม่มีวันจบหรอก...มันจะมีไปเรื่อยๆชั่วนิรันดร์ (หน้า 52)
จอห์น บอยน์ เขียน
พรพยงค์ นำธวัช แปล
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน
หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านทีไรไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นหนังสือเกี่ยวกับสงครามเกือบทุกทีและหนังสือเล่มล่าสุดของนักเขียนคนโปรด จอห์น บอยน์ (John Boyne) ผู้เคยฝากความประทับใจนักอ่านหลายคนมาแล้ว จากเด็กชายในชุดนอนลายทาง (The Boy in the Striped Pajamas) และกาลครั้งหนึ่งของโนอาห์ บาร์ลีย์วอเตอร์ (Noah Barleywater Runs Away)
ครั้งนี้บอยน์กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มใหม่ที่ยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม พ่อกับผมและบางสิ่งที่หายไปในสงคราม (Stay where you are and then leave)
ถ้าใครเคยอ่าน เด็กชายในชุดนอนลายทางหรือดูภาพยนตร์มาแล้ว จะทราบว่า หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 โดยมีเด็กชายบรูโน ลูกชายของหัวหน้าทหารฝ่ายนาซี ที่มีเพื่อนเป็นเด็กชายชาวยิวที่โดนจับมาขังในค่ายกักกันมิตรภาพของเด็กทั้งสองคนงอกงามภายใต้รั้วไฟฟ้าและการเข่นฆ่าของมนุษย์ด้วยกันเอง
และ พ่อกับผมและบางสิ่งที่หายไปในสงคราม (Stay where you are and then leave) เป็นเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่1 ครั้งนี้ บอยน์เขียนเรื่องราวในมุมมองของเด็กชายชาวอังกฤษ
นามว่าแอลฟี ซัมเมอร์ฟีลด์ ที่ต้องสูญเสียช่วงเวลาเด็กของตนเองและพ่อให้กับสงคราม
ทุกค่ำคืน ก่อนที่เขาจะหลับใหล แอลฟีซัมเมอร์ฟีลด์พยายามนึกว่าชีวิตเคยเป็นเช่นไรก่อนเกิดสงครามแล้วเมื่อแต่ละวันผ่านพ้นไป มันก็ยิ่งยากขึ้นและยากขึ้นที่จะเก็บความทรงจำให้ยังคงชัดเจน(หน้า1)
พ่อของแอลฟีเป็นคนส่งนมภายในหมู่บ้านแล้วเมื่อสงครามปะทุขึ้น เขาก็เป็นคนแรกๆ ที่อาสาสมัครไปเป็นทหาร แม้ว่าคนในครอบครัวจะคัดค้านแต่พ่อของแอลฟีมีความเห็นว่า นี่คือหน้าที่หน้าที่ที่ลูกผู้ชายทุกคนจะต้องสู้เพื่อราชินีพ่อบอกกับแอลฟีว่าสงครามจะจบลงก่อนคริสต์มาส และพ่อจะรีบกลับมาหาเด็กชายในเร็วๆนี้
พวกเขาบอกว่ามันจะจบลงก่อนศริสต์มาสแต่คริสต์มาสผ่านมาและผ่านไปสี่ครั้งแล้ว ครั้งที่ห้ากำลังจะมาถึงแต่สงครามยังไม่มีวี่แววจะยุติ(หน้า 32)
เมื่อหัวหน้าครอบครัวไม่อยู่แม่ของแอลฟีจึงต้องไปสมัครเป็นพยาบาลเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว จนแม่แทบไม่มีเวลาให้แอลฟีเหมือนเมื่อก่อนเด็กชายที่มีอายุเพียงห้าขวบจึงต้องดูแลตัวเอง แม้ในความรู้สึกลึกๆแอลฟีไม่ได้ต้องการแบบนั้นก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่แอลฟีสังเกตเห็นว่าแม่เปลี่ยนไปในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาคือเธอเกรี้ยวกราดขึ้น ไม่เล่นกับเขาอีกต่อไป ---เพราะมักอ่อนเพลียเกินกว่าจะทำได้เธอไม่อ่านหนังสือให้เขาฟังก่อนนอน... (หน้า33)
ตลอดเวลาสี่ปีที่พ่อหายไปนั้น แรกๆพ่อยังส่งจดหมายกลับมาบ้าง แต่สองสามปีที่ผ่านมา แอลฟีไม่เคยเห็นว่ามีจดหมายมาถึงเด็กชายจึงมักจะใช้เวลาในช่วงเช้าเพื่อตรวจดูรายชื่อของพ่อในหน้าหนังสือพิมพ์
แอลฟีทำสิ่งที่ทำเสมอในตอนเช้าคือพลิกหนังสือพิมพ์ไปหน้าสี่เพื่ออ่านหมายเลขต่างๆ หมายเลขผู้เสียชีวิตฝ่ายเราหมายเลขผู้เสียชีวิตฝ่ายตรงข้ามหมายเลขผู้บาดเจ็บ...
มีเพียงหมายเลขเดียวที่แอลฟีสนใจจริงๆ 14278 หมายเลขของพ่อ (หน้า42)
และเมื่อเด็กชายเห็นแม่ต้องลำบากทำงานเป็นพยาบาลและรับจ้างเย็บผ้าเล็กๆน้อยๆ เด็กชายจึงแอบออกไปทำงานรับจ้างขัดรองเท้าที่สถานีรถไฟคิงครอสโดยแอบไม่ให้ใครรู้
แอลฟีขโมยกล่องขัดรองเท้าของมิสเตอร์ยานาเช็คมาด้วยเหตุผลประการเดียวเพื่อจะได้ออกไปทำงานเหมือนที่
เลนาร์ด ฮอปกินส์ทำและช่วยแบ่งเบาภาระแม่แม่ทำในส่วนของเธอ ได้เวลาแล้วที่เขาจะทำหน้าที่ในส่วนของเขาบ้าง (หน้า55)
และการออกไปรับจ้างขัดรองเท้านี่เองที่ทำให้แอลฟีได้ค้นพบความจริงบางอย่างความจริงเกี่ยวกับพ่อที่จู่ๆ ก็ไม่เคยส่งจดหมายกลับมาอีกและแอลฟีก็รู้ว่าเขาจะต้องช่วยพ่อให้กลับมาที่บ้านเพื่อให้บ้านกลับมาเป็นบ้านอีกครั้งให้ได้
พ่อกับผมและบางสิ่งที่หายไปในสงคราม (Stay where you are and then leave) ยังคงเป็นหนังสือที่มีเสน่ห์การเขียนในแบบของจอห์น บอยน์ที่สามารถเขียนตัวละครเด็กได้เป็นเด็กจริงๆไม่ยัดเยียดใส่ความเป็นผู้ใหญ่ลงไปในตัวละครของแอลฟี เด็กชายใสซื่อแต่ก็มีความรับผิดชอบเพราะพ่อฝากฝังให้เด็กชายเป็นหัวหน้าครอบครัวคอยดูแลแม่แต่เด็กห้าขวบก็คือเด็กห้าขวบที่ยังมีความกลัวในบางครั้ง
ส่วนตัวแล้วหนังสือเรื่องนี้ไม่ได้จบแบบหดหู่เหมือนกับ เด็กชายในชุดนอนลายทาง (The Boy in the Striped Pajamas) แต่หนังสือก็สามารถบอกได้ว่าเมื่อเกิดสงคราม ถึงจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะแต่นั่นก็ไม่ได้ความว่าพวกเขาจะไม่ต้องสูญเสียอะไรเลย
แอลฟีสูญเสียชีวิตในวัยเด็กต้องรับผิดชอบเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองตั้งแต่ห้าขวบฝ่ายพ่อที่ออกไปรบก็ต้องเจอกับสงครามและความตาย จนเกิดเรื่องราวบางอย่างในตอนท้าย เราทุกคนต่างสูญเสียด้วยกันทั้งนั้นไม่มีใครเป็นผู้ชนะจริงๆ ในสมรภูมินี้ได้เลย
เขาไม่อาจบอกเหตุผลพ่อได้ ยังบอกไม่ได้...มิสเตอร์ยานาเช็คเคยบอกเขาเมื่อนานมาแล้ว
เขาทำไปเพื่อเหตุผลที่ดีที่สุดในโลก เพื่อความรัก (หน้า 217)